บทที่ 2
อิงฟ้าไม่คิดว่าจะมีภัยร้ายมาถึงตัว จึงไม่ได้ระมัดระวัง ขับรถกลับบ้านโดยไม่รอให้กรินมาส่งตนเอง ทว่า...หญิงสาวหารู้ไม่ว่ามีรถยนต์คันหนึ่งขับตามหลังเธออยู่ห่างๆ ตั้งแต่เธอออกมาจากร้านอาหารแล้ว
คนร้ายต่างก็แสยะยิ้มเมื่อเห็นเหยื่อขับรถออกมาจากร้านอาหารเพียงลำพัง พวกมันรอแค่เวลาให้เหยื่อขับรถไปบนถนนที่ร้างรารถสัญจรไปมา จากนั้นพวกมันจะลงมือเชือดเหยื่อสาวในทันที
และเวลาที่พวกมันรอ ก็เดินทางมาถึง เมื่อเหยื่อสาวเลี้ยวรถเข้าในซอยเข้าหมู่บ้านซึ่งไม่มีรถคันอื่นๆ ใช้ถนนร่วมด้วยแม้แต่คันเดียว
ปี๊ดดด...
เสียงบีบแตรรถที่ดังลั่น พร้อมกับถูกเปิดไฟสูงไล่จากรถที่ขับตามหลัง ทำให้อิงฟ้าต้องชะลอความเร็วรถลง แล้วเปลี่ยนเลนขับรถชิดเลนซ้าย เพื่อเปิดทางให้รถคันหลังแซงเธอได้สะดวกขึ้น
ขณะขับรถชิดเลนซ้าย อิงฟ้าก็เหลือบสายตามองทางกระจกมองหลัง และกระจกข้าง มองรถยนต์คันหลังซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงแซงรถของเธอไป
“จะรีบไปไหนนะ”
หญิงสาวบ่นอุบ แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง ร้องกรี๊ดเสียงหลง เหยียบเบรคแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ รถยนต์คันที่แซงเธอไปได้ขับปาดหน้า ก่อนจะจอดรถอย่างกะทันหัน ทำให้เธอต้องเหยียบเบรคแทบมิดเท้าจอดรถตามไปด้วย
“บ้าจริงๆ ทำไมขับรถมารยาทรามแบบนี้”
อิงฟ้าด่าพึมพำอยู่คนเดียว และด้วยไม่คิดว่ารถคันหน้าจะมุ่งร้ายกับตนเอง จึงไม่ได้ระวังตัว ไม่ได้ล๊อกประตูรถยนต์ แต่แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดดังลั่นรถ เมื่อมีชายฉกรรจ์สองคน ร่างใหญ่ยักษ์ หน้าตาน่ากลัวลงจากรถแล้วกรูเข้ามาที่รถยนต์ของเธอ ก่อนจะกระชากประตูรถออก แล้วดึงตัวเธอให้ลงจากรถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“ลงมา!”
“กรี๊ดดด...ช่วยด้วย...”
อิงฟ้าหวีดเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว ใบหน้างามขาวซีดไม่ต่างจากกระดาษขาว หวาดกลัวจนตัวสั่น พยายามดิ้นหนีให้เป็นอิสระด้วยการข้ามไปเบาะรถทางด้านซ้าย แต่กระนั้นก็ยังถูกกระชากออกมาจากรถยนต์จนได้
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!”
“แหกปากหาพระแสงอะไรวะ หุบปากเดี๋ยวนี้!”
หนึ่งในคนร้ายตะคอกลั่น พร้อมกับซัดหนักๆ ไปบนใบหน้าขาวซีดเต็มแรง
เผียะ!
“กรี๊ดดด...ช่วย...ช่วยด้วย...”
แม้ปวดระบมทั่วใบหน้าที่ถูกตบ หวาดกลัวแทบสิ้นสติ แต่อิงฟ้าก็ยังสู้ไม่ถอย ร้องขอความช่วยเหลือ ดิ้นรนให้พ้นจากคนร้ายเท่าที่ยังมีแรงเหลืออยู่
“หุบปาก แหกปากดีนัก เดี๋ยวกูจะให้รางวัลอีกรอบ” คนชั่วตะคอกสั่ง ยกมือขึ้นทำท่าจะซัดลงไปบนใบหน้าขาวซีดอีกรอบ
“ปล่อย...ปล่อย...ฉันไปเถอะ...อยากได้อะไรก็เอาไป...แต่อย่าทำร้ายฉันเลย...”
“กูต้องการตัวมึงเท่านั้น”
คราวนี้คนร้ายตะปบมือมาปิดปาก พร้อมกับตะโกนสั่งเพื่อนร่วมขบวนการชั่วของมันด้วย
“ลากอีนังนี่ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี่”
“ครับ ลูกพี่”
ลูกน้องชั่วรับคำ เข้ามารวบเท้าเล็กทั้งสองของอิงฟ้า ส่วนลูกพี่ชั่วก็ล็อกอยู่ด้านบน ช่วยกันแบกร่างเหยื่อตรงไปยังรถยนต์ของพวกมัน
“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”
อิงฟ้าตะโกนขอความช่วยเหลือทั้งๆ ยังถูกปิดปากไว้แน่น เท้าเล็กทั้งสองพยายามถีบดิ้นรนให้เป็นอิสระ หวาด
กลัวจนแทบช็อก เมื่อคิดว่าตนเองคนไม่พ้นมือจากมือคนชั่วเหล่านี้
แต่คนชั่วไม่ทันได้อุ้มเหยื่อไปถึงรถยนต์ของพวกมัน ก็มีรถยนต์คันหนึ่งเลี้ยวเข้าในถนนที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปิดไฟสูงใส่ เมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวกำลังถูกทำร้ายอยู่
รถสปอร์ตสีดำราคาแพงลิบ ขับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจอดรถห่างจากรถคนชั่วไปไม่กี่นิ้ว พอหยุดรถได้แล้ว เจ้าของร่างใหญ่กำยำก็กระโจนลงจากรถ พร้อมกับมัจจุราชสีดำมะเมือมอยู่ในมือด้วย
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้! ก่อนกูจะลั่นไกเป่าสมองของพวกมึงให้กระจุย”
ไม่ต้องรอให้ถูกสั่งเป็นครั้งที่สอง แค่เห็นปืนในมือ กอปรกับใบหน้าถมึงทึง ดวงตาคมกริบไม่ต่างจากดวงตาของพญาเหยี่ยว ที่จ้องเขม็งไม่ไหวติง คนชั่วทั้งสองก็รีบทิ้งร่างเหยื่อลงกับพื้นในทันที
“ไสหัวไป! อย่าให้กูเห็นหน้าพวกมึงอีก”
เจ้าของดวงตาคมกริบ ไม่ได้สนใจคนชั่วที่กำลังวิ่งไปขึ้นรถ ก่อนจะขับหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาทรุดกายลงนั่งใกล้กับร่างบางที่ถูกปล่อยทิ้งลงกับพื้นเต็มแรง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“คุณครับ เป็นยังไงบ้างครับ”
ร่างบางยังคงสั่นเทาไม่ต่างจากถูกจับโยน ใบหน้างามขาวซีด หยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวร่วงพรูเต็มสองแก้ม
“พวกมัน...พวกมัน...”
“ไม่เป็นไรครับ พวกมันไปแล้ว คุณปลอดภัยแล้วนะครับ”
เจ้าของน้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือใหญ่เอื้อมไปหมายจะช่วยประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืน แต่อิงฟ้ากลับกระถดกายถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“อย่า...อย่า...อย่าทำอะไรฉันนะคะ...อยากได้อะไรก็เอาไป...”
อิงฟ้าร้องไห้โฮ ยกมือไหว้ร้องขอชีวิต ยังคงหวาดกลัวว่าตนเองจะหนีเสือปะจระเข้ กลัวชายร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มคนนี้จะทำร้ายเธออีกคน
“ไม่ต้องกลัวผมนะครับ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอกครับ ผมมาช่วยคุณนะครับ”
เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยปลอบอีกครั้ง เผยความจริงใจให้เห็นผ่านดวงตาคมกริบทั้งคู่ พอหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายไม่กระถดกายถอยหนีแล้ว จึงเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วง
“คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหมครับ”
“ไม่...ไม่ค่ะ”
อิงฟ้าจ้องมองชายตรงหน้า เริ่มคลายความหวาดกลัวลงบ้าง กระนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยตอบยังคงตะกุกตะกักสั่นเทาอยู่เหมือนเดิม
“แน่ใจนะครับว่าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ ผมดูเหมือนว่าตรงปากของคุณจะมีเลือดออกด้วย บัดซบ! พวกมันตบคุณใช่ไหมครับ”
บุรุษหนุ่มที่เป็นดั่งพระเอกมาช่วยอิงฟ้า สบถลั่น ใบหน้าถมึงทึง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ เมื่อมองเห็นตรงมุมปากมีเลือดแห้งกรังเกาะติดอยู่
“คุณชื่ออะไรครับ รออยู่นี่ตรงนี้สักครู่ได้ไหมครับ”
“อิงฟ้าค่ะ เรียกฉันว่าอิงก็ได้ค่ะ คุณจะไปไหนคะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะคะ ฉันกลัว...”
อิงฟ้าเอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับต้นแขนสีแทนแข็งแกร่งไว้ ขณะเอ่ยขอร้องเสียงสั่น ไว้ใจว่าชายผู้นี้คงไม่ทำร้ายเธอแน่ เพราะหากเขาคิดจะทำร้ายเธอ เขาคงลงมือไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ผมไม่ทิ้งคุณไว้คนเดียวแน่นอนครับ รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับน้องอิง รอผมแค่นาทีเดียวเท่านั้นครับ”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณค่ะ”
อิงฟ้าพยักหน้ารับ รู้สึกปลอดภัยกับคำปลอบประโลม และอบอุ่นกับน้ำคำที่ชายผู้นี้เรียกเธอว่า ‘น้องอิง’
เจ้าของใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มอบอุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดันกายลุกขึ้นเดินตรงไปยังรถยนต์ของตนเอง เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็ก และขวดน้ำดื่มในมือด้วย
“เดี๋ยวผมจะเช็ดเลือดออกให้คุณนะครับ”
พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยอิงฟ้า เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ดวงตาคมกริบทอดมองใบหน้าขาวซีดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเทน้ำดื่มลงบนผ้าขนหนู บิดน้ำให้หมาดๆ แล้วบรรจงเช็คคราบเลือดตรงมุมปากให้อิงฟ้าด้วยกริยาอ่อนโยน โดยไม่ลืมเอ่ยถามหญิงสาวด้วย
“เจ็บไหมครับ ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ไม่เคยดูแล ไม่เคยทำแผลให้ผู้หญิง ถ้าผมทำหนักมือไป คุณบอกผมได้นะครับ”
“ไม่...ไม่เจ็บค่ะ”
อิงฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธ อยากตอบเหลือเกินว่าไม่เคยมีใครดูแลและปกป้องเธอแบบนี้มาก่อนเช่นเดียวกัน ดวงตาคู่สวยทอดมองคนตรงหน้า ซึ่งเป็นดั่งเทพบุตรในฝัน เทิดทูนชายผู้นี้ไม่ต่างจากฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอกดั่งในนิยายที่เคยอ่านเป็นประจำ
“เรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีคราบเลือดเหลืออยู่แล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างให้ พร้อมกับเอ่ยถามต่อ
“น้องอิงพอจะจำหน้าคนร้ายได้ไหม แล้วผมพาคุณไปแจ้งความเองครับ”
“น้องอิงจำหน้าพวกมันได้ค่ะ แต่น้องอิงไม่อยากไปแจ้งความ ไม่อยากเป็นข่าว น้องอิงอายนะคะ”
“แต่น้องอิงควรจะไปแจ้งความไว้นะครับ พวกมันจะได้ถูกตำรวจลากคอ ไม่ให้ไปทำชั่วได้อีก”
เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยค้าน ไม่เห็นด้วยสักเท่าไร ที่อิงฟ้าไม่ยอมไปแจ้งความ
“ไม่ค่ะ น้องอิงไม่ไป น้องอิงอยากกลับบ้าน”
อิงฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว ยังคงยืนกรานความต้องการของตนเอง จนพระเอกขี่ม้าขาวต้องพยักหน้ารับอย่างยอมแพ้
“ก็ได้ครับ ถ้าน้องอิงไม่ไปแจ้งความก็ไม่เป็นไร ว่าแต่น้องอิงขับรถไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว เดี๋ยวจอดรถไว้ที่นี่ก่อน ผมจะไปส่งน้องอิงที่บ้านเอง ส่วนรถของน้องอิง ผมจะโทรตามลูกน้องให้ขับไปให้น้องอิงที่บ้าน”
อิงฟ้าเกิดอาการลังเล รู้ว่านาทีนี้ตนเองไม่มีแรงขับรถกลับบ้านแน่ แต่ก็ไม่อยากทิ้งรถไว้ เพราะเกรงว่ารถจะถูกขโมยได้
“น้องอิงกลัวรถหายนะคะ”
“ไม่ต้องกลัวครับ ลูกน้องของผมพักอยู่แถวๆ นี้ ไม่เกินห้านาที พวกเขาก็มาถึงแล้วครับ หรือถ้ารถของน้องอิงหาย ผมจะซื้อชดใช้ให้น้องอิงเองครับ”
“ก็ได้ค่ะ น้องอิงสารภาพตามตรงว่าตอนนี้ไม่มีแรงขับรถเลยค่ะ”
อิงฟ้าเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา คำตอบของเธอทำให้พระเอกขี่ม้าขาวคลี่ยิ้มออกมาได้
“ถ้ายังงั้นไปเถอะครับ ผมขออนุญาตช่วยประคองน้องอิงนะครับ”
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบเอ่ยขออนุญาตด้วยท่าทีสุภาพ รอให้อิงฟ้าพยักหน้ารับคำ จึงโอบแขนไปรอบเอวเล็ก ช่วยประคองร่างบอบบางให้ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังรถสปอร์ตของตนเอง
แม้เพิ่งเจอเรื่องร้ายๆ เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา แต่อิงฟ้ากลับคลี่ยิ้มออกมาได้ หลังจากได้รับการปกป้องจากบุรุษผู้นี้ นอกจากจะประคองเธอให้เดินมาที่รถสปอร์ตหรูหราแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูรถยนต์ให้ และประคับประคองกระทั่งเธอเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
พระเอกขี่ม้าขาวแย้มยิ้มอบอุ่นให้กับอิงฟ้า ก่อนจะเคลื่อนรถออกอย่างนุ่มนวล โดยไม่ลืมโทรให้ลูกน้องของตนเองมาขับรถของอิงฟ้าไปส่งที่บ้านของหญิงสาวด้วย
“น้องอิงขอบคุณคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ น้องอิงยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไง...”
มือใหญ่ผละจากพวงมาลัยรถยนต์ มากุมมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าตัก แล้วบีบเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปลอบอิงฟ้าไปด้วย
“อย่าคิดถึงมันอีกนะครับน้องอิง จำแค่เพียงว่าตอนนี้น้องอิงปลอดภัยแล้วก็พอครับ”
“ค่ะ น้องอิงจะทำตามที่คุณบอกค่ะ”
อิงฟ้ายิ้มหวาน ดวงตาคู่สวยทอดมองเจ้าของใบหน้าคมเข้มด้วยแววตาเทิดทูนระคนรักใคร่ อบอุ่นใจที่มีมือใหญ่คอยจับกุม อุ่นวาบไปทั้งหัวใจดวงน้อยในทุกครั้งที่ถูกเรียกว่า ‘น้องอิง’
อิงฟ้ากำลังตกอยู่ในภวังค์ของพระเอกขี่ม้าขาว ดวงตาทั้คู่ทอดมองแน่นิ่งอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลา จนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ขับรถมาถึงหน้าบ้านของเธอแล้ว
“น้องอิงครับ มองแบบนี้ผมคิดเงินด้วยนะครับ”
อิงฟ้าถึงกับอายหน้าแดงซ่านกับคำสัพยอกของชายหนุ่ม
“ถึงบ้านของน้องอิงแล้วครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยบอกยิ้มๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถ ยังคงทำหน้าที่ของสุภาพบุรุษ ด้วยการเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้อิงฟ้าด้วย
“เชิญ น้องอิงครับ”
อิงฟ้ากำลังใจละลายกับความเป็นสุภาพบุรุษของฮีโร่ เพราะนอกจากจะเปิดประตูรถให้เธอแล้ว ยังยื่นแขนเข้ามาในรถให้เธอจับประคองลงจากรถด้วย
“ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน ร้อนวูบวาบดั่งกระแสไฟไหลพล่านทั่วทุกเส้นเลือดในทุกครั้งที่ได้จับต้องต้นแขนแข็งแกร่ง
“เดี๋ยวผมกดกริ่งให้เด็กรับใช้มาเปิดประตูให้น้องอิงนะครับ”
เอ่ยบอกไปแล้ว ก็ทำท่าจะไปกริ่งหน้าบ้าน แต่ถูกอิงฟ้าห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องอิงมีกุญแจเปิดประตูรั้วค่ะ”
“ถ้างั้นขอกุญแจให้ผมด้วยครับ” มือใหญ่แบมาตรงหน้าเพื่อรอรับลูกกุญแจจากหญิงสาว
อิงฟ้าควานหาลูกกุญแจในกระเป๋าสะพายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางลงไปบนฝ่ามือใหญ่ แล้วก็ต้องใจเต้นรัวเร็วเมื่อถูกรวบมือเล็กไว้ แล้วจับจูงให้เดินตรงไปที่ประตูรั้วด้วยกัน
“น้องอิงเข้าไปในบ้านได้แล้วนะครับ”
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบเอ่ยบอก หลังจากเปิดประตูรั้วบานเล็กให้หญิงสาวแล้ว
“คุณเข้าไปดื่มกาแฟก่อนไหมคะ น้องอิงจะได้แนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักกับคุณที่ช่วยชีวิตของน้องอิงไว้”
อิงฟ้าไม่ยอมเข้าไปในบ้าน เอ่ยขอร้องไปแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะทำตาม เธออยากแนะนำให้มารดาได้รู้จักกับฮีโร่ของเธอจริงๆ
“เอาไว้วันหลังดีกว่านะครับ วันนี้ดึกมากแล้ว คงไม่เป็นการเหมาะสมสักเท่าไร หากผมจะเข้าไปรบกวนคนในบ้าน”
“แต่น้องอิงอยากขอบคุณคุณ และอยากทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนคุณบ้างนะคะ”
“น้องอิงได้ ‘ตอบแทน’และ ‘ชดใช้’ ให้ผมแน่นอนครับ”
เพราะกำลังปลื้มและเทิดทูนบุรุษตรงหน้าเป็นอย่างมาก อิงฟ้าจึงไม่ทันได้สังเกตกับถ้อยคำบางคำที่เน้นหนัก พร้อมกับดวงตาคมกริบไหววูบเผยให้เห็นความชิงชังระคนโกรธแค้นในชั่วขณะ
“น้องอิงเข้าไปในบ้านนะครับ ถ้าไม่เห็นน้องอิงเข้าไปในบ้าน ผมก็ยังเป็นห่วงน้องอิง ผมจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะเห็นว่าน้องอิงปลอดภัยดีแล้ว”
เมื่ออิงฟ้าไม่ยอมเข้าไปในบ้าน เจ้าของนัยน์ตาคมกริบจึงดันแผ่นหลังให้หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับปิดประตูรั้วให้ด้วย
“ผมกลับแล้วนะครับ”
“เดี๋ยวค่ะ น้องอิงยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนะคะ”
อิงฟ้าเอ่ยถามเจ้าของร่างใหญ่กำยำ ที่กำลังเดินตรงไปยังรถยนต์ ขณะเดียวกันก็อยากเขกหัวตัวเองจับใจ เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตนเองลืมถามชื่อของฮีโร่คนเก่ง
ร่างใหญ่กำยำค่อยๆ หันมามองใบหน้างามที่กำลังยิ้มให้ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหยียดตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเย็น
“รามิน ผมชื่อรามิน จำชื่อผมให้ขึ้นใจนะครับ อิงฟ้า!”
“ค่ะ คุณรามิน”
อิงฟ้ารับคำเสียงหวาน มองตามร่างใหญ่กำยำ ที่ก้าวเดินเร็วๆ ไปขึ้นรถสปอร์ตด้วยแววตาชื่นชม ยกย่องให้ ‘รามิน’ เป็นเทพบุตร เป็นฮีโร่ในดวงใจ โดยหารู้ไม่ว่า ‘เทพบุตร’ คนนี้กำลังกลับมาเพื่อแก้แค้นทุกคนที่ทำให้เขาเสียใจกระทั่งต้องฆ่าตัวตายในชาติภพที่แล้ว...