บทที่ 4 ขอความอบอุ่น
ว้าย!
อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้
“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”
น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ
“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”
อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลับไปแล้ว ฉันเลยขออนุญาตตอนเธอหลับขึ้นมานอนบนเตียงด้วย” เขาตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิทอยู่
“ตะ...แต่หมอภีร์ก็ไม่ควรมานอนกับดาวนะคะ แบบนี้ไม่ดีนะคะ ตอนนี้ดาวโตแล้ว”
“ฉันรู้ว่าดาวในวันนี้โตแล้ว...และก็สวยมากด้วยตอนนี้” ท้ายประโยคภีร์เสริมต่อในใจ
“หมอภีร์ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะตอนนี้ คือดาวอึดอัดค่ะ”
“ขอความอบอุ่นอีกนิดนะ นิดเดียวจริงๆ ดาว” เขาบอกสาวน้อยพร้อมกับซุกหน้าไปกับซอกคอระหงหอมกรุ่น กลิ่นกายสาวน้อยหอมเย้ายวนจนไม่อยากแยกห่าง ตอนนี้ภีร์รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร หรือดั่งคำเขาว่า ‘สมภารกินไก่วัด’ นั่นเอง
“จำไม่ได้แล้วว่าฉันเคยสัมผัสความอบอุ่นแบบนี้มานานแค่ไหน ใจฉันมันหนาวเหน็บอ้างว้างโดดเดี่ยวมานานมากเหลือเกินดาว และมีแค่เธอตอนนี้ที่เป็นความอบอุ่นให้ฉันได้”
มันคือความจริง ภีร์ไม่ได้โกหก ตอนนี้ใจของเขาที่เคยร้อนด้วยไฟชังมันกลับเย็นขึ้นเมื่อได้พูดคุย ได้ยินเสียงเล็กหวานของสาวน้อยและยิ่งได้เจอ ได้ชิดใกล้ ได้กอดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่นี้
“หมอภีร์...” อ้อมดาวผ่อนคลายแล้วขยับตัวจากนอนนิ่งเกร็งมาโอบกอดลูบตบหลังกว้างปลอบโยนคนตัวโตแทน
“ไม่ต้องสงสารฉันเด็กน้อย” เขารู้ว่าอ้อมดาวสงสารเขาจึงพูดบอกอ้อมดาว
“ดาวไม่ได้สงสาร แต่ดาวรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของหมอภีร์ ตลอดเวลาที่ดาวรู้จักหมอภีร์และได้อยู่เคียงข้างหมอภีร์มาเป็นเวลาหลายปี ดาวรู้ดีว่ามันยากที่หมอภีร์จะก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ ดาวจะเป็นความอบอุ่นให้หมอเองค่ะ”
“รู้ไหมว่าชีวิตของฉันมีแค่เธอกับน้องชายเท่านั้น พ่อกับแม่มีก็เหมือนไม่มี” พอพูดถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เขาก็จุกในอกแล้วหยุดพูดซบหน้าหลับตานิ่งกับซอกคอเด็กสาว
“ถ้าเจ็บปวดนักก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันนะคะ ตอนนี้ดาวต้องกลับหอพักแล้วค่ะ ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนตอนบ่าย”
“ย้ายออกจากหอพักมาอยู่ด้วยกันไหมดาว มาทำให้คอนโดเงียบๆ ของฉันให้มีสีสันและทำมันเป็นเหมือนบ้าน เธอมาอยู่กับฉันนะ”
“คือดาว...”
“มาอยู่ด้วยกันนะ ฉันจะได้กลับมาที่นี่บ่อยๆ เพราะปกติติดนอนที่โรงพยาบาล เพราะว่าคอนโดกลับมาก็อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนคุย แต่ที่โรงพยาบาลมีเพื่อนหมอคนอื่นๆ พักอยู่ด้วยเลยทำให้ฉันชอบนอนที่นั่นมากกว่ามาคอนโด”
ภีร์ผละลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงลูบหัวอ้อมดาวที่ยังนอนลืมตามองตนเองอยู่บนหมอนใบใหญ่ ตอนนี้หัวใจของเขาได้รับความอบอุ่นจากอ้อมดาวมาพอสมควรแล้ว เพราะเข้ามาตั้งแต่ตอนตีสาม เขาไม่สามารถนอนหลับคนเดียวได้ เพราะเรื่องในตอนหัวค่ำยังตามมาหลอกหลอนทุกครั้งยามข่มตาหลับจนต้องพาตัวเองมานอนกับอ้อมดาว
“คือดาว...” สาวน้อยอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี แม้ว่าในใจจะกำลังโลดเต้นดีใจที่หมอภีร์ชักชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่อีกความคิดก็เป็นกังวล เพราะชายหญิงที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ควรมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แม้ว่าภีร์จะเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ปกครองของตนเอง แต่เธอก็ไม่เคยมองว่าเขาเป็นผู้ปกครองสักครั้ง ในสายตาของอ้อมดาว ภีร์คือผู้ชายที่เธอ ‘รัก’ ตั้งแต่แรกเจอ
“ไหนบอกจะเชื่อฟังฉันและทำตามที่ฉันต้องการไงดาว ตอนนี้ก็รับน้องเสร็จแล้วนี่”
“หลังสอบเสร็จ ปิดเทอมแรก ดาวจะย้ายมานะคะ”
“นานไหม?”
“อีกหนึ่งเดือนค่ะ” สาวน้อยตอบ
“อือ...งั้นก็ไปล้างหน้าเถอะ วันนี้ฉันหยุดเดี๋ยวฉันไปส่งดาวที่หอพักเอง” ก่อนจะจากไปภีร์ก็ก้มโน้มหน้าลงจุ๊บหน้าผากเด็กในปกครอง ก่อนจะลุกเดินลงจากเตียงไปด้วยใบหน้าเรียบตึง แต่คนถูกจุ๊บหน้าเหม่งถึงกับนอนเกร็งหน้าแดงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแล้วร้องกรี๊ด
กรี๊ด!
เสียงกรี๊ดใต้ผ้าห่มดังออกมาถึงด้านนอกทำให้ภีร์อมยิ้มเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมจะได้ไปส่งอ้อมดาวกลับหอพักนักศึกษาของเธอ
อ้อมดาวร้องกรี๊ดใต้ผ้าห่มจนพอใจก็ดึงมันออกแล้วมองไปทางประตูห้องนอนที่เปิดทิ้งกว้างไว้แล้วลุกขึ้นกุมสองแก้มตัวเองพิงหัวเตียงแล้วพึมพำเป็นคำถามกับตัวเอง
“เมื่อกี้หมอภีร์จุ๊บหน้าผากเราทำไมดาว” ถามตัวเองแล้วก็หยิบหมอนข้างขึ้นมากอดกัดแก้เขิน
“หมอภีร์คงไม่ได้คิดแบบชู้สาวกับเราใช่ไหมดาว” คิดแล้วก็กัดหมอนอีกครั้งจนมันจะขาด
“ไม่ หมอภีร์แค่จุ๊บแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเท่านั้นแหละดาว” เธอบอกตัวเองให้คิดแบบนั้น แต่สองแก้มนวลก็แดงลามไปถึงหูและเสียงหัวใจก็เต้นแรงจนต้องระบายความเขินอายกับหมอนที่กอดกัดรุนแรงขึ้น