ตอนที่ 1 ข้าอยากเข้าใกล้เจ้าอีกหน่อย
"นางมีคนรักอยู่แล้วขอรับท่านอ๋อง ดูเหมือนว่า....ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะรักกันมากเสียด้วย"
ละอองเกร็ดน้ำแข็งร่วงหล่นลงมาถูกพัดพาไปตามสายลมหนาว พื้นดินทุกแห่งหนขาวโพลนไปด้วยหิมะ อากาศเย็นเฉียบเช่นนี้กลับมีคนผู้หนึ่งเดินถือร่มไม้ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเหน็บ อาภรณ์เนื้อดีสีขาวลวดลายงดงามถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีเดียวกัน ผมดำยาวครึ่งล่างสยายพัดปลิวไปตามแรงลม ที่นิ้วกลางสวมแหวนหยกงามยากที่จะประเมินราคา มือหนาที่กำร่มแน่นโผล่พ้นเนื้อผ้าดูขาวเนียนยิ่งกว่ามือสตรี แต่รูปกายสง่างามสูงราวเจ็ดฉือคือบุรุษอย่างมิต้องสงสัย รอยเท้าทอดยาวไปตามทางเดินมาหยุดที่ลานเล็กๆ แอบดูบางสิ่งที่ทำให้มือหนาต้องกำร่มแน่นอย่างระบายความรู้สึกในใจ
"เจียวมิ่งเจ้านี่มันซื่อบื้อจริงๆเลย ฮ่าๆ"
"ซินเออร์เจ้าไม่รอดแน่ นี่แน่ะ ฮ่าๆ"
เสียงของหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษกำลังเล่นปาหิมะด้วยความสนุกสนาน เหมือนกับโลกของทั้งคู่กำลังอบอวนไปด้วยความสุข พวงแก้มงามแดงระเรื่อเนื่องเพราะอากาศหนาว แต่กลับยิ้มกว้างส่งเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง ดวงตาสุกใสมองชายคนรักของตนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
เขาเองก็อยากได้แววตาเช่นนั้นเหมือนกัน สายตาที่เต็มไปด้วยความรักจากนาง
'ข้ามาช้าเพียงก้าวเท่านั้น ผิดที่ข้าพึ่งรู้ว่ามีคนเช่นเจ้าอยู่บนโลกใบนี้ด้วย มิเช่นนั้นข้าจะออกตามหาเจ้าและพานพบเจ้าก่อนผู้ใด...'
โจวหนิงเฉินเอ่ยกับตนเองในใจขณะที่มองภาพคนทั้งคู่ บนแผ่นดินนี้ไม่เคยมีผู้ใดที่เขาสู้มิได้ ไม่ว่าจะใบหน้า รูปร่าง เงินทอง และอำนาจ สตรีทั่วเมืองหลวงไม่เว้นแม้กระทั้งแคว้นใกล้เคียงต่างไม่อาจกล้าปฏิเสธเขา ต่างกับนางที่ไม่รู้แม้กระทั้งว่าบนโลกนี้มีคนเช่นเขาหลบซ่อนเพียงเพื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้นของนาง ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะไม่ใช่ของเขาก็ตาม
"ท่านอ๋องมาอยู่ที่นี่เอง ฮวาเออร์ตามหาเสียนาน"
เสียงของสตรีเอ่ยทักทายชายหนุ่มจากด้านหลัง หลี่ซูฮวา บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลังเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั่วเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักนาง สตรีที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างอีกทั้งใบหน้ายังงดงามมากเสียด้วย ถึงแม้จะล่วงเลยวัยปักปิ่นแล้วแต่นางก็ยังมิได้ออกเรือน นั้นเพราะในใจของนางมีคนผู้หนึ่งอยู่ในใจมาโดยตลอด คนผู้นั้นกำลังยืนอยู่ต่อหน้านางตอนนี้
"เอ่อ....นั้นรองแม่ทัพเจียวมิ่งกับลู่เข่อซินเจ้าค่ะ ทั้งคู่เป็นคนรักกัน เจียวมิ่งจึงมักมาที่นี่บ่อยๆ เห็นนางบอกว่าอีกสองเดือนก็จะครบสัญญามิต้องเป็นบ่าวรับใช้ที่จวนข้าแล้ว ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันนะเจ้าคะ"
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงมองภาพทั้งคู่ หญิงสาวจึงได้เอ่ยอย่างชวนคุย โอกาสเช่นนี้หายากนักที่ท่านอ๋องจะมาที่จวนอีกทั้งได้สนทนากับนางสองต่อสองเช่นนี้
"ออกหรือ ออกไปที่ใด"
คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวไปไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสนใจชีวิตบ่าวรับใช้ในเรือนนางถึงขนาดนี้
"ทั้งคู่คบหากันมานาน เห็นบอกว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันแล้ว เจียวมิ่งเป็นถึงรองแม่ทัพหากจะแต่งสตรี เอ่อ...ข้าหมายถึง หากนางเป็นเพียงคนธรรมดาอีกทั้งเป็นคนรับใช้เช่นนี้ นางคงไม่เหมาะสมหรอกเจ้าค่ะ"
"ไม่เหมาะสม เจ้าใช้อะไรตัดสินกัน"
โจวหนิงเฉินดูเหมือนจะไม่พอใจในคำพูดของหญิงสาวเสียเท่าไหร่ เมื่อได้ยินคำพูดของนางที่ดูถูกคนเช่นนี้ อีกทั้งคนผู้นั้นเป็นสตรีที่เขามีใจให้มานานหลายปี เสียงสนทนาของทั้งคู่ดังมากพอที่ทำให้คนสองคนที่กำลังเล่นอยู่ในลานได้ยิน จึงได้รีบเข้ามาหาทันที
"คารวะอ๋องหนิงเฉินพะยะคะ"
เจียวมิ่งรีบทำท่าคารวะทันทีอย่างรู้หน้าที่ ลู่เข่อซินที่ยืนอยู่ด้านหลังเองก็ทำท่าคารวะเช่นกัน เจียวหมิงหลีกทางให้นางเล็กน้อย
"คารวะอ๋องหนิงเฉินเพคะ"
ลู่เข่อซินเอ่ยพรางทำท่าคารวะ แต่ทันทีที่เงยหน้ากลับสบตาเข้ากับดวงตาคม เป็นดวงตาที่งดงามยิ่ง นางไม่เคยพบบุรุษผู้ใดที่มีดวงตางามเช่นนี้ ดวงตาคมคู่นั้นกำลังมองนางอยู่...นัยตาสีน้ำตาลอิฐนั่นเหมือนกำลังถูกเคลือบด้วยน้ำสีใสดูมีเสน่ห์ คิ้วหนาดกดำรับกับจมูกโด่งได้อย่างลงตัว นางเคยเห็นเขาอยู่ไกลๆเพียงเท่านั้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เชยชมเขาใกล้ๆเช่นนี้
"เอ่ยกับข้าเช่นคนทั่วไปเถิด"
ชายหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มกว้างให้หญิงสาว ไม่บ่อยนักที่เขาได้เห็นนางใกล้ๆเช่นนี้ ทุกคราทำได้เพียงแอบมองนางอยู่ห่างๆเท่านั้น เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเพราะด้วยนางมีคนรักอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเข้าไปวุ่นวายในชีวิตนางเลย ในเมื่อใจนางมีผู้ครอบครองเขาก็ไม่คิดจะทำตนไร้มนุษยธรรมไปขัดขวางความรักของนาง คอยเฝ้าดูแลห่วงใยและปกป้องในฐานะคนนอกคนหนึ่ง
"มิเหมาะสมเจ้าค่ะนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ท่านอ๋องอย่าได้สนใจ ท่านพ่อรอท่านอยู่ที่ห้องโถงแล้วเจ้าค่ะ"
หลี่ซูฮวารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่บุรุษที่นางชอบให้ความสนใจผู้อื่นมากกว่าตน นางกำลังจะคว้ามือไปจับแขนชายหนุ่ม แต่โจวหมิงเฉินกลับหลบได้ทัน หมุนตัวเดินออกไปเสียก่อน หญิงสาวจึงทำได้เพียงเดินตามไปเท่านั้น
ดวงตางามมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปไกล พลางคิดในใจว่าท่านอ๋องก็มิได้โหดร้ายเหมือนอย่างที่ชาวบ้านเขาลือกันเสียหน่อย อีกทั้งยังพูดจาดีแม้กระทั่งบ่าวรับใช้เช่นนาง หญิงสาวเคยเห็นเขามาที่จวนหลี่อยู่บ่อยๆ
"ซินเออร์ ซินเออร์!"
เจียวมิ่งเอ่ยเสียงดังเหมือนเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอยไม่ได้ยินเสียงที่ตนเรียก
"เจ้าเป็นอะไรไปหรือ ไม่สบายหรือเปล่า"
เจียวมิ่งไม่เอ่ยเปล่ายังอังมือไปที่หน้าผากเนียนอย่างใส่ใจ หญิงสาวยิ้มกว้างตอบกลับไป พลางคว้ามือหนามาจับกุม
"เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบอากาศหนาวเพียงเท่านี้จะไม่สบายได้อย่างไร เจ้ารีบกลับไปเลยนะมาบ่อยเสียขนาดนี้ ท่านแม่ทัพจะว่าเจ้าเอา ข้ายังต้องไปจัดการงานอีกมาก"
"เข้าใจแล้ว เจ้าต้องไปซักผ้าอีกแล้วใช่หรือไม่ รอข้าหน่อยนะอีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นไว้เจ้ามีหน้าที่เพียงซักผ้าและทำอาหารให้ข้าแต่เพียงผู้เดียว"
ชายหนุ่มไม่เอ่ยเปล่าแต่ยังจุมพิตที่มือเรียวเบาๆพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไป เป็นอีกครั้งที่นางได้ยินคำนี้ แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะไม่ต้องรอนานแล้ว นางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั้งครอบครัวเหลือนางเพียงคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ติดโรคระบาดตายเมื่อห้าปีที่แล้วเพราะยากจนจึงไม่มีแม้กระทั่งยารักษา หลังพวกท่านตายไปนางก็ขายเรือนเพื่อใช้หนี้ที่จัดงานศพ และพาตนเองมาขายตัวเป็นบ่าวรับใช้ อีกสองเดือนก็จะครบกำหนดสัญญา นางตั้งใจว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และตอนนี้นางก็มีคนรักแล้ว เจียวมิ่งเป็นคนดีมากเขารักนางจากใจจริง อีกทั้งคบหากันมากว่าสามปีแล้ว เขาไม่เคยทำอันใดที่หยาบเกียรตินางหรือผิดต่อนางเลยสักครั้ง ไม่รังเกียจที่นางเป็นเพียงบ่าวรับใช้
