ตอนที่ 3
“คุณกรขา..”
เธอส่งเสียงไปแต่ไกลก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องนั้นด้วยซ้ำ
“วา..มาสิจ๊ะมานั่งใกล้ ๆ พี่..”
กรวิกหันหน้าไปมองเธอเมื่อได้ยินเสียง.....
“ค่ะ..”
เธอนั่งลงใกล้ ๆ กรวิกแล้วสอดมือมาคล้องแขนของเขาไว้
“คิดถึงคุณกรจังค่ะ..”
เธอมองสบตาของกรวิกด้วยแววที่ฉายออกมาถึงความเสน่หาอย่างลึกซึ้งจนคนที่นั่งอยู่ในที่นั้นรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาเอง
“ฮะแอ้ม..”
ชายหนุ่มวัยสามสิบปีผู้ที่หล่อเหลา คมคาย หมดจดแกล้งกระแอมออกมาเบา ๆ เหมือนต้องการให้ทั้งสองรู้ว่าในห้องนั้นยังมีเขาอีกหนึ่งคน
“วา..นี่พี่ชายของนริศรานะจ๊ะ..ภูสิงขร นี่มัททวา..”
มัททวามองสบตาคมวาวโรจน์ของภูสิงขร ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นฉายแววคาดคั้นไม่พอใจและหยามหมิ่นชอบกล
“ยินดีที่ได้รู้จัก คุณคงเป็นอดีตคู่หมั้นของน้องเขยผม..ใช่ไหมครับ...”
หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนจะคลายฝ่ามือที่กอดแขนของกรวิกไว้ออก
“คุณก็คงเป็นพี่ชายของผู้หญิงบ้านนอกที่ไม่มีปัญญาจะหาสามีบ้านนอกด้วยกัน ถึงได้มาแย่งเอาคนที่เขามีเจ้าของแล้วไปเป็นสามีหน้าด้าน ๆ ใช่ไหมคะ..”
เธอพูดด้วยน้ำเสียที่ติดจะหวานนิด ๆ เป็นเชิงประชดเหน็บแนมกึ่งยั่วล้อ ทั้งคำพูดและสายตาคมที่เจือแววหวานยามที่จ้องมองเขา ผู้ชายตัวโต ผิวสีแทน มีดวงหน้าคร้ามคม นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ คิ้วหนา ตาดำ จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปสวยออกเป็นชมพูจัด
เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย เป็นเสื้อยืดเข้ารูปเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดทั้งที่แขนและลำตัว สอดชายเสื้อเข้าไปในกางเกงยีนส์สีขรึม
ภูสิงขรทอดสายตามองสำรวจเครื่องหน้ารูปไข่ที่เนียนกริบดูสะอาดหมอจดของสตรีที่อายุราวยี่สิบสามปีตรงหน้าของเขานิ่ง เธอสวยสดงดงาม ดูหวานละไมแต่กลับซุกซ่อนความกร้านโลกเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“เออนี่วาจ๊ะ...พี่ได้บัตรชมละครพันทางมาสองใบว่าจะชวนนริศราไปด้วยคงไม่ได้เพราะตอนนี้นริศท้องแก่ใกล้คลอด เอาอย่างนี้วาไปกับพี่ได้ไหม..”
มัททวาฉีกยิ้มหวานอย่างจงใจเหมือนต้องการจะให้ภูสิงขรพี่ชายของนริศราเห็นถึงความหวานแว๋วระหว่างเธอและกรวิก
“ได้ค่ะสำหรับคุณกรวาว่างเสมอ..วายินดีที่จะอยู่ทุกที่ที่คุณกรอยู่..ถ้าคุณกรต้องการ..”
เธอเอียงคอมองหน้ากรวิกซึ่งฝ่ายกรวิกเองก็ดูจะพึงพอใจไม่น้อยในกริยาท่าทางแบบนั้นของเธอ
“กรฉันว่าไม่เหมาะนะ..ที่แกจะควงผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาไปเที่ยว โดยเฉพาะตอนกลางคืน มันไม่ดี..ถ้านริศรารู้ต้องเสียใจแน่ ๆ ฉันว่าขอบัตรชมละครให้ฉันดีกว่า..ฉันอาสาจะดูแลคุณผู้หญิงคนนี้ให้..”
มัททวาหุบยิ้มทันทีเธอจ้องหน้าภูสิงขรอย่างไม่สบอารมณ์
“จริงสินะนริศราคงไม่พอใจแน่เลย..ก็ได้ นายเองก็ไม่ได้ชมละครแบบนี้นานแล้วดีเหมือนกันจะได้รู้จักกันไว้..”
กรวิกหันมาหามัททวา
“ไปกับภูสิงขรนะจ๊ะวา..พี่จะให้เขาไปรับที่บ้าน..”
“ไม่ค่ะวาจะไม่ไปกับใครทั้งนั้น วาจะไปกับคุณกรคนเดียวเท่านั้น..วามีอะไรจะให้คุณกรด้วยนะคะ..”
เธอมองสบตาของกรวิกอย่างมีความหมาย นัยน์ตาที่หวานที่เจือแววเศร้าเหมือนต้องการจะแสดงออกมาให้ฝ่ายชายได้รับรู้อะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่
“มีอะไรจะให้พี่หรือครับ..”
“ค่ะ..”
“ฝากผมแทนก็ได้ผมยินดีครับ..”
ภูสิงขรเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะหันไปมองหน้ากรวิก
“ฉันอยากจะดูละคร อยากจะควงสาวออกงานบ้าง คนบ้านนอกอย่างฉันคงจะเท่ห์ขึ้นมากทีเดียว..ให้เกียรติผมหน่อยแล้วกันนะครับ..”
กรวิกมองหน้าภูสิงขร พี่ชายของภรรยาซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาเองด้วยพลางครุ่นคิด
“ได้สิ..ตกลงวาไปกับภูสิงขรก็แล้วกันนะจ๊ะ..”
มัททวาขบฟันแน่นแต่สำหรับภูสิงขรกลับพึงพอใจอย่างมากที่สามารถแยกเธอคนนี้ออกมาจากน้องเขยของเขาได้
ความตั้งใจที่จะกลับไร่ของเขาในอีกสองวันข้างหน้าเห็นทีจะต้องเลื่อนกำหนดออกไปเพราะชักไม่ค่อยจะวางใจในตัวของน้องเขยว่าจะไม่หวนกลับไปหาแม่สาวคนนี้ที่เคยหมายหมั้นกันมาก่อน
มัททวาหอบเอาความคลางแคลงใจ ไม่พอใจกลับมาบ้านหลังจากที่ไปอยู่บ้านกรวิกมาเกือบทั้งวัน ใบหน้าแววตาของผู้ชายที่ชื่อภูสิงขรยังติดตาของเธออย่างไม่ห่างหาย แววตาคมกล้า ฉายแววถือดี ทระนง ท่าทางองอาจ และหยิ่งผยอง
“คิดจะกันท่าฉันหรือ..น้องสาวของนายมันบ้าเอง..ช่วยไม่ได้ ฉันจะต้องเอาของที่ควรเป็นของฉันกลับคืน อยากจะรู้เหมือนกันว่า คนอย่างนายจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้ จะสามารถปกป้องน้องเขยได้หรือไม่..”
เธอคิดในใจเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้นวมไม่มีพนักหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอทอดสายตามองดูเครื่องหน้าที่งดงาม พริ้มเพราสะคราญตาของตัวเองด้วยความชื่นชมและพอใจอย่างมาก
“ฉันสวยงามและเก่งฉลาด ร่ำรวยเพียบพร้อมออกขนาดนี้ ทำไมฉันยังต้องพ่ายแพ้เธอด้วยนริศรา เธอมันมีดีอะไรถึงคว้าเอาหัวใจของกรวิกไปได้..เธอไม่มีอะไรเทียบฉันได้เลยสักนิดเดียว..”
เธอหลับตาลงนิ่งแล้วลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“ฉันจะทวงของของฉันคืนให้ได้ ฉันอับอายกับการถูกประกาศถอนหมั้นทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำผิดเลยสักนิด ส่วนเธอได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา มันเป็นไปได้อย่างไรกัน..มีดีอะไรนะ นริศรา..ฉันจะต้องได้คุณกรกลับคืนมา..”
มัททวาลุกขึ้นจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเธอเดินออกไปยังห้องทำงาน เธอหยิบงานที่นำกลับมาจากที่ทำงานเปิดออกดู แต่ในหัวใจกลับว้าวุ่นและนึกถึงใบหน้าของชายที่รักกับภรรยาของเขาแต่เพียงแวบเดียวก็มีใบหน้าของภูสิงขรลอยเด่นขึ้นมาลบเลือนใบหน้าของกรวิกและนริศราออกไปได้
เธอสลัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ภาพต่าง ๆ ออกไปจากใจแล้วเริ่มทำงานตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวอาบน้ำเพื่อจะเข้านอน
แล้วก็ตื่นขึ้นมาในวันใหม่เธอก็ไปทำงานเช่นทุกวัน เมื่อเลิกงานก็กลับบ้าน แต่วันนี้ผู้เป็นบิดากลับร้องเรียกเธอเอาไว้
“จะรีบไปไหนหรือลูก..”
“ไปดูละครพันทางค่ะนัดกับคุณกรไว้..”
เธอพูดจบก็เตรียมจะออกไปจากห้องทำงาน
“วา..คุยกับพ่อก่อนลูก..”
เธอหยุดแล้วค่อย ๆ หันกลับมานั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่งหน้าโต๊ะทำงานของพ่อ
“คุณพ่อจะพูดเรื่องเดียวกับที่คุณแม่เคยพูดไว้ใช่ไหมคะ..”
นายปรีชานิ่ง
“เมียเขาท้องแก่ใกล้คลอดแล้วนะลูก..”
มัททวามองหน้าพ่อ
“เขากำลังจะมีลูก เด็กต้องการทั้งพ่อและแม่ หนูเข้าใจไหมลูก..”
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ถ้าเป็นตัวของหนู..แต่งงานแล้วกำลังตั้งครรภ์อยู่ เกิดมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาเทียวไล้เทียวขื่อกับสามีของหนู..วาจะรู้สึกอย่างไร หนูคงไม่ต้องการจะทำบาป สร้างปมด้อยให้เด็กตาดำ ๆ ใช่ไหม..”
“พ่อคะ..มีใครคิดถึงหัวใจของวาบ้างคะ..จู่ ๆ เขาก็พาผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่งมาประกาศปาว ๆ ว่าจะแต่งงานกันมาขอถอนหมั้นวา ทั้งที่เรารักกันมาตั้งนาน วาเสียใจ อับอายขายหน้ามากแค่ไหน..”
เธอมองหน้าของพ่อนิ่ง
“พ่อคะวาผิดตรงไหนหรือคะ เสียหายตรงไหนคะ ทำไมเขาหักหาญน้ำใจของวาแบบนั้น แล้วผู้หญิงคนนั้นมีอะไรเทียบวาได้บ้าง เขากล้าประกาศถอนหมั้นให้ใคร ๆ ได้รับรู้แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงบ้านนอกที่ด้อยกว่าวาทุกอย่าง..”
เธอส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหันข้างให้นายปรีชาเสีย
“ในเมื่อนริศรามันก็รู้อยู่ว่าคุณกรมีคู่หมั้นแล้ว มันยังกล้าแย่งได้ลงคอ แล้วทำไมวาจะเอาเขากลับคืนมาไม่ได้..”
“แล้วหนูพอใจหรือลูกกับผู้ชายที่ทรยศหักหลัง ไม่ซื่อสัตย์ในความรักอย่างกรวิก..”
“คุณแม่เป็นคนสนับสนุนวากับคุณกรเองนะคะพ่อ คุณพ่อก็เห็นดีด้วย เขาเป็นคนดีไม่ใช่หรือคะ..วามองไม่เห็นว่าใครจะดีกว่าเขาอีกแล้ว..เรารักกันมาตั้งหลายปีวาปักใจกับเขาคนเดียวไม่เกี่ยวไม่ข้องไม่มองใครทั้งนั้น..”
นายปรีชาถอนใจยาว
“หนูบอกว่ารักเขา คิดว่ารักเขา คิดว่าเขาเป็นคนดีเพราะพ่อกับแม่บอกลูกอย่างนั้นทำให้ลูกปักใจรักเขาแล้วเคยถามใจตัวเองดูบ้างหรือเปล่าว่า ..จริง ๆ แล้วหนูรู้สึกกับเขาอย่างไร..เขาดีจริงหรือไม่..”
มัททวาต้องมองหน้าพ่อของเธอนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้น
“วาขอตัวนะคะพ่อ..”
เธอก้าวออกมาจากห้องทำงานตรงมายังรถคู่ใจแล้วขับกลับมาที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวอย่างสวยงาม ด้วยตัวกระโปรงเป็นผ้าไหมเนื้อดี ยาวกรอมเท้าแต่ผ่าสูงขึ้นมาถึงโคนขาทางด้านหน้า เผยให้เห็นเรียวขาขาวที่เนียนสะอาดไร้ไขมันส่วนเกิน
ตัวเสื้อเป็นผ้าซีทรูพลิ้วบางเป็นลายดอกกุหลาบสีชมพูสดได้รับการตัดเย็บและออกแบบอย่างสวยงามทว่าบางเบาจนมองเห็นบราเซียไร้สายราคาแพง ที่เธอจงใจแต่งกายแบบนั้นเพื่อจะดูใจคนอย่างกรวิก