ตอนที่ 2
คุณแว่นแก้วมองลอดแว่นไปยังร่างของสาวน้อยที่งดงามสะคราญตาคนหนึ่งด้วยวัยเพียงยี่สิบสามปี เธอกำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นบนผ่านมายังห้องโถงใหญ่ที่หล่อนนั่งอยู่
“จะไปไหนหรือลูกมัททวา..”
หล่อนร้องถามเมื่อหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูอ่อนเป็นผ้าซีทรูพลิ้วไหวกำลังจะเดินเยื้องย่างผ่านเลยไป เมื่อได้ยินเสียงของมารดาทำให้มัททวาหันกลับมาพร้อมกับเข้าไปกอดมารดาเอาไว้อย่างประจบ
“ไปบ้านพี่กรวิกค่ะแม่..”
“จะไปทำไมอีกล่ะลูก..หือ ไปทำไมอีก..”
หล่อนหันไปมองหน้าลูกสาวคนรองแทบทันทีแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้จะพอใจนัก
“เขาแต่งงานไปตั้งนานแล้วนะลูก..เขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา เราจะไปพบหน้าเขาทำไมล่ะ คนแบบนั้น..มีคนดี ๆ ยังรอลูกอยู่อีกมากนะจ๊ะมัททวา..”
“แต่วารักเขานี่คะแม่..แค่ได้มองเห็นหน้าเขาเท่านั้นวาก็พอใจแล้วค่ะ..ขอแค่ได้มองเห็นเท่านั้นค่ะแม่..”
คุณแว่นแก้วถอนใจยาวออกมาด้วยความหนักอึ้งในหัวใจ
“ผู้หญิงคนนั้นมาทีหลัง แถมเป็นคนบ้านนอกอีก ไม่ดีเท่าวาหรอกค่ะแม่..สักวันเขาจะต้องเลิกรากันจนได้..”
“นี่ลูกเสียสติไปแล้วหรือ ยังอยากจะไปเป็นตัวสำรองของเขาไม่มีใครแล้วหรือบนโลกนี้..”
“แต่วารักเขานะคะแม่..เราหมายหมั้นกันมาก่อน เรารักกันมาตั้งหลายปี คุณแม่เองก็เป็นตัวตั้งตัวตีไม่ใช่หรือคะ ผู้ชายคนนี้ช่างดีเหลือเกิน ถ้าวาได้เขา วาจะโชคดีกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ ..แม่เคยพูดแบบนี้ใช่ไหมคะ..”
คุณแว่นแก้วนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะช้อนสายตามองหน้าของลูกสาวคนรองของหล่อน
“ใช่..แม่เคยพูดและแม่ก็เชื่อเช่นนั้นแต่ในเมื่อเขาได้แสดงธาตุแท้ออกมาแบบนี้เรายังจะใส่ใจเขาอีกทำไม สู้ควงคนใหม่ที่ดีกว่ามันจะได้สะใจทำให้เขาเสียดายเราสิลูก อย่าทำให้เขาเยาะเย้ยรำคาญ..เราจะเป็นฝ่ายเสียใจเอง..”
มัททวาฝืนยิ้มน้อย ๆ
“ไม่หรอกค่ะแม่ขา เขาต้องไม่รำคาญวา เขายังรักวาอยู่ค่ะแม่ แต่เพราะแม่ผู้หญิงคนนั้นเกาะเขาแจ เขาจึงไม่อาจจะมาหาวาได้ ..วาไปนะคะ..เขามาไม่ได้ แต่วาไปหาเขาได้”
“มัททวากลับมาก่อนนะลูกวา ..วา..”
คุณแว่นแก้วร้องเรียกลูกสาวคนรองก่อนจะลุกขึ้นทำท่าเหมือนจะก้าวตาม
“ช่างเถอะคุณ..ยัยวาน่ะโตแล้วให้แกรู้จักคิดด้วยตัวเอง..”
นายปรีชาเอ่ยขัดภรรยาขึ้น หลังจากแอบฟังอยู่สักครู่ ซึ่งคุณแว่นแก้วก็หยุดเมื่อสามีห้ามแล้วทอดสายตามองตามหลังมัททวาที่ขับรถจากไป
ใจหนึ่งก็ไม่พอใจ ใจหนึ่งก็สงสารและเห็นใจลูก เข้าใจถึงความเจ็บปวดเจียนบ้า เมื่อวันที่ฝ่ายชายส่งการ์ดแต่งงานมาให้
มัททวาแทบคลั่งเมื่อรู้ว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นแล้วประกาศขอถอนหมั้นจากเธออย่างไม่เกรงใจ เธอไม่เคยก้าวออกจากบ้านนานนับเดือน เก็บตัวอยู่แต่ในห้องปล่อยประละเลยหน้าที่การงานทุกอย่าง
จนเมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายชายได้มาที่บ้านเพื่อพาภรรยาของเขามาแนะนำให้มัททวาได้รู้จัก ครั้งนี้จึงทำให้มัททวาทั้งเสียใจ เสียดาย และเจ็บแค้นระคนกัน หลังจากวันนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ ทำตัวใหม่ ออกไปทำงานช่วยพ่อเหมือนเดิม
“ใครมาหรือนริศรา..”
คุณเวณิกาเอ่ยถามลูกสะใภ้ เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้าน
“คุณมัททวาค่ะคุณแม่..”
น้ำเสียงที่นริศราเอ่ยตอบแม่สามีว่าใครมานั้นมันเบาแผ่วจนคนฟังได้ยินราวเสียงกระซิบ
“เหรอจ๊ะหนูวามาหรือ..”
ตรงข้ามคุณเวณิกากลับยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่รู้ว่าคนที่มาเป็นใครทำให้นริศรารู้สึกใจหายกับท่าทีของแม่สามี
“สวัสดีค่ะคุณป้า..ทำอะไรอยู่คะ..”
มัททวาก้าวเข้ามาในบ้านดูคุ้นเคยราวกับเป็นบ้านของเธอเอง ก่อนจะนั่งลงแล้วชะโงกหน้าไปมองดูเครื่องเงิน เครื่องทองเหลืองที่คุณเวณิการกำลังให้สาวใช้นำออกมาขัดถูทำความสะอาด
“เอาเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือมาขัดใหม่น่ะจ๊ะ ไปไหนมาล่ะลูก..”
“มานี่แหละค่ะคุณป้าขา..มาหาคุณกรอยู่ไหมคะ..”
เธอถามพลางชำเลืองสายตามาทางใบหน้าของนริศราที่ไม่ว่าจะมองหรือจะดูยังไงก็ไม่ได้มีความสวยงามคมคายเท่าเธอเลยแม้แต่น้อยนิด แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนถึงเป็นคนที่ถูกกรวิกเลือกให้เป็นภรรยาของเขาแทนที่จะเป็นเธอ
“อยู่จ้ะ..กำลังคุยกับภูสิงขรอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ..จะไปหาเขาหรือจ๊ะหนูไปสิลูกตามสบายเลย คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของหนูนะลูก..”
นริศรามองหน้าแม่สามีด้วยความน้อยใจอยู่ลึก ๆ แล้วก็อดอิจฉาและชื่นชมมัททวาอยู่ในทีเสียมิได้ นอกจากเธอจะสวยสะอาดบาดจิตบาดใจแล้ว
เธอยังเก่งและคล่องแคล่ว อีกทั้งยังเป็นที่รักของแม่สามีด้วยหรือแม้แต่กรวิกผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของหล่อนก็ดูจะดีใจนักหนาเมื่อมัททวามาที่บ้านนี้
“ถ้างั้นวาขอตัวไปหาคุณกรนะคะคุณป้า..”
“จ้ะ..”
มัททวาชำเลืองสายตาไปมองหน้านริศราหมิ่น ๆ ก่อนจะก้าวตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่คุณเวณิกาบอก