ตอนที่ 5-คืนพระจันทร์สีเลือด
"หึ!! นี่มันแค่เริ่มต้นจัสซีเนีย" ร่างกายที่สุขสมเสร็จกิจราคะ ในจังหวะเดียวกันกับที่จัสซีเนียนั้นสลบไป เขาถอดแก่นกายออกจากความสาวที่บวมแดง จากนั้นก็แสยะยิ้มร้าย จ้องมองไปยังคนที่ร่างกายแน่นิ่ง ปล่อยทิ้งหล่อนไว้ในสภาพที่ร่างกายเสลาเปลือยเปล่า แล้วเขาจึงเดินเข้าสู่ห้องอาบน้ำ
ไออุ่นที่ลอยคละคลุ้งจากอ่างน้ำใบใหญ่ ร่างกายล่ำสันเอนพิงกับขอบอ่าง แช่น้ำอย่างสบายกาย มือหนึ่งควงแก้วไวน์แล้วจิบน้ำสีอำพันกลืนลงคอ
"ทำไมต้องทรยศเรา...ทั้งที่เรารักเธอสุดหัวใจ" สายตาคมเข้มเพ่งพิศแก้วไวน์ เอ่ยออกไปเพียงลำพัง เมื่อในหัวฉายภาพที่มันบีบรัดหัวใจของเขาให้เจ็บร้าว นึกถึงทีไรก็ยิ่งเจ็บช้ำระทม
"ความเจ็บปวดที่เราเจอ...เธอต้องได้รับมันเพิ่มทวี!"
เพล้ง!! นึกเกรี้ยวโกรธต่ออดีตที่พบเจอ ความเจ็บปวดที่ผันกลายเป็นความแค้น ทำให้เขาปาแก้วไวน์ในมือกระแทกพื้นห้องน้ำจนแตกกระจาย เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้อง
เมื่อหนำใจกับการแช่น้ำชำระร่างกาย จาร์มาล์จึงลุกจากอ่าง หยิบผ้าขนหนูพันรอบเอว จากนั้นจึงเดินออกเข้ามายังห้องนอนหรู สายตามองดูคนที่ยังนอนขดตัวไม่ได้สติอยู่บนเตียง ด้วยสภาพเปลือยเปล่าเช่นดังเดิม
"ขออนุญาตครับ" เสียงเรียกที่ดังหน้ากระโจมที่พัก ทำให้จาร์มาล์มีสติ เดินไปหยิบผ้าห่มคลุมเรือนร่างเสลา ที่เขาเพิ่งเชยชมจนอิ่มหนำ ทั้งที่ปากบอกเกลียดชัง แต่ก็ยังนึกหวงร่างกายนี้ ที่เป็นของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
"เข้ามา!" เสียงเข้มเอ่ยอนุญาต นั่นจึงทำให้ประตูกระโจมหรูหราเปิดออก เป็นริฎวานคนสนิทที่เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสีดำสนิท
"ข้อมูลการทุจริตที่ท่านให้ไปสืบ ทุกอย่างอยู่ในแฟ้มนี้ครับ" ริฎวานยื่นแฟ้มเอกสารข้อมูลให้แก่นายเหนือหัว หน้าที่อันได้รับมอบหมาย เขาจัดการได้อย่างเร็วไวตามที่นายเหนือหัวต้องการ ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดและรอบคอบ สมแล้วกับคนสนิทที่จาห์มาล์ไว้ใจ
“ห้ามมอง!” เสียงเข้มดุออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่าริฎวานนั้นปรายสายตามองไปยังจัสซีเนียที่นอนนิ่งสนิท มีเพียงผ้าห่มผืนหนาคลุมกาย เห็นเพียงสัดส่วนตรงบ่าไหล่เท่านั้น
“หวงหรือครับ” สังเกตสีหน้าของนายเหนือหัว ก็เหมือนจะอ่านแววตาออก จึงย้อนถามเหย้าแหย่
“เปล่า” ปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้สีทองหรูหรา ในอีกฟากตรงข้ามกับเตียงนอน นั่นทำเอาคนสนิทแสยะยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ปากแข็งไปแบบนั้นแต่ในใจนั้นเห็นต่างตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
จาร์มาล์เปิดอ่านข้อมูลในแฟ้มด้วยความตั้งใจ เป้าหมายคือจัดการสั่งสอนคนคดโกงด้วยวิธีของเขา มันคือความเอาแต่ใจ มั่นใจในสิ่งที่ตนคิด ทั้งที่การกระทำของเขาย่อมเป็นความผิด
"ท่านพ่อจับได้หรือยัง" จาร์มาล์ย้อนถามคนสนิทด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เขาเจ็บแค้นยิ่งกว่าผู้เป็นบิดา คนในครอบครัวคือที่หนึ่ง ใครจะมาทำร้ายแตะต้องนั้นไม่ได้...
"ยังครับ แต่คิดว่าคงอีกไม่นาน" ริฎวานให้คำตอบ
"2,369,743 เดอร์แฮม(AED) มากเกินไปแล้ว!!...ไม่ต้องรอถึงมือท่านพ่อ เราจะจัดการมันเอง"
มูลค่าเงินความเสียหายดังกล่าว หรือราวยี่สิบล้านบาทไทย จากการที่หุ้นส่วนคดโกงอย่างแยบยล ทำให้จาห์มาล์เลือดขึ้นหน้า จนปิดแฟ้มเอกสารเสียงดัง ก่อนจะยื่นคืนให้แก่ริฎวาน ที่ยืนรอฟังคำสั่งต่อไป
"จัดการยังไงต่อดีครับ"
"คืนนี้พระจันทร์สีเลือด เตรียมกำลังคนให้พร้อม...ไอ้ชั่วนั่นมันโกงไปเท่าไหร่ก็เอาคืนมาเท่านั้น แล้วเอาไปแจกจ่ายชาวบ้านแถบชายแดนตะวันตก...จากนั้นเราจะเอาข้อมูลนี้ให้ท่านพ่อ"
พระจันทร์ที่บ่งบอกว่าเป็นยามราตรี สีเลือดที่หมายถึงการต้องรบรา มีการนองเลือดและสูญเสีย รหัสลับที่ใช้สำหรับการออกปฏิบัติการ เป็นอันรู้เท่าทันในกลุ่มว่าต้องเตรียมการอย่างไรต่อไป
"แต่ท่านไม่เคยเข้าไปดูงานบ่อยนัก ท่านเชคฮอาจจะสงสัยเอาได้ ว่าทำไมถึงรู้เรื่องราวภายใน" ริฎวานพูดเตือน
"มันก็จริง...ถ้าอย่างนั้นส่งเป็นข้อมูลลับให้ท่านพ่อ โดยไม่เปิดเผยตัวตน ทำยังไงก็ได้ให้คนที่ส่งข้อมูลนี้รอดพ้นสายตาท่านพ่อ" เมื่อคิดตามในสิ่งที่ริฎวานชี้แนะ จึงออกคำสั่งใหม่ให้คนสนิทรับรู้ และพร้อมที่จะดำเนินการตาม
"รับทราบครับ...ท่านรู้ทุกอย่าง กิจที่ทำก็ทำได้ แล้วทำไมถึงยังไม่ยอมเข้าไปบริหารงานอย่างจริงจัง ตามที่ท่านเชคฮต้องการ" แม้จะรู้อยู่เป็นนัยถึงเป้าหมายของนายเหนือหัว ก็ยังอยากถามย้ำอีกครา
"อย่ามาแสร้งถามหน่อยเลยริฎวาน ก็รู้อยู่ว่าตราบใดที่เรายังจัดการเรื่องนั้นไม่ลุล่วง เราก็จะยังทำแบบนี้เช่นเดิม...แล้วตอนนี้ก็คงใช้เวลาอีกไม่นาน” จาห์มาล์เงยหน้าจ้องมองคนสนิทที่อยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาขึงขังดุจเสือร้ายพร้อมทำลายศัตรู ยามใดที่นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยพบเจอมา ยิ่งทำให้คนเลือดร้อนฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธ
"นางน่าจะได้รับบทลงโทษสาสมแล้ว...จากสภาพที่โรยรา นางก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่รับกับบาดแผลและความเจ็บทรมานได้ถึงเพียงนี้" ริฎวานบอกย้ำพร้อมกับปรายสายตามองไปยังคนที่นอนบนเตียง แม้จะถูกเตือนก่อนหน้า แต่ว่าก็หาสนใจ เพราะที่เบนสายตามองหา นั่นก็เพราะอยากจะชี้แนะผู้เป็นนายให้ตรองใหม่
ปึง!
"แต่มันยังไม่สาแก่ใจเราไงริฎวาน!!"
ร่างสูงกำยำหยัดกายยืนพรวดพราดด้วยความเกรี้ยวกราด ฝ่ามือแกร่งตบลงพื้นโต๊ะเต็มแรงจนเสียงดัง เปล่งวาจาดั่งโมโห ดวงตาคมดุเปล่งรัศมีอันน่ากลัว ก่อนจะเพ่งมองริฎวานอย่างจับจ้อง
"กระผมกลัวท่านจะเสียใจในภายหลัง" แม้จะเห็นว่านายเหนือหัวเกรี้ยวโกรธ แต่ก็ยังพยายามพูดด้วยความสุขุม ที่ย้ำเตือนนักต่อนัก ก็ทำด้วยความหวังดีในฐานะเพื่อน
"ไม่มีทางเสียหรอก"
"ไม่มีอะไรแน่นอนในวันข้างหน้า...ไม่ก็อาจจะเสียใจภายหลังก็ย่อมได้"
"ฟังให้ดี แล้วก็ฟังให้ชัด ๆ ริฎวาน คนอย่างจาห์มาล์ จะไม่มีคำว่าเสียใจภายหลัง!"
"ขอพูดในฐานะเพื่อนด้วยความหวังดี เราไม่อยากเห็นท่านเจ็บปวดอีกครั้ง แต่ถ้าหากยังหนักแน่นมั่นใจจงก้าวเดินหน้าต่อไป...แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านจงยอมรับมันให้ได้"
"ทำไมพูดแปลก ๆ....มีอะไรที่เรายังไม่รู้ไหมริฎวาน"
การสนทนาฉันท์มิตร เริ่มทำให้บทสนทนาแปรเปลี่ยนไป เมื่อริฎวานพูดเป็นนัย นั่นทำให้จาห์มาล์ต้องย้อนถามด้วยความใคร่รู้
“อย่าให้ความแค้นครอบงำสติที่มี เพราะหากเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป ท่านจะมองไม่เห็นสิ่งที่เป็นจริงอย่างถ่องแท้”
“?”
"สั่งคนให้เฝ้านางไว้ให้ดี และให้มีผู้หญิงมาเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด จนกว่าเราจะเสร็จกิจกลับมา" ในขณะที่ยืนจัดแต่งชุดที่พร้อมสำหรับปฏิบัติการ พลันสายตาของจาห์มาล์มองเห็นจัสซีเนียที่ยังคงนอนหลับอยู่ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงออกคำสั่งกับคนสนิททันทีทันใด
"....ฮึ"
"อย่ามองเราด้วยสายตาเช่นนั้นริฎวาน มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดในหัว เราก็แค่กลัวนางจะหลบหนี ทั้งที่มันยังไม่สาแก่ใจเรา จึงต้องมีคนเฝ้าอย่างใกล้ชิด ก็แค่นั้น"
ริฎวานที่จับจ้องมองนายเหนือหัว คำสั่งการที่ฟังแล้วมีเลศนัย ทำให้คนสนิทถึงกับแสยะยิ้มเย้ยทีเล่นทีจริง เลยทำเอาจาห์มาล์ต้องรีบแก้ต่างให้แก่ตัวเอง ด้วยอาการลุกลี้ลุกลนในแววตา แต่ว่ายังวางท่านิ่งขรึมในแบบที่เคยเป็น
"ยังไม่ได้ว่าอันใดสักนิดครับ...ท่านอย่าร้อนตัวนักสิ" ริฎวานรีบท้วงทันทีทันใด
"หุบปากแล้วเตรียมคนเพื่อออกเดินทางได้ละ" และนั่นเลยทำให้จาห์มาล์รีบตัดบทสนทนาไป เมื่อถูกคนสนิทจับพิรุธได้
"ครับ" ริฎวานโค้งหัวตอบรับ ไม่วายทิ้งรอยยิ้มกริ่มก่อกวนผู้เป็นนาย จากนั้นจึงเดินออกจากกระโจมไป เพื่อเตรียมการตามคำสั่ง
ณ เวลานี้มีเพียงจาห์มาล์ที่อยู่จุดเดิม พลันสายตามองไปยังจัสซีเนียยังคงอยู่ในท่าหลับนิ่ง สองขาก้าวเดินเข้าไปใกล้ แล้วจึงหย่อนก้นนั่งลงข้างเตียง ทำเพียงจ้องมองหน้าของหล่อนอย่างพินิจด้วยความรู้สึกบางอย่าง
"เลือกที่จะหนี แล้วนี่กลับมาหาเราทำไมกัน จัสซีเนีย" เสียงเพรียกแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย ในจังหวะเดียวกันกับมือที่ค่อย ๆ เอื้อมไปอย่างเชื่องช้า หวังสัมผัสกับใบหน้าเขียวช้ำที่แน่นิ่ง
"พร้อมแล้วครับ"
แต่แล้วต้องดึงมือกลับคืน เพราะเสียงของริฎวานแว่วเข้ามา ทั้งที่มือหนาแกร่งยังไม่ได้สัมผัสใบหน้าหล่อนอย่างที่ต้องการแต่อย่างใด
"อืม" เสียงแค่นตอบรับ พร้อมกับพยักหน้ารับรู้ ในจังหวะเดียวกันกับที่เอียงหน้าไปมองคนสนิทที่ยืนอยู่ และมีหญิงสาวหนึ่งคนที่ยืนข้างหลังริฎวาน นั่นคงเป็นคนที่ต้องมาดูแลจัสซีเนียตามที่จาห์มาล์สั่งการ
"ซัลมาจะเป็นคนดูแลนางในระหว่างที่เราไม่อยู่ครับ" ริฎวานแจ้งทันที เมื่อนายเหนือหัวเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ด้วยท่าทีนิ่งน่าเกรงขาม สายตาเพ่งพิศจ้องมองซัลมา จนเธอต้องก้มหน้าหลบสายตาทันที ด้วยความหวาดหวั่นในแววตานั้น ที่มันแสนจะดุดันน่ากลัว
"จับตานางและดูแลให้ดี หากนางหลบหนีไป เราจะขังเจ้าในกรงอูฐ งดให้อาหารปล่อยให้อูฐเหยียบเจ้าจนตาย" จาห์มาล์เปล่งวาจานิ่ง ๆ แต่ทำเอาคนฟังนั้นขนลุกชูชันไปทั้งตัว ก้มหัวไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามองสบตา แค่เสียงอันทรงพลังเอื้อนเอ่ย ก็ทำเอาซัลมานั้นแทบกลั้นหายใจ
“ค่ะ”
“ไปริฎวาน”
หล่อนตอบรับเสียงสั่น จากนั้นทั้งจาห์มาล์และริฎวานก็เดินออกจากกระโจมไป ซัลมาจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองตามแผ่นหลังหนาที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ อย่างโล่งใจจนพ้นสายตา เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าจาห์มาล์ หล่อนยืนเกร็งปลายเท้าจิกพื้นรองเท้าด้วยความหวาดกลัว
“ฟู่...ทำไมโหดเยี่ยงนี้ น่ากลัวเสียจริง” มือทาบลงอกพร้อมกับถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนกับว่าได้ยกภูเขาที่ทับแน่นออกไป เมื่อได้อยู่พ้นสายตาดุร้ายนั้น "แกจะมาตายที่นี่ไม่ได้ซัลมา ตราบใดที่แกยังหาคู่ครองไม่เจอ ทำไมนายต้องดุอย่างกับเสือด้วยนะ" ยืนบ่นเพียงลำพังดั่งใจนึก สายตาทอดมองไปยังทางเข้ากระโจมอย่างเลิ่กลั่กหวาดระแวง กลัวทั้งสองจะเดินวนกลับเข้ามาอีกครั้ง หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนบนเตียงจดจ้องหล่อนอยู่เงียบ ๆ
"เธอเป็นใคร? " จัสซีเนียเอ่ยถามเสียงแข็ง จนซัลมาต้องหันกลับมามอง
"รู้สึกตัวแล้วรึ" เสียงเรียกแว่วดัง ทำให้หล่อนขยับขาเดินเข้ามาใกล้ แล้วย้อนถามออกไป โดยที่ยังไม่ได้ให้คำตอบแก่จัสซีเนียที่ใคร่รู้
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร!? " นัยษ์ตาสีนิลเปล่งประกายอย่างหวาดระแวง เอ่ยเสียงแข็งถามย้ำอีกครั้ง ทั้งยังหยัดตัวลุกนั่ง ใช้ผ้าห่มคลุมร่างกาย ค่อย ๆ ขยับถอยหลังออกห่างซัลมาไป ด้วยความระแวดระวังอันตราย หล่อนไม่อาจจะไว้ใจใครได้ เพราะที่นี่มีแต่บริวารของเขาทั้งนั้น
"ไม่ต้องกลัวฉันนะ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก....ฉันชื่อซัลมา เป็นลูกสาวของแม่ครัวที่นี่" ซัลมาพยายามอธิบาย เมื่อเห็นสายตาของจัสซีเนียมีความหวาดระแวง
"เธอคือคนของไอ้ชั่วนั่น ฉันจะไว้ใจได้ยังไง! "
"ชู่~~ เบา ๆ สิ อยากตายหรือไง เรียกท่านจาห์มาล์ไอ้ชั่ว ไม่กลัวใครมาได้ยินเหรอ เดี๋ยวก็ถูกขังให้อูฐเหยียบตายหรอก"
จัสซีเนียเอื้อนเอ่ยอย่างระวังตัว แต่กลับเป็นวาจาที่หยามเหยียดและด่าทออีกคนที่เพิ่งออกจากกระโจมไป จนซัลมาต้องปรี่เข้าหา ใช้มือปิดปากจัสซีเนียไว้ เพราะห่วงว่าใครจะมาเผลอได้ยิน ซึ่งมันคงทำให้ลมหายใจของหล่อนหมดลงเป็นแน่
"......คนที่สมควรตายคือมัน! ระยำแบบนั้นไม่เรียกว่ามนุษย์ แต่มันคือปีศาจร้าย ไม่ก็อสูรกายใจโฉด! "
"ฉันบอกให้พูดเบา ๆ ไงเล่า....โธ่เอ้ย! ไม่ฟังกันบ้างเลยนะ"
ความคับแค้นใจทำให้วาจาเกรี้ยวกราดหลุดจากปากอย่างง่ายดาย แววตาคมเปล่งประกายความเกลียดชังชัดเจน ทำเอาซัลมาที่แสนจะเกรงกลัวจาห์มาล์ขนลุกขนพองเลยทีเดียว
"ถามอะไรหน่อยสิ...ไอ้ชั่วนั่นมันไปไหนเหรอ"
"ออกไปช่วยกำจัดคนไม่ดี แล้วก็ช่วยชาวบ้าน"
"เหอะ!! คนไม่ดีก็มันนั่นไง ไม่ต้องไปไกลหรอก ทำไมไม่ยิงสมองตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะ อยู่ไปก็รกแผ่นดิน"
เมื่อสมองพลันนึกคิดบางอย่างได้ จึงออกปากถามออกไปกับสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้า ภายนอกที่เหมือนนอนหลับสนิท แท้จริงแล้วหล่อนรู้สึกตัวและได้ยินตั้งแต่ประโยคแรก แต่แสร้งทำทีเป็นนอนหลับเท่านั้น
"ชู่~~ เบา ๆ สิ เดี๋ยวได้ตายจริงหรอก"
"ฉันไม่กลัวมันหรอก"
คนกลัวก็กลัวจนตัวสั่น ย้ำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าจัสซีเนียก็ไม่ยอมฟัง หล่อนยังคงเอื้อนเอ่ยวาจาแค้นออกมาอยู่ร่ำไปอย่างท้าทาย
"เออ ๆ เธอนี่รั้นน่าดู ว่าแต่ชื่อว่าอะไรเหรอ ฉันจะได้เรียกถูก" เมื่อมันแสนจะระอา ย้ำเตือนยังไงจัสซีเนียก็ไร้ท่าทีความกลัว จนตัวซัลมาเป็นฝ่ายยกธงขาวในความหนักแน่น เธอคงแค้นเขาฝังใจด้วยเบื้องลึกอันใดหล่อนคงไม่กล้าถาม
"จำเป็นต้องบอก? " จัสซีเนียยอกย้อนนั่นเพราะหล่อนคิดว่าไม่จำเป็น
"เอ้า! ...ถ้าไม่บอกจะเรียกถูกได้อย่างไรเล่า" ซัลมาถึงกับสบถดัง กับประโยคที่ออกจากปากจัสซีเนีย
"เดี๋ยวฉันก็จะไปจากที่เลว ๆ นี่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้มั้ง" ตอบแบบลวก ๆ พร้อมกระชับผ้าห่มห่อกาย
"หยิ่งเสียจริง ก็แค่ถามชื่อเท่านั้น....แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าตัดคำว่าหลบหนีไปได้เลย เพราะว่าที่นี่ยากที่จะหลบหนี เนื่องจากมีคนเฝ้าหนาแน่นมาก ทุกคนที่เฝ้าระวังล้วนแต่มีฝีมือ เธอหนีไม่รอดหรอก" ซัลมานั่งลงบนเตียงแล้วขยายความตามสิ่งที่เป็น
"...จัสซีเนีย แล้วเธอล่ะ? " นิ่งคิดตามคำพูดของซัลมา จึงเอ่ยชื่อตามที่หล่อนใคร่รู้ การคิดหลบหนีของหล่อนคงยากเสียแล้ว แถมร่างกายก็ยังเจ็บป่วยไม่เอื้ออำนวยอีก แต่ยังไงต้องหนีไปตั้งหลักให้ได้
"บอกไปก่อนหน้าเหมือนจะไม่เข้าหูเธอสินะ ฉันชื่อซัลมาไง เป็นลูกสาวแม่ครัวที่นี่" เกิดความระอาอีกละลอก เนื่องจากหล่อนแนะนำตัวเองตั้งแต่เริ่มแรก แต่เหมือนจัสซีเนียจะไม่สนใจ ทำให้หล่อนต้องบอกชื่อแนะนำตัวย้ำอีกครั้ง
"อืม..." จัสซีเนียพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับหย่อนขาลงจากเตียง เดินวนก้มเก็บเสื้อผ้ามาสวมใส่
"เดี๋ยว ๆ แล้วนั่นจะไปไหน" ซัลมาเบิกตาโตทันที เมื่อจัสซีเนียเดินวนรอบกระโจม อีกทั้งยังแง้มประตูทางเข้าสอดส่องสายตา
"หาทางไปจากที่นี่"
(14)