บทที่ 5
“จำไว้ว่าแกไม่สิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น หน้าที่ของแกคือสะอึกร้องไห้เสียดังที่สุด เอาให้เหมือนตอนที่แม่แกตาย แล้วแกไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าหลุมศพ ฉันต้องการแบบนั้นนั่นแหละ นังชาครียา”
ดอนโลเรนซาเค้นเสียงสั่งลูกสาว เมื่อคนขับรถ ขับผ่านประตูรั้วสูงใหญ่เข้ามาภายในอาณาบริเวณของคฤหาสน์คาดิโอร์แล้ว เขากวาดสายตามองไปนอกตัวรถ ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าตรงสนามหญ้า บริเวณลานน้ำพุด้านหน้าของคฤหาสน์ คลาคล่ำไปด้วยเหล่ามาเฟียที่เดินทางมาเพื่อเลือกดอนคนใหม่ รวมทั้งฟิลิโปซึ่งยืนอยู่ตรงบริเวณลานน้ำพุด้วย
และเมื่อเห็นว่ามีผู้ชมยืนจิบบรั่นดี บ้างก็ยืนพ่นซิก้าร์อยู่ตรงลานน้ำพุค่อนข้างมากกว่าบริเวณอื่น จึงสั่งให้ลูกน้องขับรถฝ่าฝูงชนไปจอดตรงบริเวณลานน้ำพุในทันที
“ขับไปจอดตรงลานน้ำพุ แล้วบีบแตรเสียงดังๆ เรียกความสนใจจากคนพวกนี้ ให้พวกหันมามองนังชาครียาเพียงคนเดียว”
“ครับดอน”
ลูกน้องพยักหน้ารับคำสั่ง บีบเตรรถก่อให้เกิดเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ ขณะเคลื่อนรถไปจอดตรงบริเวณลานน้ำพุตามที่ดอนโลเรนซาต้องการ
“เฮ้ย! ดอนโลเรนซา กำลังเล่นอะไรอยู่วะ”
มาค์โก้ ลูกน้องคนสนิทตะโกนเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ก็มีรถลีมูซีน ซึ่งเขาจำทะเบียนรถได้แม่นยำว่าเป็นรถของดอนโลเรนซา ขับฝ่าฝูงชนมาจอดอยู่ตรงบริเวณลานน้ำพุ
ดอนฟิลิโปทิ้งซิก้าร์ในมือลงกับพื้น แหวกบรรดามาเฟียทั้งหลายที่ยืนมุงกันอยู่รายรอบรถลีมูซีนให้ถอยออกห่าง จากนั้นก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปหาดอนโลเรนซา ที่กำลังก้าวลงจากรถ โดยมีลูกน้องที่ทำหน้าที่เป็นสารถีเป็นคนเปิดประตูรถให้
“โลเรนซา มึงกำลังทำอะไรอยู่”
ดอนโลเรนซากวาดสายตามองรอบๆ บริเวณ ซึ่งตอนนี้มาเฟียทุกคนกำลังยืนรายล้อมอยู่รอบๆ รถลีมูซีนคันใหญ่ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเขาดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ ก็กระตุกยิ้มด้วยความสะใจ ก่อนจะเค้นเสียงตอบคำถามของดอนฟิลิโปอยู่ในลำคอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“วันนี้กูมาเพื่อโค่นไอ้ลูฟร์ ไม่ให้มันได้เป็นดอน ออฟ ดอน ตามที่ตาเฒ่ารอสโซต้องการ”
“แล้วมึงจะทำยังไง แค่ขับรถมาป่วนในบ้านของมัน มึงไม่สามารถโค่นไอ้ลูฟร์ได้แน่” ดอนฟิลิโปเค้นเสียงด่า เพราะยังไม่เห็นไพ่เด็ดที่ดอนโลเรนซาเตรียมไว้
ดอนโลเรนซาแสยะยิ้ม เค้นเสียงออกคำสั่งกับเพื่อนรัก “ใจเย็น ฟิลิโป เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูจะโค่นไอ้ลูฟร์ด้วยวิธีใด ว่าแต่มึงเถอะ พร้อมจะเล่นละครกับกูหรือยัง”
“ก็ได้วะ ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็จะไม่ช่วยมึงก็คงไม่ได้”
ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าดอนโลเรนซามีแผนการโค่นล้มลูฟร์ด้วยวิธีการใด แต่ดอนฟิลิโปก็ตอบตกลงรับคำ เพราะเขาเองก็ไม่อยากก้มหัวให้กับมาเฟียไก่อ่อนอย่างลูฟร์ คาดิโอร์
ดอนโลเรนซาหันพยักพเยิดส่งสัญญาณให้ลูกน้อง พร้อมกับออกคำสั่ง “ไปลากตัวนังชาครียามา”
“ครับดอน”
ลูกน้องร่างยักษ์รีบทำตามคำสั่งของเจ้านายในทันที เขาเปิดประตูรถ พร้อมกับกระชากร่างบางของชาครียาให้ออกมาจากรถด้วย
ทางด้านของชาครียาพอเห็นลูกน้องของบิดาเดินตรงมาเปิดประตูรถ ก็ถอยกรูดไปจนชิดกับประตูอีกด้าน ยกมือเล็กปัดมือหยาบไม่ให้แตะต้องตนเอง
“ถอยไป! อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ออกมาคุณชาครียา อย่าให้ดอนต้องโมโห ไม่ยังงั้นคุณได้เจอดีแน่” ลูกน้องร่างยักษ์ขู่ฟ่อ
“ไม่! ฉันไม่อยากทำตามที่คุณพ่อสั่ง”
“ออกมา!”
เมื่อชาครียาไม่ยอมทำตามคำสั่ง ลูกน้องร่างยักษ์จึงเข้าไปในรถ คว้าต้นแขนเล็กได้ก็กระชากเต็มแรงให้ร่างบางลงมาจากรถในที่สุด
ดอนโลเรนซาเดินไปหาลูกสาว ซึ่งยืนตัวสั่นเทา มือเล็กทั้งสองกำสาบเสื้อที่ไร้กระดุมเข้าหากันแน่น จากนั้นก็แสร้งทำตัวเป็นพ่อที่ดี ถอดเสื้อสูทคลุมลงไปบนร่างเล็ก โอบแขนไปรอบบ่า ตีสีหน้าเศร้าสร้อย ขณะเอ่ยบอกกับทุกคนในที่นี้ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า
“ทุกท่านได้โปรดดูนี่ ชาครียา ลูกสาวของผม ถูกคนที่พวกคุณกำลังจะเลือกให้เป็นดอน ออฟ ดอน เป็นหัวหน้าครอบครัวของพวกเรา ได้เข้าไปข่มขืนลูกสาวของผมถึงคอนโดของเธอ เห็นสภาพลูกสาวของผมเป็นแบบนี้แล้ว พวกท่านยังคิดจะเลือกลูฟร์ คาดิโอร์ให้เป็นดอน ออฟ ดอนอีกหรือ”
สิ้นคำพูดของดอนโลเรนซา ก็เกิดเสียงด่าขรม บ้างก็ตะโกนออกมาไม่เชื่อว่าลูฟร์จะทำอัปยศด้วยการข่มขืนลูกสาวของมาเฟียด้วยกันเอง
“บ้าฉิบ! ไอ้โลเรนซาใส่ไคล้ดอนชัดๆ”
มาค์โก้สบถด้วยความโกรธจัด หมุนตัวก้าวเดินเร็วๆ เป็นวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อตามเจ้านายของตนเองให้มาแก้ไขสถานการณ์การถูกป้ายความผิดครั้งใหญ่
ดอนโลเรนซามองตามมาค์โก้ที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ซึ่งแน่นอนว่ามาค์โก้ต้องทำตัวเป็นม้าเร็วไปรายงานให้เจ้านายของมันทราบ เมื่อหมากทุกตัวกำลังเดินตามแผนที่เขาวางไว้ เสียงแสดงความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งต่างก็สงสารชาครียาด้วยกันทั้งนั้น ก็ลอบกระตุกยิ้ม ลดใบหน้าลงต่ำ เค้นเสียงกระซิบอยู่ใกล้ๆ ใบหูของลูกสาว
“เล่นละครได้เก่งมาก นังชาครียา”
มาเฟียทุกคนที่กำลังจับจ้องมองดอนโลเรนซาอยู่ ต่างก็คิดว่าผู้เป็นพ่อกำลังเอ่ยปลอบลูกสาวผู้น่าสงสาร ซึ่งกำลังสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่นโยน ต่างก็มอบความสงสารให้กับดอนโลเรนซาและชาครียา ต่างก็เห็นใจหัวอกของผู้เป็นพ่อ คงใจสลาย เมื่อรู้ว่าลูกสาวถูกข่มขืน
ทว่า...สิ่งที่มาเฟียเหล่านี้นึกคิด กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดอนโลเรนซาหาได้กระซิบปลอบใจลูกสาวไม่ แต่เขากำลังออกคำสั่งให้ชาครียาเล่นละครฉากใหญ่ต่อต่างหาก
“อย่าลืมที่ฉันสั่ง พอไอ้ลูฟร์กับไอ้รอสโซออกมา แกต้องหวีดเสียงร้องไห้ดังๆ เหมือนตอนแม่แกตาย ทำตัวให้สั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำ ให้ทุกคนสงสารแกจนน้ำตาแทบร่วง และส่งมอบความเกลียดให้กับไอ้ลูฟร์จนแทบชักปืนออกมายิงมันได้”
ชาครียาอยากสะบัดมือใหญ่ของบิดาออกจากบ่าของตนเอง อยากกระชากเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่บิดาเอามาคลุมให้เพราะความเสแสร้งออกจากตัว แต่ก็จำต้องกระชับเสื้อโค้ทตัวนี้ไว้ เพราะอย่างน้อยมันช่วยปกปิดเรือนร่างของเธอจากสาย
ตาของมาเฟียเหล่านี้ ไม่ให้เห็นปทุมถันและผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นจากตัวเสื้อขาดวิ่น
“หากได้ในสิ่งที่คุณพ่อต้องการแล้ว ได้โปรด...ปล่อยหนูไป”
แม้หยาดน้ำตายังนองทั่วดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะหลั่งรินลงมาบนพวงแก้มขาวซีด ทว่าน้ำเสียงที่เค้นออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ต้องการอิสระจากผู้เป็นบิดาตลอดไป
ดอนโลเรนซารู้ว่าลูกสาวหมายถึงสิ่งใด จึงเค้นเสียงตอบห้วนๆ ให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน “ได้! ฉันจะปล่อยแกไปในทันทีที่ฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว”
“หวังว่าคุณพ่อจะรักษาสัญญา”
ชาครียาย้ำคำ ดวงตากลมโตแดงก่ำทอดมองไปยังประตูทางเข้าภายในคฤหาสน์คาดิโอร์ ซึ่งตอนนี้ร่างใหญ่กำยำของผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ กำลังก้าวเดินอย่างองอาจ น่าเกรงขามออกมาพร้อมกับดอนรอสโซ และมาค์โก้ลูกน้องคนสนิทของเขา
“แน่นอน ลูกรัก พ่อรักษาสัญญาเสมอ” ดอนโลเรนซาเค้นตอบเสียง พอมองเห็นลูฟร์ กำลังเดินตรงมาหา ก็กระซิบออกคำสั่งกำชับกำชาเสียงห้วนๆ
“ทำตามที่ฉันสั่ง แล้วแกจะได้อิสระตามที่แกต้องการ”