บทที่ 5 ปมรักและความหึงหวง
มหาวิทยาลัย – 12:30 น.
หลังจากเริ่มงานที่ Long Corp ได้หนึ่งสัปดาห์ ชีวิตของ พริมา ก็ถูกแบ่งเป็นสองโลกอย่างชัดเจน ตอนเช้าเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างมุ่งมั่น และตอนบ่ายเธอทำงานบัญชีให้เหว่ยหลงที่เพนต์เฮาส์หรูหรา
วันนี้เป็นวันหยุดพักเที่ยง พริมานั่งอยู่ในมุมสงบของห้องสมุดมหาวิทยาลัยกำลังช่วย กรณ์ รุ่นพี่คณะบริหารธุรกิจ ลูกชายของคู่ค้าธุรกิจรายเล็กๆ ที่เธอรู้จัก
กรณ์เป็นชายหนุ่มที่สุภาพและให้เกียรติพริมาเสมอ พริมาใช้ความรู้บัญชีช่วยเขาตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารธุรกิจของครอบครัว
“ขอบใจมากนะพริม ถ้าไม่ได้เธอช่วยดูเรื่องภาษีกับงบดุลนี่ ฉันคงปวดหัวแย่” กรณ์ยิ้มอย่างจริงใจ เขาวางมือบนโต๊ะใกล้ๆ มือของพริมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
พริมาถอยมือออกเล็กน้อยเพื่อรักษาช่องว่าง “ไม่เป็นไรค่ะพี่กรณ์ หน้าที่ของนักบัญชีคือการทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามหลักการอยู่แล้ว” เธอใช้ถ้อยคำที่สุภาพแต่รักษาระยะห่าง เธอมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขและเหตุผล ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าการมีปฏิสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์นั้นกำลังถูกจับตามอง
ไม่ไกลนัก ผู้ติดตาม ที่เหว่ยหลงส่งมาดูแลความปลอดภัยกำลังถ่ายภาพและส่งรายงานอย่างละเอียดไปยังเจ้านายของเขา รายงานนั้นระบุถึง ความใกล้ชิด และ เสียงหัวเราะ ที่เกิดขึ้นระหว่างพริมากับกรณ์
เวลา 18:00 น. พริมากลับมาถึงเพนต์เฮาส์ เธอรู้สึกโล่งใจที่วันนี้สามารถใช้เวลาส่วนตัวจัดการเรื่องของกรณ์ได้โดยไม่มีปัญหา แต่เมื่อเธอเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป เหว่ยหลง ก็ยืนรอเธออยู่กลางห้องอย่างสงบนิ่งราวกับรูปปั้นหินอ่อน
“วันนี้งานของฉันไม่น่าสนใจพอ ให้เธออยู่จนเลิกงานหรือพริมา”
เขาพูดด้วยภาษาไทยที่นุ่มนวลอย่างผิดปกติ แต่พริมารู้ทันทีว่าน้ำเสียงที่นุ่มนั้น เย็นชา และ น่ากลัว ยิ่งกว่าการตะคอก
“ฉันทำงานครบตามชั่วโมงที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้วค่ะคุณเหว่ยหลง” พริมาตอบกลับอย่างระมัดระวัง
“แต่เธอใช้เวลาส่วนตัวไปกับ กิจกรรมที่ไม่จำเป็น” เหว่ยหลงเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ จนระยะห่างแทบไม่มีเหลือ “เพื่อนคนนั้น... คือใคร”
พริมาเงยหน้ามองเขาด้วยความไม่พอใจ “เขาคือรุ่นพี่ที่คณะ เป็นลูกชายของคู่ค้าธุรกิจเล็กๆ ที่มีปัญหาสอบบัญชีค่ะ ฉันแค่ใช้ความรู้ช่วยเขาตรวจสอบเอกสาร ไม่ได้มีอะไรส่วนตัว” เธอใช้ภาษาอังกฤษ ในการอธิบายขอบเขตความสัมพันธ์ให้ชัดเจน
“ธุรกิจ?” เหว่ยหลงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความดูถูกและหึงหวง “ในโลกของฉัน ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว พริมา”
จู่ๆ แววตาคมกริบของเขาก็แข็งกระด้างขึ้น ความสงบถูกแทนที่ด้วย ความคั่งแค้นที่ถูกกดไว้
เขาเปลี่ยนไปใช้คำสั่งที่ดุดันและเชือดเฉือนในภาษาที่พริมาไม่คุ้นเคย (จีนกวางตุ้ง) ซึ่งพริมาฟังไม่เข้าใจแต่สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเหว่ยหลง ร่างสูงใหญ่ของเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนพริมาสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“เธอเป็นของฉัน” ถ้อยคำที่เขาใช้ เปลี่ยนกลับมาเป็นภาษาไทยที่ต่ำและหนักแน่น เขาใช้มือหนาจับใบหน้าของเธอไว้มั่นเพื่อให้เธอสบตาเขา "ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร เป็นลูกใคร หรือต้องการความช่วยเหลือด้านบัญชีหรือไม่! ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้เธออีก!"
พริมาพยายามดิ้นรน “ฉันไม่ได้เป็นทรัพย์สินของคุณนะคะ!”
“ไม่ใช่ทรัพย์สิน... แต่เป็นสิ่งที่ฉันต้อง ปกป้อง และ ครอบครอง” เหว่ยหลงเน้นย้ำคำว่าครอบครองอย่างหนักแน่น เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นกระซิบอย่างเร่งเร้าและบังคับ และเรียกชื่อสั้นๆ ของเธอเป็นครั้งแรก "เธอจะทำตามคำสั่งของฉันเท่านั้น พริม"
เหว่ยหลงปล่อยใบหน้าเธอ แต่จับต้นแขนไว้แทน การสัมผัสของเขารุนแรงกว่าการปลอบโยน พริมารับรู้ได้ถึงอารมณ์การสัมผัสนั้น เขาหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมสีดำสนิทวางลงในมือของพริมา
“ต่อไปนี้เธอใช้โทรศัพท์เครื่องนี้เท่านั้น” เขาสั่งด้วยภาษาอังกฤษ "มันจะทำให้เธอติดต่อฉันได้ตลอดเวลา และฉันจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน การติดต่อกับคนอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดสัญญา และเธอจะรู้ดีว่าฉันจะทำอย่างไรกับคนที่ละเมิดเงื่อนไข"
พริมามองโทรศัพท์ในมือ มันไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็น เครื่องมือติดตามและพันธนาการ ที่ถูกส่งมาในนามของ ความปลอดภัย
“พี่กรณ์...” เธอพึมพำ ความกังวลฉายชัดในแววตา
เหว่ยหลงยิ้มอย่างเย็นชา รอยยิ้มนั้นอันตรายอย่างถึงที่สุด เขาเปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อตอกย้ำอำนาจ
“เขาสบายดี... ตราบใดที่เขาไม่มาวุ่นวายกับ นักบัญชีส่วนตัวของฉันอีก”
ในวินาทีนั้น พริมาเข้าใจอย่างชัดเจนว่า สัญญาจ้างงานที่เธอเซ็นไปเมื่อวาน ไม่ได้ซื้อแค่เวลาและความรู้ของเธอ แต่ได้ซื้อ อิสรภาพทั้งหมด ของเธอไปแล้ว
