3/2 ครั้งแรกของการพบกัน
เพ็ญแขกลับบ้านเพื่อบอกข่าวดีให้กับสามี โดยเธอยืนยันว่าทุกการตัดสินใจ พิมพกานต์เต็มใจ และยินดีอย่างยิ่งที่จะทำให้ครอบครัวพ้นจากความทุกข์นี้
ภาณุโทรศัพท์เพื่อตกลงในข้อเสนอที่นิรุตให้ โดยจะยอมให้ลูกสาวคนโตแต่งงานกับลูกชายของคนปลายสาย เพียงแต่อยากจะขอเวลา ให้พิมพกานต์เรียนจบก่อนซึ่งก็ไม่กี่เดือน และอยากให้เด็กทั้งสองได้รู้จักกันมากกว่านี้
“เย็นวันเสาร์ นายพาครอบครัวมากินมื้อเย็นที่บ้านเรา เจ้าว่านลูกชายเรากับลูกสาวคนโตนายจะได้มีโอกาสได้เจอกัน”
นิรุตอยากให้ลูกชายได้เจอกับพิมพกานต์ เพราะตัวเขาเคยเห็นลูกสาวทั้งสองของเพื่อนแล้ว ต่างก็มีหน้าสวยงามเหมือนผู้เป็นแม่ คนโตจะสวยกว่าคนน้องก็ตรงที่ขาวกว่า คนเล็กรับผิวของผู้เป็นพ่อมาเต็มๆ
“ก็ดีเหมือนกัน เผื่อลูกชายนายเห็นลูกสาวเรา อาจจะไม่ถูกใจก็เป็นได้” ภาณุอยากให้เป็นอย่างนั้น
“ไม่มีทาง ลูกเราต้องเชื่อในสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าดี ส่วนเรื่องที่ดินเอาไว้หลังจากวันนั้น เราค่อยคุยกันนอกรอบ ไม่อยากให้เด็กๆ รู้สึกเหมือนเป็นสินค้าต่องรอง” นิรุตตั้งใจจะให้ราคาจำนำที่ดินมากกว่าที่ภาณุจะขายได้ เพราะจะได้พอกับการรักษาธุรกิจเต็นท์รถให้อยู่ได้ครบทุกสาขา
ภาณุรู้สึกดีใจที่หาทางแก้ปัญหาได้ โดยไม่ต้องทำร้ายพนักงาน ไม่ต้องยอมทำตามแผนวิชัย โดยการขายที่ดินในราคาที่ถูก แต่เขาก็อดสงสารลูกสาวคนโตไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ว่านน้ำเห็นหน้าพิมพกานต์แล้วไม่พอใจ แต่มันก็เป็นไปได้อยาก เพราะเธอทั้งสวย น่ารัก กริยามารยาทก็ดี
เมื่อถึงเวลานัดหมาย เพ็ญแขจัดการแต่งเนื้อแต่งตัวให้พิมพกานต์อย่างสวยงามที่สุด แต่การไปครั้งนี้พลอยรดาขอตัว โดยแกล้งไม่สบาย เพราะไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนที่ไม่ช่วยเหลือพ่อแบบไม่มีข้อแม้ เธอรู้ตัวว่าเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ถ้าไปกลัวจะไปทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“สวัสดีค่ะคุณอานิรุต คุณอาสุชาดา” พิมพกานต์กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ๊ะหนูพิมพกานต์ น่ารักกว่าตอนเด็กๆอีกนะ” นิรุตเคยเห็นเธอตั้งแต่ตอนเพิ่งเข้าโรงเรียนใหม่ๆ
“ขอบคุณค่ะคุณอา คุณอาเรียกพิมพ์เฉยๆก็ได้ค่ะ” คนชมส่งยิ้มหวานแบบมีมารยาทให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง
“เอ้า!..และลูกชายนายล่ะ” ภาณุมองหาคนสำคัญของงานนี้อีกคน
“รออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วค่ะ คงจะอายเลยไม่กล้ามาต้อนรับ” สุชาดาแก้ตัวแทนลูกชายที่ทำตัวดูไม่มีมารยาท
ทั้งห้าคนเดินผ่านประปูไม้สักลายมังกร ที่สั่งทำจากประเทศจีนราคาหลายแสน มายังห้องอาหารของบ้านหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกกว่า
“สวัสดีครับคุณลุงและคุณป้า” ว่านน้ำลุกจากเก้าอี้ทักทายสวัสดีแขกผู้ใหญ่ทั้งสองคน โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าทุกสายตากำลังจับจ้องเขา ที่เอาแต่มองพิมพกานต์ไม่วางตา
“เอิ่ม ๆ ...” นิรุตกระแอมในคอ เพื่อให้ลูกชายละสายตาจากหญิงสาวเสียที
“สวัสดีค่ะ” พิมพกานต์ยกมือไหว้ว่านน้ำเพราะเธออายุน้อยกว่า
เชิญนั่งกันได้เลยจ๊ะ ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรกันบ้าง บ้านเราทำธุรกิจเกี่ยวกับทะเล ก็จะมีอาหารทะเลเยอะหน่อย มีใครแพ้อาหารทะเลไหมจ๊ะ สุชาดาพยายามชวนคุย
“ไม่มีใครแพ้ มีแต่คนชอบมากค่ะ พิมพ์เขาชอบปูกับกุ้งเป็นที่สุดเลย ต้องพากันไปกินเกือบทุกอาทิตย์ ” เพ็ญแข ตอบตามความจริง ลูกสาวคนโตของเธอชอบกินปูทุกชนิดทุกเมนู ถ้าได้เป็นสะใภ้บ้านนี้จริงๆ คงกินจนสาแก่ใจเลย
“พี่ชื่อว่านน้ำ เรียกพี่ว่านเฉยๆก็ได้” ว่านน้ำแนะนำตัวให้หญิงสาวที่นั่งข้างๆ รู้จักด้วยสีหน้าเหมือนกำลังจะทำให้หญิงสาวละลายไปทั้งตัว
“ ค่ะ ค่ะพี่ว่าน เอ่อ..ชื่อพิมพกานต์เรียกพิมพ์เฉยๆก็ได้ค่ะ”
น้ำเสียงตะกุกตะกักแสดงถึงความเขินอายของคนพูด จะไม่ให้อายได้อย่างไรกัน ในเมื่ออีกฝ่ายหน้าตาดีขนาดนั้น ตัวพิมพกานต์เองก็ไม่ได้คุ้นชินกับการคุยกับผู้ชายแปลกหน้าเสียเท่าไหร่ แถมเขายังมองเธอด้วยสายตาทอดสะพานขนาดนั้น
“พี่ว่านเขาเพิ่งเรียนจบเกี่ยวกับธุรกิจทางประมงมาจากเมืองนอก ช่วงนี้ก็ยังให้พักผ่อนอยู่ อีกสักพักอาก็จะให้ช่วยดูแลเรื่องการส่งออก เพราะที่บริษัทกำลังเร่งทำสินค้าอาหารทะเลแปรรูปส่งขาย” สุชาดาแนะนำลูกชาย
“พิมพ์ก็กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเรียนต่อที่ไหน ว่านมีอะไรก็แนะนำน้องบ้างนะ” เพ็ญแขพยายามเปิดทางให้ทั้งคู่ได้สนิทสนมกัน
“ได้เลยครับคุณป้า แต่ความจริงแล้ว ผู้หญิงส่วนมากก็ไม่ได้สนใจเรื่องเรียนกันสักเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายก็ต้องมีสามี หาสามีฐานะดีๆ การงานมั่นคงก็เลี้ยงได้ทั้งชีวิตแล้วครับ” คำพูดดูสุภาพแต่ทุกถ้อยคำแสนจะดูถูกผู้หญิงที่นั่งข้างๆยิ่งนัก
“จริงค่ะพี่ว่าน พิมพ์ก็คิดแบบนั้น หาสามีดีๆ รวยๆสักคน ก็ไม่ลำบากแล้วค่ะ” จากเคยเป็นยอมๆ ครั้งนี้พิมพกานต์สวนกลับไปอย่างสุภาพเหยือกเย็น จนคนกวนอารมณ์เถียงต่อไม่ถูก
“กินข้าวกันดีกว่าค่ะ อาหารเย็นหมดแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อย” สุชาดาเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดจึงเปลี่ยนเป็นชวนทุกคนให้กินอาหารที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม