3/1 ครั้งแรกของการพบกัน
บทที่3
ครั้งแรกของการพบกัน
“ปกติคุณแม่ไม่เคยมาหาเราสองคนระหว่างอาทิตย์แบบนี้ มาแบบไม่มีคุณพ่อด้วย มีอะไรใช่ไหมคะ” พราวรดาน้องเล็กของบ้านรู้สึกไม่สบายใจกับการมาของมารดา
“ใช่จ้ารดา ลูกเดาถูก ตอนนี้ที่บ้านของเรากำลังมีปัญหา คุณพ่อทำธุรกิจเรื่องที่ดิน เพื่อนของคุณพ่อเล่นไม่ซื่อ สถานการณ์ทางการเงินของเรากำลังแย่ ถึงขั้นที่เราอาจต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่” เพ็ญแขเริ่มเล่าแบบรวบรัด
“พวกเราจะช่วยอะไรคุณพ่อได้บ้างคะ” พิมพกานต์เอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยบิดาผู้เป็นที่รักของเธอ
“ตอนนี้คุณพ่อมีทางเลือกสามทาง”
“อะไรบ้างคะคุณแม่” รดาเร่งเร้ามารดา
“ทางแรก คุณพ่อต้องยอมขายที่ดินที่โดนหลอกให้ซื้อ ขายให้เพื่อนที่หลอและพักพวกของมัน ในราคาที่ขาดทุน ซึ่งทางเลือกนี้คุณพ่อไม่อยากเลือกที่สุด แต่มันจะช่วยให้เราพอมีเงินมารักษากิจการของครอบครัวเราไว้”
“เท่ากับเราก็แพ้ไอ้เพื่อนขี้โกงของคุณพ่อสิคะ” รดาควันออกหู เธออยากจะจัดการเพื่อนขี้โกงแก้แค้นให้บิดาจัง
“ใจเย็นรดา ฟังคุณแม่พูดให้จบก่อน” พิมพกานต์คิดว่าทางเลือกที่สองและสามต้องดีกว่าทางเลือกแรกแน่ๆ
“ทางเลือกที่สอง คุณพ่อจะเอาที่ดินไปจำนำเพื่อน แต่เพื่อนคนนั้นให้ข้อเสนอว่า จะรับจำนำที่ดินแบบไม่คิดดอกเบี้ย แต่จะต้องให้ครอบครัวของเขากับเราเป็นดองกัน”
“อะไรนะ!” สองพี่น้องถามด้วยความตกใจพร้อมกัน
“ลูกได้ยินถูกแล้ว ทางครอบครัวนั้นเสนอต่อว่าถ้าเขามีหลานเมื่อไร จะคืนที่ดินทั้งหมดให้พ่อ เพื่อเป็นการรับขวัญหลาน โดยไม่เอาเงินคืนแหมแต่บาทเดียว”
“ทำไมเขาถึงอยาก... เป็นดองกับครอบครัวเราล่ะคะคุณแม่” พิมพกานต์คิดไม่ออกว่าครอบครัวนั้นจะมีเหตุผลอะไร เพราะว่าครอบครัวของเธอไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไรมาก และกำลังอยู่ในช่วงขาลงด้วยซ้ำ
“แม่กับคุณพ่อคิดว่ามันมีหลายเหตุผลด้วยกัน แต่เหตุผลที่สำคัญก็คงเป็นเพราะครอบครัวเราเป็นตระกูลเก่า นามสกุลของเราน่าจะเป็นใบเบิกทางในธุรกิจ และเป็นหน้าตาให้กับครอบครัวเขาได้”
“หวังแต่ประโยชน์กันทั้งนั้น” รดาเบ้ปากให้กับเรื่องที่ฟัง
“ทางเลือกนี้คุณพ่อก็ไม่อยากเลือก แต่แม่บอกกับลูกๆตรงๆว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าลูกเต็มใจ”
“แล้วคุณแม่จะให้ใครไปแต่งกับลูกชายเขาล่ะคะ หรือให้เขาเลือกเอาเลยว่าจะเอาใคร แบบชี้นิ้วเลือกตามใจชอบ” รดากอดอกแสดงอาการหัวฟัดหัวเวี่ยง
“เขาบอกว่าต้องการสายเลือดของคุณพ่อ แม่ต้องขอโทษพิมพ์นะลูก ที่ต้องพูดแบบนี้” เพ็ญแขคว้ามือลูกสาวคนโตมาจับด้วยห่วงความรู้สึก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ พิมพ์ไม่คิดมากกับเรื่องแค่นี้แน่นอนค่ะ ตอนนี้ความทุกข์ของคุณพ่อสำคัญที่สุด”
“แต่รดาไม่แต่ง ให้ตายก็ไม่แต่ง ไม่ได้รักกันเสียหน่อย จะให้ไปอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต มีหวังตายทั้งเป็น คุณแม่บอกทางเลือกที่สามหน่อยนะคะ เผื่อมันจะดูดีกว่าสองทางที่ไม่น่าเลือกเลย”
“ทางเลือกที่สาม เราคงต้องยอมกอดที่ดินไว้ แล้วค่อยๆปลดพนักงาน ยุบสาขา ชีวิตความเป็นอยู่ เราก็คงต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น ซึ่งแม่รู้ว่าทางเลือกนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้คุณพ่อ คุณพ่อรักเต็นท์รถทุกสาขา ห่วงครอบครัวของพนักงานทุกคน ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับลูกนะ รดา”
“คุณแม่คะถ้ารดาไม่อยากแต่ง พอมีทางที่พิมพ์จะทำแทนน้องได้ไหมคะ” พิมพกานต์รู้อยู่เต็มอก ว่าน้องสาวของเธอมีคนรักอยู่แล้ว รดาคงเสียใจมาก ถ้าต้องเลิกรากับคนรักของเธอและไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้
“เรื่องพิมพ์นอกจากคนในครอบครัวเรา ก็ไม่มีใครรู้ แต่พ่อกับแม่ก็ไม่อยากไปโกหกเขา ถ้ารดาเต็มใจ แต่ถ้าพิมพ์เต็มใจจะช่วยคุณพ่อ ไม่น่าจะมีปัญหา”
“พี่พิมพ์...ทำไมพี่ถึงจะยอม” รดารู้สึกผิดและสงสารพี่สาว
“พี่โอเค ชีวิตพี่โตมาเป็นคนได้ก็เพราะคุณพ่อ ทุกวันนี้พี่ก็ไม่ได้รู้สึกรักใครเป็นพิเศษ อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็คงรักกันเอง ไม่ต้องคิดมากพี่เต็มใจ ดีจะตายอยู่ดีๆก็จะได้มีสามีไม่ต้องเสียเวลาหาเองเลย” พิมพกานต์ฝืนยิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจแม้ภายในจะรู้สึกกลัวในสิ่งที่ตัวเองรับปากไป
“แน่ใจนะลูก แม่กับคุณพ่อยอมรับในการตัดสินใจของลูกนะ” เพ็ญแขอดเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาวคนโตไม่ได้ ถึงแม้การตัดสินใจของเธอจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ตาม
“แน่ใจค่ะ บอกข่าวดีคุณพ่อได้เลยค่ะ ฝากคุณแม่บอกคุณพ่อด้วย ว่าพิมพ์เต็มใจที่สุด คุณพ่อสบายใจได้ ความสุขของพิมพ์คือการเห็นครอบครัวของเรามีความสุข และพิมพ์จะไม่มีทางยอมให้ครอบครัวของเราต้องเสียความสุขนี้ไปแน่นอนค่ะ”
สามคนแม่ลูกจับมือกันอย่างเข้าใจ ในเวลานี้ความทุกข์ของหัวหน้าครอบครัว คือความทุกข์ของทุกคน ตัวพิมพกานต์เองก็ถือว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่เธอจะได้ตอบแทนพระคุณความรักที่บิดามีให้เธอมาตลอดแม้เธอจะไม่ใช่สายเลือดของเขา