ตอนที่ 7 ตกใจหรอ
“ขอบคุณมากค่ะหมอ”
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”
ทั้งๆ ที่มีตารางเรียนของเธอและจำได้ขึ้นใจว่าวันไหนเรียนอะไรถึงกี่โมง แต่ถ้าทำทีเป็นรู้ก็จะดูเหมือนใส่ใจเด็กนี่มากไป เลยต้องแกล้งถามเสียหน่อย
“เที่ยงค่ะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันมารับ มานั่งรอฉันที่เดิมนี่แหละ”
“ได้ค่ะ”
เธอตอบรับไปอย่างว่าง่าย ซึ่งถ้าเป็นเมื่อตอนที่รู้จักเขาแรกๆ คงจะต้องถามเขาไปว่า หมอทำงานแค่ครึ่งวันหรอคะ หรือหมอไม่มีอยู่เวรบ้างหรอคะ เพราะเธอคิดว่าเขาเป็นแค่หมอธรรมดาๆ คนหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ จนผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอจึงได้รู้ความจริงที่ว่าครอบครัวของเขาคือเจ้าของโรงพยาบาลและเขาเป็นทั้งหมอและผู้บริหารสูงสุด ถึงว่าเขาถึงได้ร่ำรวยนัก แถมจะเข้าจะออกงานเวลาไหนก็ได้อีกต่างหาก
เมื่อเด็กสาวในปกครองเดินเข้าตึกคณะไปแล้ว ผู้ปกครองหนุ่มรูปหล่อก็ลดกระจกลงนิดหน่อยแล้วเอนเบาะรถยนต์นอนหลับไปในทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกรถยนต์คันหรูดังขึ้นหลายครั้งติด ทำให้น่านฟ้าที่นอนหลับอย่างเป็นตายไปหลายชั่วโมงรู้สึกตัวตื่น เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเคาะกระจกเรียกจึงปลดล็อกประตูให้
“ทำไมหมอมานอนตรงนี้คะ ได้ไปทำงานหรือเปล่าคะเนี่ย”
“ฮึ่ม ไปมาแล้ว มานั่งรอเธอเลยงีบหลับ หลับไปได้แค่ไม่กี่นาทีเอง”
“งั้นหมอมางีบอีกนิดไหมคะ เดี๋ยวหนูไปขับแทนให้เองค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวถึงบ้านแล้วชงกาแฟเอาขึ้นไปให้ที่ห้องทำงานหน่อยก็แล้วกัน”
“หมอยังต้องทำงานอีกหรอคะ น่าจะนอนพักเสียหน่อย หน้าตาหมอดูอิดโรยมากเลยค่ะ”
“เป็นห่วงฉันหรอ”
คนตัวโตมองสบตากลมหวานของคนตัวเล็ก ในใจเต้นระรัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพราะเพียงคำพูดเรียบง่ายที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยของคนตัวบางเท่านั้น ก็ทำเอาเขาเสียศูนย์
“เป็นห่วงสิคะ หมอน่านเป็นผู้มีบุญคุณกับหนูเท่าชีวิต หนูอยากให้หมอมีสุขภาพดีๆ อยู่กับหนูไปนานๆ”
คนตัวบางยิ้มหวานสดใส ดวงตาสุกสกาวราวเด็กสาวไร้เดียงสา ทำเอาหมอหนุ่มชะงักไป หัวใจห่อเหี่ยวฟีบแฟบลงไปในทันที
มึงคิดอะไรของมึงวะไอ้หมอน่าน นี่เด็กที่มึงเอามาชุบเลี้ยง เธอจะคิดอะไรกับมึงได้ นอกจากมองมึงเป็นพ่อเธอก็เท่านั้น
“น่าน กลับมาแล้วหรอคะ”
ทันทีที่เปิดประตูลงจากรถ สาวสวยท่าทางดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วก็วิ่งตรงมาสวมกอดหมอหนุ่มต่อหน้าต่อตามะลิที่ยืนตกใจเบิกตากว้าง
“ลิน กลับมาถึงเมื่อไหร่”
ลินดา เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนของเขา เธอหายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของบิดาตัวเอง เมื่อเรียนจบก็ไม่ยอมกลับมาตามสัญญาเพราะอยากทำงานที่นั่น ซึ่งในช่วงปีหลังๆ เธอห่างหายไปจากเขาเลย นานๆ ครั้งถึงจะส่งข้อความหรือโทรมาหากันที อยู่ๆ วันนี้ก็มาหาเขาถึงบ้าน
“เมื่อเช้านี่เอง มาถึงก็แวะหาน่านก่อนเลย ลินคิดถึง”
“ผมก็คิดถึงลิน”
สองร่างสวมกอดกันอีกครั้ง ไม่แคร์สายตาเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนมองตาแป๋วเลยสักนิด
“อุ๊ย นี่ใครกันคะ อย่าบอกนะว่าคุณมีแฟนแล้ว เดี๋ยวนี้ชอบกินเด็กหรอคะ”
ลินดาเหลือบสายตาไปเห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แม้ว่าหลังจากที่เธอปฏิเสธความรับผิดชอบของน่านฟ้าอย่างไร้เยื่อใยในครั้งนั้น เธอก็เห็นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ไม่เคยมีใครสักคนได้มีอภิสิทธิ์มานอนที่บ้านของเขาเหมือนกับเธอเลยสักคน จึงคิดย่ามใจว่าอย่างไรเสีย เขาก็ไม่มีทางตัดใจไปจากเธอง่ายๆ แน่นอน จึงทิ้งระยะเวลามาเนิ่นนานแบบนี้ ไม่ได้ทำตามคำสัญญาที่มีให้กับเขาเสียทีเพราะยังสนุกกับชีวิตอิสระอยู่
“มะลิ เด็กในอุปการะของครอบครัวผมเองครับ มะลิ นี่ลินดา เพื่อนของฉันเอง”
“สวัสดีค่ะ คุณลินดา”
มะลิพนมมือไหว้เพื่อนสาวของผู้มีพระคุณ ที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่เพื่อน
“สวัสดีจ้ะ มะลิ”
ลินดากวาดสายตามองเด็กสาวแสนสวยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าสวยหวานน่ารัก รูปร่างบอบบางแต่กลมกลึงไปด้วยวัยสาว ผิวพรรณขาวสว่างราวน้ำนม แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก เด็กในอุปการะของครอบครัวจำเป็นต้องสวยขนาดนี้เลยหรือ แต่ถึงแม้จะเป็นอะไร เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจและยกใครมาเทียบเท่ากับเธอแน่
“มะลิ เอากาแฟขึ้นไปเสิร์ฟฉันกับลินคนละแก้วทีนะ จะขึ้นไปรอ บนห้องนอน”
บนห้องนอน เพื่อนที่ไหนเขาต้อนรับขับสู้กันบนห้องนอนบ้างล่ะ สิ่งที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิดจริงๆ แต่ก็เหมาะสมกันแล้วแหละ หนุ่มหล่อสาวสวย ท่าทางเป็นลูกผู้ดีมีเงินเหมือนกัน สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
“ได้ค่ะ หนูขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
“อืม น่าน อย่าใจร้อนสิ กาแฟของคุณยังไม่เอาขึ้นมาเสิร์ฟเลย ถ้ามะลิขึ้นมาเห็นคงไม่ดี”
“อย่าห้ามสิ ผมคิดถึงคุณเหลือเกินลิน คุณใจร้าย หายไปเลยไม่ยอมติดต่อผมมาบ้าง”
น่านฟ้าปล้ำจูบเพื่อนรักก่อนจะดันคนที่เขาคิดถึงแทบทุกลมหายใจเข้าออกลงนอนบนเตียงกว้าง แล้วตามขึ้นมาทาบทับทั้งตัว
จมูกโด่งซุกไซ้ที่ซอกคอหอมๆ มือไม้บีบขยำหน้าอกอวบอิ่มแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองลงมาทั้งแถบ ก่อนจะถอดทิ้งกองที่พื้นอย่างง่ายดาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ หลายครั้ง ก่อนมะลิจะเปิดประตูห้องนอนของเขาเข้ามาก็ต้องตกใจจนแก้วกาแฟในมือหล่นลงพื้นแตกกระจาย ทำให้ชายหนุ่มที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าชะงักหันกลับมามองยังต้นเสียง
“อุ๊ย หนูขอโทษค่ะ”
สาวน้อยละล่ำละลักเอ่ยขอโทษแล้วทรุดตัวลงนั่งเก็บเศษแก้วกาแฟด้วยมือไม้สั่นเทา
“มะลิ ไม่ต้อง เดี๋ยวแก้วบาด”
“โอ๊ยยย”
สาวน้อยรีบหดมือที่สั่นเป็นเจ้าข้าวของตัวเองกลับมาทันทีเมื่อแค่จับเศษแก้วชิ้นแรก ก็โดนคมของมันบาดเอาเสียแล้ว
น่านฟ้าถลาพุ่งตัวไปที่เด็กสาวทันที มือใหญ่จับมือเล็กที่กุมกันไว้แน่ออกมาดู
“โดนบาดหรอ ฉันดูหน่อย”
“หนะ หนู ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรีบเก็บให้นะคะ”
“ไม่ต้อง เอามือมาดูก่อน”
เขาดึงมือน้อยๆ ที่สั่นเทาจนน่าสงสารนั้นมาดูก็พบว่าที่นิ้วของเธอมีเลือดไหลเต็มไปหมด จึงรีบพาเด็กในปกครองมานั่งที่โซฟามุมห้อง แล้วจัดแจงทำแผลให้เธอในทันที
“เจ็บนิดนึงนะ”
ไม่เจ็บเลยสักนิด เพราะเธอแทบไม่มีความรู้สึกอื่นใดแล้วนอกจากคำว่าตกใจจนแทบช็อกเท่านั้น จึงก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเขาหรือแม้แต่เพื่อนรักของเขาก็ตาม
“ตกใจหรอ ฉันขอโทษนะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ หนะ หนูไม่ควรเข้ามา”
“แต่ฉันสั่งให้เธอเอากาแฟมาให้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธออาจจะเข้ามาเห็นอะไรแบบนี้ ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้ ขอโทษที อืม เสร็จแล้ว แผลไม่ลึกมาก อย่าให้โดนน้ำนะ พรุ่งนี้เช้าขึ้นมาหาฉัน จะทำแผลให้ใหม่”
“มะ ไม่เอาแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูทำแผลเอง กล่องปฐมพยาบาลข้างล่างมีค่ะ”
“หึหึ โอเค ลงไปเรียกเผือกขึ้นมาทำความสะอาด บอกว่าฉันสั่ง”
“ค่ะ”
สาวน้อยรีบลุกออกจากโซฟาแล้วเดินแกมวิ่งออกจากห้องนอนของเขาไปทันที โดยที่หมอหนุ่มได้แต่นั่งอยู่กับที่ มองไปยังร่างบางจนลับสายตา
บานประตูปิดลงไปแล้ว แต่หมอหนุ่มก็ยังไม่ยอมลุกกลับมาสานต่อกับผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย นั่งมองแผ่นหลังของเขาด้วยแววตามีคำถาม
ไม่นาน เด็กรับใช้ที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับคนตัวบางเมื่อสักครู่ ก็ขึ้นมาเก็บกวาดและดูดฝุ่นเพื่อป้องกันเศษแก้วตกค้าง ก่อนจะหายจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“น่าน น่านคะ”
“ครับลิน”
“จะนั่งอยู่อีกนานไหม ไหนบอกว่าคิดถึงลินไง”
“หึหึ ขอโทษทีครับ คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
เขาเดินไปกดล็อกประตูห้องนอน ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงกว้าง ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทุกชิ้น แล้วขึ้นไปนอนทาบทับบนเรือนร่างอวบอิ่มที่ห่างหายไปนาน
มือใหญ่ควานหาปลอกป้องกันในลิ้นชัก เขาสวมใส่มันอย่างชำนาญแล้วสอดแทรกท่อนร้อนขนาดไม่ธรรมดาของตัวเองลงในช่องทางรักที่เขาเคยหลงใหลหนักหนา เป็นการเริ่มต้นสงครามสวาทระหว่างเพื่อนรักทั้งสองยาวนานนับชั่วโมง
“มะลิ นิ้วเป็นอะไรลูก มีดบาดหรอ”
ณิชาถามหลานสาวสุดที่รักทันทีที่เห็นนิ้วเรียวบอบบางห่อหุ้มด้วยปลาสเตอร์ผืนหนาแบบป้องกันน้ำ
“เอ่อ ค่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณป้า”
“ใช่ที่ไหนคะคุณผู้หญิง คุณหมอให้คุณมะลิชงกาแฟไปให้เธอกับคุณลิน คุณมะลิน่ะก็เลยเข้าไปเห็นฉากพิสดารเข้าน่ะสิคะ ตกใจทำแก้วกาแฟตกแตก เลยโดนแก้วบาดเข้าให้ เป็นแผลเหวอะหวะเชียวค่ะ น่าสงสาร”
สาวเผือกได้ทีเอ่ยฟ้อง ทั้งยังใส่สีตีไข่ไปให้สาสม เธอเกิดและเติบโตขึ้นมาในบ้านหลังนี้ ได้เห็นลินดามานับสิบปี รู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าอย่างไรก็ไม่รู้ แต่พอเวลาที่เธอแอบนินทาก็จะโดนแม่ของเธอที่เป็นแม่บ้านคนเก่าคนแก่ดุเอาเสมอ
“นังเผือก พูดจาอะไร แก่แดดแก่ลม ขอโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง อย่าถือโทษโกรธนังเด็กปากไม่มีหูรูดนี่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะผ่อง แล้วมะลิเป็นยังไงบ้างลูก แผลใหญ่เลยหรอ ทำไมไม่บอกป้า ไปโรงพยาบาลกันเถอะ หมอน่านนี่ยังไง ทำไมไม่ดูแผลให้น้อง ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ทำตัวไม่สมเป็นผู้ใหญ่เลย”
“เอ่อ คุณป้าคะ เผือกก็พูดเกินไปค่ะ แผลเล็กนิดเดียวเอง คุณหมอเป็นคนทำแผลให้หนูเองค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกนะคะ แค่ไม่ให้โดนน้ำเท่านั้นเองค่ะ”
“เห้อ คงตกใจมากสินะ ป้าต้องเตือนหมอน่านหน่อยละ โตแล้วทำตัวเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนไปได้”
“แหม คุณผู้หญิงคะ ก็คุณลินดาเธอหายเข้ากลีบเมฆไปเป็นปีๆ เลยนี่คะ หนูนึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว นี่อยู่ๆ ก็กลับมาอีก สงสัย Boyfriend ฝรั่งคงทิ้งแล้วล่ะค่ะ เลยกลับมาหาคุณหมอของเรา”
“นังเผือก”
“โห่ แม่ ก็เรื่องจริงนี่นา ผู้หญิงอะไร หน้าด้านหน้าทน ทำตัวเฟียสๆ นอนกับเขาไปทั่ว เห็นคุณหมอเราเป็นแค่ของตาย ถ้าหนูเป็นคุณผู้หญิงนะคะ จะจับคุณหมอแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน เอาให้นางพูดไม่ออกเลยค่ะ”
“นังเผือกกกก”
“แม่อ่ะ”
เด็กเผือกหน้างอง้ำ เด็ดผักด้วยความกระฟัดกระเฟียดเต็มที รู้สึกหงุดหงิดที่เจ้านายหนุ่มที่แสนหล่อเหลาและร่ำรวยของตัวเอง ทำตัวเป็นเพลย์บอย เจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็มาตายรังกับผู้หญิงที่เห็นเขาเป็นของตายคนนี้อยู่ดี
“คุณป้าอย่าไปว่าอะไรคุณหมอเลยนะคะ เดี๋ยวเขาหาว่าหนูเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาฟ้องคุณป้า”
“ไม่ได้หรอกลูก ป้ามีวิธีของป้า ไม่ต้องกังวล”
กังวลสิ ทำไมจะไม่กังวล ไหนจะสายตาที่ผู้หญิงของเขาใช้มองมาที่เธอ มันแฝงไปด้วยความไม่พอใจและดูท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้าเธอเลยสักนิด แค่ไปขัดจังหวะเอง ไม่เห็นต้องไม่พอใจเธอขนาดนั้นเลย ให้ตายสิ