ตอนที่ 6 คิดจะมีแฟนแล้วหรอ
“เดี๋ยววันนี้มะลิไปมหาลัยพร้อมพี่ไหม พี่มีธุระที่นั่นพอดี น่าน เดี๋ยวกูไปส่งมะลิเอง”
เหนือเมฆที่วันนี้มีนัดกับสาวไซด์ไลน์ในคราบนักศึกษาแต่เช้า จึงอาสาไปส่งน้องสาวถึงมหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่ปกติ ถ้าผู้ปกครองของเธอจะเข้าไปทำงานที่โรงพยาบาลก็จะเป็นคนขับรถไปส่งเธอถึงมหาวิทยาลัยเองเพราะอย่างไรเสียก็คือทางผ่านไปที่โรงพยาบาลอยู่ดี
มะลิกำลังจะอ้าปากขอบคุณพี่ชายที่ใจดีกับเธอเสมอ แต่ผู้ปกครองหนุ่มดันเอ่ยตัดหน้าเธอเสียก่อน
“ไม่ต้อง ยังไงก็ทางผ่าน เดี๋ยวกูไปส่งเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“พ่อว่า พ่อจะให้มะลิขับรถไปเรียนเองดีไหม ใบขับขี่ก็มีแล้ว ขากลับมะลิจะได้ไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับมาด้วย”
“พี่ว่าก็ดีนะ วันไหนเลิกเรียนเย็น หรืออยากไปกินข้าวดูหนังกับเพื่อนต่อ จะได้ไม่ลำบาก”
“นั่นสิ แม่ก็เห็นด้วย”
“แต่ผมว่ามะลิยังเด็กไป เอาไว้ขึ้นปีสองหรือปีสาม ค่อยว่ากันอีกทีครับ ขึ้นรถเมล์กลับเองถ้าไม่มัวไปเถลไถลที่ไหนดึกๆ ก็ไม่อันตรายหรอกครับ ว่าไงมะลิ หรือว่าอยากจะมีรถขับไปเรียนเองแล้ว”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณลุงคุณป้า”
“อ่ะ เอาตามนั้น ผู้ปกครองเขายังไม่อนุญาต”
คุณนายณิชาอดที่จะค้อนลูกชายคนโตไม่ได้ ไม่รู้จะเข้มงวดอะไรนัก ทั้งๆ ที่มะลิก็ออกจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกจะตายไป
“ขอบคุณมากค่ะหมอน่าน”
มะลิพนมมือไหว้ผู้ปกครองหนุ่มอย่างนอบน้อมแบบเดิมทุกครั้งที่เขาขับรถเข้ามาส่งเธอที่ตึกคณะ แม้ว่าทุกวันเธอจะบอกให้เขาจอดส่งเธอแค่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยแล้วเธอจะนั่งรถสวัสดิการเข้าไปเองก็ตามที
“อืม ตั้งใจเรียน รีบกลับบ้านล่ะ”
“ค่ะ”
หมอหนุ่มนั่งมองเด็กสาวในปกครองเดินลงจากรถไป เพียงแค่ถึงบันไดด้านหน้าตึก กลุ่มเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิงของเธอก็กรูกันเข้ามาหา
เขากำลังจะขับรถออกไปจากบริเวณนี้ ถ้าไม่บังเอิญเห็นไอ้หนุ่มหน้าหล่อผิวพรรณขาวสะอาดยื่นมือไปช่วยเธอถือหนังสือ มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย ที่คนเป็นเพื่อนจะทำให้กัน
“เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดจะมีแฟนแล้วหรอ”
หมอหนุ่มบ่นงึมงำอย่างหัวเสีย ก่อนจะเร่งเครื่องยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว แล้ววันนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์ นางพยาบาล หรือว่าเลขานุการหน้าห้องก็ไม่มีใครเข้าหน้าเขาติดอีกเลยทั้งวัน
“มึงเป็นอะไรวะน่าน ได้ข่าวว่าวันนี้พนักงานโดนมึงด่าตั้งแต่แคชเชียร์ยันเด็กดริ้งเลยหรอ”
ความหงุดหงิดกินเวลายาวนานจนถึงช่วงดึกของวัน ซึ่งเขาเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร ทำไมถึงรู้สึกมีกองไฟมาสุมอยู่ที่อกแบบนี้
“ใครคาบข่าวไปบอกมึง อยากโดนไล่ออกกันหมดหรือไง”
“เฮ้ย ใจเย็น มึงเป็นไรวะ เป็นเม็นหรือไง ถึงหงุดหงิดเหวี่ยงวีนไปทั่วแบบนี้”
คู่แฝดที่คลานตามกันมาและรู้จักกันดีที่สุดอดแปลกใจไม่ได้ ที่คนอย่างหมอน่านฟ้า จะหลุดความคูลได้ขนาดนี้ เรื่องนั้นมันคงต้องใหญ่มากจริงๆ
“กวนตีนละ ไปไกลๆ เลย หงุดหงิด”
“มึงมีอะไรหรือเปล่าน่าน กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนไป เดี๋ยวกูดูต่อเอง ที่จริงมึงไม่ต้องมาทุกวันก็ได้”
“กูไม่เป็นไร จริงๆ ก็ไม่ได้มาทุกวันหรอก เหนื่อย อาทิตย์นึงมาแค่สองสามวันเท่านั้นแหละ”
“อืม ดีแล้ว ไป กลับบ้านไปนอนไป เดี๋ยวกูดูอีกแป๊บนึง แล้วจะไปกาสิโนต่อ”
“มีอะไรหรือเปล่าวะเหนือ”
“มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย”
“แล้วพ่อกับแม่รู้หรือยัง”
“พ่อรู้แล้ว ให้ลุงกรณ์ไปช่วยดูให้อยู่ แต่ให้แม่รู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นห่วง”
“อืม อันตรายไหม มึงต้องระวังตัวนะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่มีพวกแพ้แล้วพาลมันส่งคนมาป่วนน่ะ”
“โอเค งั้นมึงระวังตัวนะ เดี๋ยวกูกลับบ้านก่อน มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”
อยู่ๆ ความหงุดหงิดในหัวใจก็หายไป เมื่อได้รู้เรื่องปัญหาที่แฝดผู้น้องจะต้องไปเผชิญ คนเป็นพี่อย่างเขาก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกันจนลืมปัญหาของตัวเองไปชั่วขณะ
เป็นเวลาดึกสงัดที่หมอหนุ่มกลับถึงบ้าน แทนที่จะเดินขึ้นตึกใหญ่แต่เขากลับเดินลัดเลาะไปด้านข้างของตัวบ้าน จุดหมายปลายทางคือบ้านไม้หลังน้อยที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมเย็นในเวลากลางคืน
เขาเดินไปตามเส้นทางที่ปูด้วยอิฐตัวหนอน สองข้างทางมีเสาไฟเตี้ยๆ แบบโซลาร์เซลล์ตั้งเรียงรายให้แสงสีเหลืองนวลส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
โจรหนุ่มนักย่องเบายืนอยู่ที่บานประตูไม้หนาทึบ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเอากุญแจที่ห้อยกันเป็นพวงที่พกติดตัวตลอดเวลาออกมาไขเข้าบ้านน้อยหลังนี้ไปอย่างง่ายดาย
ภายในห้องนอนที่มีเพียงแสงสว่างสีเหลืองนวลจากโคมไฟขนาดเล็ก หมอหนุ่มเดินมาทิ้งกายลงนั่งอย่างแผ่วเบาบนที่นอนกว้างข้างกายของสาวน้อยในปกครองที่กำลังอยู่ในห้วงฝันอันแสนสุข ไม่ได้รับรู้การมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้เลย
เขานั่งมองใบหน้าเรียวเล็กขาวผ่องที่กำลังหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเรื่อน่ารักจนอดใจไม่ไหว ต้องยื่นมือไปเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าไปทัดหู แล้วลูบแก้มนุ่มนิ่มของเธอเบาๆ อย่างหลงใหล
“ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร มะลิ”
เสียงทุ้มละมุนเล็ดลอดออกมาจากปากของเขาอย่างแผ่วเบา แต่กระนั้นคนที่อยู่ในห้วงความฝันกลับค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงของเธอคือใครก็อมยิ้มเล็กน้อย แล้วคว้ามือใหญ่ที่กำลังลูบแก้มของเธอมากอดแนบอก
“อืมม หมอคะ”
“มะ มะลิ”
หมอหนุ่มร้องครางเสียงแหบพร่าปร่าแปร่งเสียจนน่าสงสารเมื่อสัมผัสได้ว่ามือของเขากำลังซุกอยู่ที่หน้าอกอวบใหญ่นุ่มหยุ่นด้วยวัยสาว
หัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำรัว นี่เขากำลังตื่นเต้นที่ได้สัมผัสร่างกายของสาวน้อยวัย 19 อย่างนั้นหรือ ทำตัวราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยได้แตะต้องหญิงใดมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อวันก่อน เขาเพิ่งเรียกสาวไซด์ไลน์มาปรนเปรอจนถึงใจที่ห้องทำงานของผับนี่เอง
น่านฟ้าพยายามจะดึงมือของตัวเองออกมา แต่เด็กสาวกลับไม่ให้ความร่วมมือ เธอขยับตัวกอดกระชับมือของเขาแน่นขึ้นไปอีก เขาจึงทิ้งกายพิงหัวเตียงกว้าง แล้วนั่งมองใบหน้าหวานๆ ของเธออยู่อย่างนั้นจนจวนเจียนที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า จึงกลั้นใจดึงมือของตัวเองออกมาแล้วแอบออกจากบ้านหลังน้อยนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนแม่บ้านจะตื่นขึ้นมาเห็นเข้าเสียก่อน
ร่างใหญ่ทิ้งกายลงบนเตียงกว้างของตัวเอง ทั้งๆ ที่เพลียจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่ใจเจ้ากรรมกลับคอยกระหวัดถึงแต่เด็กในปกครองแสนนุ่มนิ่มนั่นจนนอนไม่หลับ
“เห้ย ไอ้น่าน มึงเป็นห่าอะไรวะ หลับซะที เดี๋ยวก็ต้องตื่นไปส่งยัยเด็กดื้อไปเรียนอีก”
หมอหนุ่มใช้ความพยายามในการข่มตาให้หลับอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นผล
เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาเดิมเพราะนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ ร่างกายเพลียหนักจนแทบไม่อยากจะลืมตาขึ้นมา แต่พอคิดว่าเด็กนั่นจะต้องเดินออกไปจนถึงกลางซอยเพื่อเรียกวินมอเตอร์ไซค์ และโหนรถเมล์ที่สุดแสนจะแออัดในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ก็ทำให้มีแรงฝืนสังขารลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว
“อ้าว น่าน ทำไมวันนี้หน้าตาไม่สดชื่นเลยลูก ใต้ตาดำปี๋เลย เมื่อคืนกลับดึกหรอจ๊ะ”
เมื่อคนหล่อในชุดพร้อมทำงานเดินลงมาถึงห้องอาหาร คนเป็นแม่ก็ร้องทักด้วยความเป็นห่วง ทุกคนในห้องก็ต่างเงยหน้าขึ้นมามองเขาเป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่น้องชายฝาแฝดที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านก่อนเขาลงมาได้ไม่นาน ซึ่งหน้าตาท่าทางของมันก็อิดโรยไม่ต่างจากเขาเลย
“อ้าว ไล่ให้กลับมานอนตั้งแต่ยังไม่ตีหนึ่ง ทำไมอยู่ในสภาพนี้วะน่าน นอนไม่หลับหรอ”
“อืม นอนไม่หลับ”
“ไม่ต้องไปทำงานสักวันก็ได้นะ พักผ่อนเถอะลูก”
“เอ่อ ไม่ได้หรอกครับแม่ พอดีมีงานต้องเคลียร์นิดหน่อย เดี๋ยวบ่ายก็กลับบ้านมาพักผ่อนแล้วครับ”
จะให้บอกแม่กับทุกคนไปได้อย่างไร ว่าเป็นห่วงยัยเด็กนี่ ถึงต้องลากสังขารลงมาทำทีว่ามีงานด่วน สงสัยว่าตั้งแต่ที่เขาเรียนจบหมอมาแล้วเรียนต่อเฉพาะทางอีกหลายปี เขาไม่ได้ลิ้มรสความยากลำบากเหมือนหมอคนอื่นที่ต้องใช้ทุน เพราะเขามานั่งแท่นบริหารสลับกับรักษาคนไข้บ้างเพียงเล็กน้อยมันทำให้เขาติดความสบายไม่เคยชินกับการอดหลับอดนอนทั้งคืนแบบนี้ไปเสียแล้ว
“จ้ะ เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นรีบทานข้าวแล้วรีบออกเดินทางกันได้แล้ว เดี๋ยวรถจะติด”
เมื่อทานอาหารมื้อเช้าที่แทบไม่รู้รสชาติ หมอหนุ่มก็เดินนำสาวน้อยออกมาถึงที่รถ
“หมอคะ ให้หนูขับให้ก่อนไหมคะ หมอหลับไปในรถได้อีกงีบนึง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันขับไหว เมื่อก่อนตอนเรียนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นวันๆ ยังอยู่ได้เลย”
“แต่ตอนนี้หมอแก่แล้วนะคะ จะคิดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงอดหลับอดนอนได้เหมือนเมื่อก่อนได้ยังไง”
“อะไรนะ นี่เธอกล้าว่าฉันแก่เลยหรอ มะลิ”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ หนูแค่ไม่อยากให้หมอทำงานหนักแบบนี้บ่อยๆ มันเสียสุขภาพ”
“ฮึ่ม กล้าว่าฉันแก่ เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์คนแก่ อย่ามาร้องแล้วกัน”
หมอหนุ่มบ่นงึมงำเสียงเบาด้วยความไม่พอใจ หน็อย คนอุตส่าห์แหกขี้ตาลากสังขารตื่นขึ้นมาเพื่อไปส่งที่มหาวิทยาลัยด้วยความเป็นห่วง ดันมาว่าเราแก่เสียได้