ตอนที่6... ฟ้าใหม่ !
“เตย”
เราก็ได้เดินออกมาข้างนอกบ้าน เดินตามทางมาเรื่อยๆจนมาถึงชายหาดนั่นแหละ บ้านเราไม่ได้อยู่ไกลจากชายหาดมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เดินมาเรื่อยๆลมเย็นๆเราก็มาเดินที่ชายหาดเสียงลมพัดน้ำทะเลกลายเป็นคลื่นที่มากระทบฝั่ง ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดินสวยนะ เราไม่ได้มายืนดูแบบนี้นานแล้วเคยมากับไอ้ต้นล่าสุดก็เมื่อ 8 เดือนที่แล้วมั้งถ้าจำไม่ผิดเห้อ~ชีวิตของคนเราไม่แน่นอนจริงๆ คบกันมาตั้งเกือบ 5 ปีสร้างทุกอย่างมาด้วยกันแต่มาพังเพราะว่าผู้หญิงคนใหม่ เรามองสายลมที่พัดผ่านแล้วน้ำตาของเรามันก็ไหลออกมา เราพยายามเข้มแข็งพยายามที่จะไม่นึกเรื่องราวที่ผ่านมาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เราอยู่กับมันมา 5 ปีไม่ใช่ 5 วันที่จู่ๆเราจะต้องมาลืมง่ายขนาดนั้นแต่เราก็พยายามทำใจ พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองเจ็บปวดแต่น้ำตาที่มันไหลออกมามันคือความรู้สึกออกมาจากหัวใจจริงๆ
เราเช็ดน้ำตาพร้อมกับยืนโอบกอดตัวเอง แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆลึก ชีวิตของเราต้องสู้ต่อไปต่อจากนี้ไป เราจะต้องทำเพื่อพ่อกับแม่เพราะว่าไม่มีใครรักเราเท่าพ่อกับแม่แล้ว ตอนนี้มันก็กำลังจะมืดเราเลยเดินกลับ คือเรากำลังจะข้ามถนนไงแล้วมีรถมาพอดี เขาบีบแตรให้เราคือเราก็ตกใจนั่นแหละเลยล้มลงกับฟุตบาทข้างทาง
พรึ่บ“โอ้ยขับรถบ้าอะไรวะเนี่ย”จริงๆทางมันก็กว้างป่ะ เรายังเดินออกมาได้แค่ก้าวเดียวเอง ไม่ได้เดินออกมาถึงครึ่งถนนซะเมื่อไหร่แล้วรถหรูคันนั้นก็จอดพร้อมกับเปิดประตูลงมา
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ผู้ชายคนนั้นที่ลงมาจากรถแต่งตัวดูดีมาด อย่างว่าแหละคงจะเป็นคนมีเงิน มาเที่ยวแต่เขาใส่แว่นดำไงเราเลยไม่เห็นหน้าเขาชัดเท่าไหร่แต่เขาพูดดี
“ไม่เป็นไรค่ะขอโทษด้วยนะคะ”เขายิ้มพร้อมกับยื่นมือมาหาเราเพื่อที่จะดึงเราลุก เราก็เอื้อมมือไปจับเขาแล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับปัดก้นเรานั่นแหละที่เปื้อนทราย
“ผมขอโทษนะครับพอดีผมก้มหยิบโทรศัพท์พอดีเลย”เขาพูดเหมือนคนสำนึกผิดมากจริงๆเราเป็นคนผิดนะ ที่เดินออกมาเพื่อที่จะข้ามถนนแต่ไม่ดูรถ
“ไม่เป็นไรค่ะ คือดิฉันเป็นคนผิดเอาเป็นว่าฉันขอตัวก่อนนะคะ”เราพูดจบก็หันหลังเดินมาเลยแหละ ใครพูดดีกับเราใครมีมารยาทดีกับเรา เราก็พูดจาดีกับเขา แต่ถ้าใครพูดมาไม่ดีหรือไม่เคารพเราก็พูดไปแบบนั้นมึงกูขึ้นได้หมดเราเป็นคนหลายบุคลิกดีมาดีกลับเหี้ยมาเหี้ยกลับ
ตัดเลยแล้วกันพอตื่นเช้ามาแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะลงมาด้านล่างแล้วจะไปร้านอาหาร กับพ่อแม่นั่นแหละร้านอาหารอยู่ไกลจากบ้านเพราะว่าอยู่ติดกับชายหาดที่เราไปเดินมา เป็นร้านอาหารไม่ได้ร้านอาหารหรูขนาดนั้นแต่เป็นร้านอาหารที่แบบเช่าเขาแผง เราก็ขึ้นรถมากับพ่อกับแม่ พ่อก็จะไม่ให้เรามาจะให้เราอยู่บ้านแต่เราไม่ยอม เราอยากมานี่ให้เราอยู่แต่บ้านเราก็เบื่อ พอมาถึงก็มาจัดของลงร้าน นู่นนี่นั่นเช็ดโต๊ะอาหารให้กับแม่แล้วก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาสั่งอาหารอาหารแล้วก็จะเป็นพวกผัดกระเพราต้มยำอะไรประมาณเนี้ย นั่นแหละก็มีความสุขไปอีกอย่างนะ มีทั้งรอยยิ้มของพ่อกับแม่มีทั้งคำพูดแซวของลูกค้าบ้างลูกค้าไม่ใช่คนแถวบ้านเท่าไหร่หรอกเพราะว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชายหาด จนตอนเย็นของขายดีก็กำลังจะหมดแล้วแหละ
“พ่อเราต้องไปซื้อของที่ตลาดนะเนี่ย”แม่พูดกับพ่อเพราะว่าตลาดไปอีกทาง
“เดี๋ยวรอให้ของหมดก่อนไหมแล้วเราค่อยไปทีเดียว”
“พ่อกับแม่ไปก่อนก็ได้เดี๋ยวเตยล้างจานให้แล้วก็เฝ้าร้านให้พ่อกับแม่กลับมาพอดีแล้วเราค่อยเก็บของกลับบ้านกัน”
“น้องเตยอยู่ได้เหรอลูก”
“สบายมากค่ะ”
“ป่ะพ่อ เดี๋ยวไปไม่ทันซื้อของ”แล้วพ่อกับแม่เราก็เดินออกไปเอารถข้างหลังร้าน แล้วก็ขับออกไปที่ตลาดไปที่แพ ไปซื้อของสดส่วนเราเองก็อยู่ที่นี่เช็ดโต๊ะแล้วก็เก็บจานล้างเก็บหม้อล้างเป็นบางส่วนมันเย็นแล้วไง ร้านก็กำลังจะปิดส่วนลูกค้าก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว พอเราทำเสร็จแล้วก็เริ่มเก็บของเรื่อยๆแล้วมีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาแต่งตัวแบบมอมๆเดินมาที่หน้าร้านของเราพร้อมกับมองในตู้เเก้วที่แม่ใส่ของสดไว้เพื่อโชว์ให้กับลูกค้าดู
“รับอะไรดีคะ”เราก็เดินออกมาหาเขาพร้อมกับยิ้มทำไมผู้ชายคนนี้ถึงหน้าคุ้นๆ เขามองหน้าเราแล้วก็ทำตาปริบๆคือกางเกงก็ขาดแบบเหมือนคนไม่มีเงิน เราไม่ได้ว่านะแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“ผมไม่มีตังค์กินหรอกครับ”ยิ่งเสียงพูดของเขา มันทำให้เรารู้สึกว่าเราเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน หรอว่าเราคงจะคิดไปเองเตยเธอเจอคนเยอะแยะ อืมไม่มีเงินกินหรอทำไมน่าสงสารจังคงจะหิวมากแน่เลย
“ไม่เป็นไรค่ะเข้าไปนั่งที่ร้านก่อนนะเดี๋ยวเตยเอาอะไรให้กินเลยไม่คิดเงินหรอกค่ะ”เขาเงยมองหน้าเราพร้อมกับยิ้มเหมือนเขาดีใจเราเองก็ยิ้มให้กับเขา
“ขอบคุณนะครับขอบคุณมากๆ ทำไมคุณใจดีแบบนี้ทั้งสวยแล้วก็ใจดี”เขาก็เดินเข้ามานั่งในร้านแต่แปลกนะ เขายังเป็นหนุ่มอยู่เลยอ่ะคือความรู้สึกว่าเขาน่าจะอายุประมาณ 30 ต้นๆ แต่ทำไมถึงไม่มีเงินทำไมถึงมาเดินแบบนี้อย่างว่าแหละเนาะชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงเขาอาจจะเจออะไรมาก็ได้เหมือนชีวิตเราไง หน้าของเขาก็เปื้อนอะไรดำๆไม่รู้ มองหน้าก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่หรอก
“กินอะไรดีคะ ตอนนี้เหลือของไม่มากนะมีแค่หมูกับเนื้อแล้วก็ไข่แล้วก็กุ้งปลาหมึกเพราะว่าขายไปหมดแล้ว”
“อะไรก็ได้ครับ ที่ให้ผมทานเอ้ยกินให้ผมกินผมไม่มีเงินจ่ายนะ”
“กินเผ็ดได้หรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้ครับ”เราหันกลับไปมองหน้าเขาแล้วเขาก็เหมือนหันหน้าหนีเรา ทำไมความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เขาแปลกๆ เหมือนเขาเป็นผู้ดีแล้วรู้สึกคุ้นเหมือนพึ่งเคยเจอมา
“เคอย่านั่งรอก่อนนะเดี๋ยวทำข้าวผัดไข่ใส่กุ้งให้กิน จะทำให้สุดฝีมือเลย”
“ดูแล้วคุณเป็นคนตลกนะ”เราก็ทำไปด้วย แล้วก็หันไปพูดกับเขาด้วย เพราะว่าเขานั่งเก้าอี้อยู่ทางด้านหลังเราไง คนเราจะมาทุกข์ตลอดเวลาก็ไม่ใช่ที่หรอก อะไรที่ลืมได้ก็ควรลืมอาจจะมีเป็นบางครั้งที่ความคิดมาที่ทำให้เราเศร้าและทำให้เราคิดถึง
“ไม่หรอกค่ะ ชีวิตคนเรามันแตกต่างกันมีเศร้ามีทุกข์มีสุขปะปนกันไป แล้วพี่เป็นคนที่นี่หรอ”
“อะอื้อใช่”ทำไมต้องพูดเสียงสะดุดเหมือนคนมีพิรุธด้วยความรู้สึกมันแปลกๆ
“แล้วอยู่ตรงไหนล่ะ”
“อ๋อทางนู้น”เขาชี้ไปทางขวา ทางนั้นก็จะมีหมู่บ้านนะแต่เราไม่ค่อยได้ไปหรอกเขาคงอยู่ละแวกนั้น
“ค่ะ”เราก็ผัดข้าวให้เขาจนเสร็จนั่นแหละหนึ่งจานใหญ่ๆเลย กลัวเขาไม่อิ่มแล้วก็ยกมาวางให้เขา พร้อมกับจ้องมองหน้าเขาทำไมเหมือน !! แต่ไม่ใช่หรอก แตกต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว แต่ถ้าผู้ชายคนนี้ล้างหน้าแล้วทำผมดีๆเขาเป็นคนที่หล่อคนนึงเลยแหละ
“ทานให้อร่อยนะคะถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวทำให้ใหม่”
“ขะขอบคุณครับ”เขาพูดขอบคุณเราพร้อมกับหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาเรา เเปลกถ้าเป็นมิจฉาชีพป่านนี้ก็คงปล้นเราไปแล้ว หรือว่าเขาจะรู้สึกอายคงจะใช่แหละเราเลยลุกหนีเขามาเพื่อให้เขากินข้าว แล้วเราก็มาเก็บของเรานู่นนี่นั่นพ่อกับแม่ของเราก็ยังไม่กลับมาเลยเขาไปซื้อของที่ตลาดนานหรือไม่งั้นก็ไปอยู่ที่แพปลา
“ไปแล้วนะครับคนสวยขอบคุณมากๆให้ผมทานข้าวนี่ครับเงินไม่ต้องทอน”อ่ะอ้าว เขาว่าเงินแบงค์พันไว้ที่โต๊ะแล้วก็รีบวิ่งออกไปนี่เขาหลอกแล้วหรอเนี่ย คนบ้าอะไรวะงานการไม่มีทำหรอ เราเดินมาหยิบแบงค์พัน ที่วางอยู่โต๊ะมีกระดาษแปะอยู่ด้านหลัง แล้วก็เขียนในโน้ตว่า”พรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะที่รัก”หึ้ยเขาเป็นใครกันแน่
“น้องเตยทำอะไรเหรอลูก”นั่นแหละแล้วพ่อกับแม่ของเราก็กลับมา เราเลยเอาโน้ตใบนั้นกับแบงค์พันยัดใส่กระเป๋ากางเกงเพื่อเอาไว้ทอนเขา กินข้าวจานเดียวจ่ายแบงค์พันเลยแล้วก็ปลอมตัวมาเป็นคนจน คนบ้าไรเนี่ย