บทที่ 1
"ฮ่าา"
"เธอขำอะไร"
"รุ่นพี่จะบ้าเหรอ กฎบ้าบออะไรของรุ่นพี่"
"เราต้องคุยกันก่อนที่จะจดทะเบียนสมรส"
"รุ่นพี่คะ รุ่นพี่รับบทเป็นพระเอกละครเวทีเยอะไปไหม"
"เธออย่าทำเป็นเล่นสิ"
"ก็ได้ค่ะห้ามรักก็ห้ามรัก แล้วอย่ามาหลงรักเค้าแล้วกัน" สโนว์หรือสโนไวท์ เธอคือบุตรคนที่สองของท่านพลโทกองทัพ หรือเธอก็คือน้องสาวของทัพไทนั่นเอง
และกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว จนผู้พันกองทัพเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นพลโทกองทัพ
ที่ทั้งสองคุยเรื่องจดทะเบียนสมรสกัน นั่นเพราะคุณปู่ของเทวินเสียไปแล้ว และเขาซึ่งเป็นหลานชายคนโต มีความประสงค์ที่จะเข้าไปรับช่วงต่อ
แต่ด้วยวุฒิภาวะของเขายังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ถ้าเข้าไปรับตอนนี้พวกเหลือบไรต้องหาวิธีเล่นงานเขาแน่ เทวินจึงคิดแผนนี้ขึ้นมา โดยรู้กันกับสโนไวท์แค่สองคน เพราะเธอเป็นบุตรสาวของพลโทกองทัพ ซึ่งกองทัพก็มีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทด้วย และเธอก็เป็นรุ่นน้องในคณะของเขา
เทวินมีปัญหาเรื่องเรียนตั้งแต่อนุบาล เพราะเขาเข้าเรียนไม่ทัน ตอนนั้นที่ถูกคุณปู่จับตัวมา เขาก็เลยเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ส่วนสโนไวท์เป็นเด็กที่หัวดีและหัวไวมาก เธอสามารถสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้เร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน นั่นหมายถึงว่าตอนนี้เธอเรียนปีเดียวกับพี่ชายตัวเอง จนทัพไทขอร้องน้องสาวอย่าบอกใคร โชคดีที่ทั้งสองเรียนคนละคณะก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน
และที่สโนไวท์ยอมจดทะเบียนสมรสกับเทวิน เพราะเธอชอบการบริหาร นั่นหมายถึงเธอจะได้เข้าไปบริหารบริษัทที่พ่อมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย
"อนาคตข้างหน้าถ้าเธอมีแฟน ฉันก็จะหย่าให้" นั่นหมายถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีปัญหาเรื่องนี้แล้ว
"เรื่องของฉันไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ แต่รุ่นพี่บอกแฟนตัวเองหรือยังว่าจะทำแบบนี้" ไม่มีใครในคณะบริหารธุรกิจไม่รู้ว่าเทวินหนุ่มหล่อประจำคณะบริหารมีแฟนแล้ว
"เรื่องนั้นเราจะทำกันแบบเงียบๆ ถึงยังไงบริษัทของเราก็ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ" ใช่แล้วช่วงแรกเทวินอาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะเรียนยังไม่จบ ต้องเดินทางเข้าบริษัทให้บ่อยที่สุด
หลังจากที่คุยกันเสร็จทั้งสองก็แยกย้าย
"บ้าไปแล้ว ใครจะไปรัก ชิ! กฎบ้าอะไร" สโนไวท์คิดถึงตอนที่เทวินพูด ..กฎเดียวที่มีอยู่ก็คือห้ามรักอีกฝ่าย เพราะเราแค่ร่วมมือกัน
เธอกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้คบค้าสมาคมกัน จนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีกทีถึงได้โคจรมาพบกัน
ตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็พาเจอกันอยู่เป็นครั้งคราว เพราะพวกท่านเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่มาถึงรุ่นลูกไม่ใช่ว่าจะสนิทเหมือนพ่อแม่ เพราะทุกคนต่างก็มีสังคมเป็นของตัวเอง
สโนไวท์มีใบหน้าที่งดงามคล้ายคลึงกับแม่ และเธอก็เป็นคนที่ชอบแต่งเนื้อแต่งตัว ด้วยครอบครัวของเธอเป็นคนมีฐานะ สโนไวท์ก็เลยชอบใช้แต่ของแบรนด์เนม ถึงไม่ชอบก็มีคนจัดหามาให้
วันต่อมา..
"บ้านเราก็มีรถ ทำไมถึงอยากไปพักที่หอล่ะลูก" มโนราห์ไม่สบายใจมากเมื่อสโนไวท์ขอไปอยู่ที่หอพัก
"แม่คะลูกโตแล้วนะ แม่คิดว่าลูกจะทำตัวเหลวไหลหรือไง"
"แม่เชื่อใจลูก แต่แม่ว่ามันยังอันตรายอยู่ดี" ลูกสาวของเธอถือว่ายังเด็กมาก จะเรียกว่าเด็กกว่าทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ได้ เพราะสโนไวท์สอบเทียบเข้าได้
"ทีพี่ทัพไทยังให้ไปพักกับเพื่อนได้เลย"
"มันไม่เหมือนกันนะลูก พี่เขาเป็นผู้ชาย"
"แม่ก็คิดว่าสโนว์เป็นผู้ชายได้นี่คะ"
"มันคิดแบบนั้นกันได้ด้วยเหรอ"
"ยังตกลงกันไม่ได้อีกเหรอแม่กับลูก" คนเป็นพ่อได้ยินคุยกันตั้งแต่เช้าแล้ว จนแต่งตัวจะออกไปทำงาน แม่กับลูกก็ยังคงคุยเรื่องเดิม
"คุณหาลูกน้องไปเฝ้าลูกหน่อยได้ไหมคะ" รู้แล้วว่าตัวเองคงห้ามลูกสาวไม่ได้
"ลูกน้องงั้นเหรอ" พลโทกองทัพใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลยนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ "เราเรียนคณะเดียวกับพี่เทวินไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"พี่เขาก็พักอยู่หอนี่"
"แต่เทวินเป็นผู้ชายนะคะ"
"พูดเหมือนลูกน้องผมไม่ใช่ผู้ชาย และอีกอย่างตาเทวินก็เป็นเด็กดี" กองทัพยังเคยพูดเปรยๆ ไว้เลย ว่าอยากจะได้เทวินมาเป็นลูกเขย
"นะคะแม่ ขนาดพ่อยังไม่ว่าอะไรเลย"
"หึ.. ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของคุณนะ" พอพูดไปแล้วก็กลัวภรรยาจะงอนเอา ก็เลยรีบออกตัว
"คุณก็เลี้ยงลูกเสียแบบนี้ ลูกเป็นผู้หญิงนะคะ" คนเป็นแม่เริ่มใจอ่อน เพราะลูกของเธอไม่เคยนอกลู่นอกทาง แถมตั้งใจเรียน หาได้น้อยมากที่จะสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อนวัย เพราะมันยากยิ่งกว่าเอนทรานซ์เสียอีก
"เดี๋ยวผมจะโทรไปหาเจ้าเทวิน ฝากให้ดูแลน้อง" กองทัพคิดว่าดีเหมือนกันทั้งสองจะได้สนิทสนมกันไว้ เผื่ออนาคตข้างหน้าได้ดองกับเพื่อนจริงๆ คงสนุกน่าดู
มโนราห์เคยถูกแม่ทอดทิ้ง พ่อไม่สนใจ เธอก็เลยคิดว่าจะทุ่มเทเวลาให้กับลูกๆ แต่มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย เพราะลูกๆ ต้องการอิสระมากกว่า
หลายวันต่อมา..
ตั้งแต่เล็กจนโต สโนไวท์ไม่ค่อยมีอิสระ เพราะแม่หวงมาก แต่พอได้ออกมาใช้ชีวิตนอกกรอบ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด แต่เธอชอบแบบนี้นะ
"แม่?" ก่อนถึงคณะก็เห็นว่าแม่ยืนรออยู่หน้าคณะ "แม่มาทำไมคะ"
"เป็นไงบ้างจ๊ะ อยากกลับบ้านเราหรือยัง"
"แม่คะ สโนว์เพิ่งออกมาได้สองวันเอง"
"ถ้าวันไหนลูกเหงาก็โทรหาแม่นะ เดี๋ยวแม่มาอยู่เป็นเพื่อน" จริงๆ แล้วไม่ใช่ลูกเหงาหรอกแม่ต่างหากที่เหงา
"ค่ะแม่" ทำไมสโนไวท์จะไม่รู้ แต่ถ้าเธอไม่ออกมาแบบนี้ ก็คงไม่ได้เดินตามฝันที่อยากเป็นนักธุรกิจ เพราะแม่คงไม่ให้ทำ
"แม่กลับเถอะค่ะ สโนว์มีเรียนเช้า"
"แม่ยังไม่กลับหรอก แม่ว่าจะไปหาพี่ชายเราก่อน"
"ถ้างั้นสโนว์ไปนะคะ บายค่ะ" สโนไวท์สดใสร่าเริงด้วยวัยของเธอ ที่ไม่เป็นห่วงแม่มากมาย เพราะที่บ้านก็มีแม่บ้านที่จะเป็นเพื่อนแม่อยู่อีกเป็นสิบ ถ้าคุณปู่กับคุณย่ากลับมาจากไปเที่ยวรอบโลกก็คงจะดี แม่จะได้ไม่ต้องเหงาแบบนี้ ตั้งแต่ปลดเกษียณพลเอกเกษมราษฎร์ก็พาภรรยารักเที่ยวไปทุกที่ที่เคยคุยกันว่าอยากจะไป
"อีกสามวันจะมีการประชุม ที่บริษัท"
"อุ๊ย รุ่นพี่ทำไมโผล่มาแบบนี้ล่ะคะ" พอแยกจากแม่แล้ว เดินมายังไม่ถึงไหน เทวินที่หลบอยู่มุมหนึ่งของตึกก็ได้พูดขึ้นมา
"เพราะฉะนั้นเรื่องจดทะเบียนสมรสเราต้องทำให้จบภายในสองวัน"
"รุ่นพี่ก็พูดเป็นการ์ตูนไปได้ ฉันเพิ่งจะ 18 รู้ไหมว่าการจดทะเบียนสมรสกับเด็กต่ำกว่า 20 ต้องมีผู้ปกครองเซ็นต์ยินยอม"
ความฉลาดของเธอทำให้เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้ แล้วจะให้ใครเซ็นต์ดีล่ะ เพราะผู้ปกครองของเธอก็คงมีแต่พ่อกับแม่ พูดถึงแม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้ หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไรดี
"เราต้องเล่นละครกันแล้วล่ะ"
"เล่นละครยังไงคะ"
"เย็นนี้เจอกัน เรามาพักที่หอแล้วไม่ใช่เหรอ"
สโนไวท์ไม่ได้ถามหรอกว่าเขารู้ได้ยังไง คงรู้จากพ่อของเธอนั่นแหละ "ค่ะ"
"เทวิน?" พอได้ยินเสียงนี้เรียกทั้งสองก็รีบแยกกัน แต่คนที่มาใหม่ก็เห็นมาแต่ไกลแล้วว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่