เธอจะไม่มีวันได้ความรักจากเขา
“สวัสดีครับ ผมชื่อแจ็คสัน ฮาเตอร์ เพิ่งย้ายมาจากฝรั่งเศส ฝากตัวด้วยนะครับ”
จ้าวหมิ่นถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อนักศึกษามาใหม่ เงยหน้ามองดูเขาทั้งรู้สึกคุ้นตา ใจก็เริ่มนึกไปว่าจะใช่แจ็คสันคนเดียวกันที่อึ๊บเธอบนหาดทรายคนนั้นหรือเปล่า ชื่อและใบหน้าของเขาทำให้จ้าวหมิ่นหวนนึกถึงบทสวาทแสนเร่าร้อนกับผู้ชายแปลกหน้าในคืนสุดท้ายของซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเขาผู้นั้นก็ชื่อแจ็คสันเหมือนกัน แค่นึกถึงตอนที่โดนเขาบดขยี้กามารมณ์กางเกงในตัวจิ๋วของเธอก็เปียกแล้ว แต่มันก็มีข้อเปรียบเทียบเมื่อได้พบกับอีริค
จ้าวหมิ่นยังปรารถนาที่จะเจอคนที่จับเธอได้อยู่หมัดแหละเอามันแบบนั้นอีกครั้ง หญิงสาวได้แต่หวังว่าแจ็คสันคนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายบนหาดทรายริมทะเลคนนั้น เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงช่วงเลิกเรียน จ้าวหมิ่นเข้าไปตีสนิทเขาทันที
“ไงรูปหล่อ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
ประโยคแรกที่เธอทักทายเขาทำเอาชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของหันมามองเธอทันที แจ็คสันงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากมายอะไรนัก เพราะอย่างเดียวที่เขาคิดเขาก็ถามเธอออกมาตรงๆ
“ว้าว คุณกำลังอ่อยผมอยู่เหรอ”
“เปล๊า! ทำไมนายคิดแบบนั้นล่ะ”
“หึๆ ผมแค่พูดเผื่อไว้ เพราะถ้าจริงคงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ”
“หึๆ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยิน
“อืม..ขอคิดสักหน่อย ผมเจอผู้หญิงสวยมาก็เยอะนะครับ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเคยเจอคุณไหม คุณเป็นคนเอเชียเหรอ”
“ใช่แล้ว คุณรังเกียจหรือเปล่า”
“ไม่หรอกแต่ว่าคำถามนี้คุ้นๆ นะครับ ผมว่าสาวเอเชียเซ็กซี่จะตายผมเคยเจออยู่คนหนึ่งตอนซัมเมอร์ปีที่แล้ว”
“ว้าว เธอเป็นไงบ้าง”
“เธอสวยและเซ็กซี่มาก ดูๆ ไปคุณก็คุ้นๆ นะ” เขาบอก
“บางทีเราสองคนอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะ”
“เหรอครับคุณมีแฟนหรือยังล่ะ ผมไม่อยากโดนใครเฉาะหน้าหรอกนะ”
“คุณนี่ตลกนะ ไม่เลย ฉันโสด ฉันไม่อยากผูกมัดกับใครน่ะ”
“ดีจริง”
“แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมก็ไม่อยากผูกมัดกับใคร”
ในขณะที่จ้าวหมิ่นกำลังคุยกับแจ็คสันอย่างออกรส อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ผมดำหยักศกตัดกับผิวขาวซีดใส่ชุดดำทั้งตัว เดินเข้ามาหาเธอ หญิงสาวจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตนเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ยังนึกไม่ออก
“เธอใช่ไหมที่ไปยุ่งกับแฟนเพื่อนสนิทฉันในคืนนั้นจนพวกเขามีปัญหากัน” หญิงในชุดดำถามจ้าวหมิ่นต่อหน้าแจ็คสัน
“ห๊ะ!! อะไรของเธอ อยู่ๆ จะมาพูดจากล่าวหากันพล่อยๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” จ้าวหมิ่นตอบกลับแล้วหันไปมองหน้าแจ็คสันแต่เขาก็แค่ยักไหล่ให้เธอ
“เธอคงร่านมากจนจำไม่ได้ล่ะสิว่าไปเอากับผู้ชายคนไหนบ้าง”หญิงสาวในชุดดำกล่าว
“นี่ใส่ร้ายกันหรือเปล่า พูดบ้าอะไรของเธอ ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ” จ้าวหมิ่นเค้นเสียงใส่สาวชุดดำ และยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง เมื่อทุกคนพุ่งเป้าสายตามายังจุดที่สองคนยืนอยู่
“ผู้ชายคนนั้นในผับ เธอยั่วเขา เธอรู้ไหมเพื่อนฉันถึงกับคิดสั้น ฆ่าตัวตาย”
“ฉันจะไม่รู้กับเธอเหรอ ใครใช้ให้เพื่อนเธอฆ่าตัวตายล่ะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย เพื่อนเธอรักคนอื่นมากกว่าตัวเองเองนี่ จะมากล่าวโทษฉันทำไม”
“เธออ่อยเขา หลอกล่อเขา ให้ตามเธอเข้าไปในนั้น”
“ไม่จริงฉันไม่ได้ทำแบบนั้น”
“เธอไม่มีวันยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อหรอกจ้าวหมิ่น มันเป็นพื้นฐานของคนต่ำช้าอย่างเธอ”
“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
“ฉันรู้ก็แล้วกัน”
“เธอเป็นใครกันแน่พวกโรคจิตหรือเปล่ายะหล่อน”
“ฉันคือคนที่จะสาปแช่งให้เธอมีชีวิตย่ำแย่กับสิ่งที่เธอทำ ดูเหมือนจะมีความสุขแต่กลับทุกข์ทรมาน”
“หมายความว่ายังไง” จ้าวหมิ่นถามแล้วหันไปมองแจ็คสันเขายักไหล่ให้เธออีกครั้ง
“จ้าวหมิ่นเธอชอบมีเซ็กส์แบบไม่เลือกหน้าไม่สนว่าเป็นใครหรือมีเจ้าของอยู่แล้วนักใช่ไหม ถ้าเธอชอบแบบนั้นล่ะก็ ฉันขอสาปแช่งเธอให้เรือนร่างของเธอตกเป็นทาสกามารมณ์ของใครสักคน นอกจากถูกระบายความใคร่ แล้วเธอจะไม่มีวันได้ความรักจากเขาเลย ตรงกันข้ามตัวเธอเองจะหลงรักคนคนนั้นหัวปักหัวปำหนีไปไหนก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายเขายังยกเธอให้กับคนอื่นง่ายๆ อีก”
“ห๊ะ!!”
จ้าวหมิ่นยกไหล่ขึ้นยื่นคอไปด้านหน้าอ้าปากหวอหงายฝ่ามือออกทั้งสองข้างแล้วตามด้วยการกลอกตามองบน
“แม่มดหมอผีเหรอ ใครจะไปเชื่อนี่มันยุคสมัยไหนแล้วฉันไม่สนใจหรอก ก็แค่เรื่องหลอกเด็กปัญญาอ่อน” ว่าแล้วเธอก็สะบัดหน้าหนีเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมา
“เธอจะได้รับผลกรรมของเธอแน่จ้าวหมิ่น” หญิงสาวในชุดดำตะโกนไล่หลังเธอ
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว นังบ้าเอ๊ย” จ้าวหมิ่นหันหน้าไปตะโกนกลับ
“จ้าวหมิ่นเดี๋ยวสิ รอผมก่อน มีเรื่องอะไรกันเหรอ” แจ็คสันเรียกและวิ่งตามเธอ
“ไม่รู้สิ ยัยบ้านั่นเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จักหรอก ฉันขอตัวนะ”
“เดี๋ยวสิ จ้าวหมิ่น”
แจ็คสันร้องเรียกเธอให้หยุดรอ แต่จ้าวหมิ่นเอาแต่เดินมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเขา ชายหนุ่มไม่เดินตามเธอต่อเพราะเห็นว่าฝ่ายหญิงคงอารมณ์เสียไปแล้วหากขืนยังตามจู้จี้กวนใจอีกมีแต่จะเสียบรรยากาศและอาจเข้าหน้ากันไม่ติดเขาจึงปล่อยให้เธอเดินจากไปเพื่อสงบสติอารมณ์
ด้านจ้าวหมิ่นขณะเดินหัวเสียกลับห้องพัก เธอต้องเดินผ่านสวนสาธารณะในพื้นที่มหาวิทยาลัยและหวังแวะไปนั่งผ่อนคลายอารมณ์ที่ริมบึงก่อน แล้วเสียงหนึ่งก็เรียกตาม
“รุ่นพี่ รุ่นพี่ครับ”
จ้าวหมิ่นหยุดชะงักแล้วหันหลังกลับไปมองก็ปรากฏว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งซึ่งเป็นชาวจีนเหมือนกันและเพิ่งย้ายมาไม่นานเขามีชื่อว่า ซิงอี กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ หญิงสาวกลอกตามองบนพลางถอนหายใจออกไปเฮือกใหญ่
“รุ่นพี่จะไปไหนครับ”
“ไปเดินเล่นในสวน”
“ผมไปด้วยได้ไหมครับ”
“ตามใจนายเลย”
“ดีจัง ขอบคุณครับ”
“เฮ้อ เออ ไปเถอะ”
“เป็นอะไรเหรอครับ ดูพี่ไม่สบอารมณ์เลย รำคาญผมเหรอ”
“ก็... เปล่าหรอก พอดีมีผู้หญิงบ้าๆ คนหนึ่งมากล่าวหาฉันน่ะสิ”
เธอพูดพลางหันหลังกลับแล้วเดินต่อมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายที่คิดจะไปในตอนแรก แล้วซิงอีก็หันหน้าเดินตามเธอ
“ผู้หญิงเหรอครับ เขามาว่าพี่เรื่องอะไรเหรอ”
“หล่อนมาว่าฉันเป็นต้นเหตุให้เพื่อนหล่อนฆ่าตัวตายน่ะสิ”
“จริงเหรอครับ แย่จังนะครับ”
“ใครจะคิดฆ่าตัวตายมันจะเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ไม่รักตัวเองเองนี่นา ช่วยไม่ได้”
“มันก็จริงนะครับ แล้วทำไมพี่ต้องหัวเสียขนาดนั้นล่ะครับ ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่เห็นต้องร้อนตัวเลย”
“นี่ซิงอี โอเคฉันทำ ฉันไปยุ่งกับแฟนเพื่อนยัยนั่น แต่การที่เธอจะฆ่าตัวตายมันไม่เกี่ยวกับฉันเลยนะ”
จ้าวหมิ่นหันมาตวาดหนุ่มรุ่นน้องเชื้อชาติเดียวกัน แล้วก็สะบัดหน้าเดินต่อจนซิงอีต้องรีบวิ่งตาม
“เอ่อ ผมขอโทษครับ” เขาพูดเสียงยานคาง
“แล้วนายจะตามฉันมาทำไมเนี่ย”
“อย่าโกรธผมเลยครับรุ่นพี่ ผมแค่เหงาน่ะ ยังไม่คุ้นกับเพื่อนต่างชาติเลย ขอผมอยู่ด้วยสักพักนะ ผมคิดถึงพี่สาวด้วย ถ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วจะไปเองครับไม่รบกวนเวลาพี่นานหรอก” ซิงอีบอกในขณะที่สองขายังคงก้าวเดินตามจ้าวหมิ่นให้ทัน
“อื้อ ตามใจนายแล้วกัน”
ทั้งสองเดินไปจนถึงริมบึงหาที่นั่งเหมาะๆ คุยกันอยู่นานท่าทางของจ้าวหมิ่นก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เธอนึกถึงคำสาปนั้นอยู่ตลอดเวลาแล้วก็ได้ระบายเรื่องทั้งหมดให้ซิงอีฟัง อยู่ๆ ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นท้องฟ้าสะบัดไปมาเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“อะไรเหรอซิงอี”
“ผมมีอะไรบางอย่างจะแบ่งให้พี่”
เขาพูดพลางล้วงมือลงในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตน แล้วก็ดึงบางอย่างออกมา ชายหนุ่มเปิดกล่องขนมที่ดูลวดลายภายนอก ก็รู้ว่าซื้อมาจากร้านของคนจีนแน่ๆ
“อ่ะ ผมให้พี่เลือกก่อน”
“ขนมอะไร”
“ขนมเสี่ยงทายครับอร่อยมากเลยนะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเสี่ยงทายล่ะ”
“ด้านในจะมีกระดาษทำนายดวงชะตาครับแต่ร้านนี้จะทำไม่เหมือนร้านอื่น เขาว่ากันว่าคนที่ถูกลิขิตถึงจะเจอกระดาษเสี่ยงทายในขนมที่ทำออกมาแต่ละรอบ”
ซิงอีอธิบายพลางยื่นกล่องขนมให้เธอเลือก จ้าวหมิ่นมองขนมสี่ก้อนสีขาวกลมในมือเขาอย่างลังเล
“หน้าตาอย่างกับโมจิของญี่ปุ่นเลยนะ” เธอติ เพราะคิดว่ารูปลักษณ์ของมันควรมีเอกลักษณ์แบบขนมฉบับชาวจีน
“เลือกสิครับ” ซิงอีย้ำ
จ้าวหมิ่นมองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง เธอมองซิงอีสลับกันไปมากับขนมในกล่องที่ซิงอีถือก่อนพ่นลมออกจากปากเชิงเย้ยหยันเล็กน้อย
“ชิ งมงายกันจริง ฉันไม่เจอหรอกกระดาษอะไรนั่น ไร้สาระ”
เธอพูดขึ้นก่อนหยิบมันออกมาหนึ่งชิ้น จากขนมทั้งหมดสี่ชิ้นในกล่องสี่เหลี่ยม แล้วซิงอีก็เลือกออกมาหนึ่งชิ้นจากขนมที่เหลือเช่นกัน เขายิ้มให้เธอพลางปิดกล่องวางเก็บลงในกระเป๋าแล้วยกขนมขึ้นกัดคำใหญ่จนเห็นไส้ถั่วเหลืองรสหวานด้านใน เขาแทะมันลุ้นไปเรื่อยๆ จนถึงตรงกลางก็แทะต่อจนหมดเมื่อแน่ใจว่าไม่มีกระดาษ ซิงอีก็ยัดมันเข้าปากเคี้ยวกลืนลงท้อง แล้วหยิบขวดน้ำอัดลมในกระเป๋าออกมาเปิดดื่มเพื่อล้างแค้นเพราะมันติดคอ
“อ่าา!! อร่อยนะครับพี่กินสิ”
เขาบอกเธอพลางพยักหน้าหงึกๆ เชียร์ให้เธอกัด แววตาของเขาลุ้นระทึกให้จ้าวหมิ่นกินมันเพื่อดูว่ามีกระดาษเขียนคำทำนายอยู่ในขนมเสี่ยงทายไหม