ประทับใจ 4/1
พอทำธุระเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำดูนาฬิกาก็ปาไปแปดโมงห้าสิบสี่ ตายห่าเหลือนาทีเดียวประตูจะปิด
บุรฉัตรวิ่งทันที ประตูกำลังจะปิดแล้ว~
“อย่าเพิ่งปิดค่ะพี่”
เธอตะโกนออกไปสุดเสียง แต่คนที่ปิดประตูก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอเลย
โอ๊ยอุตส่าห์มาแต่เช้า แต่ดันมาสายเพราะปวดขี้เนี่ยนะ
บุรฉัตรวิ่งไปถึงหน้าประตูแล้วดึงประตูออก ทันทีที่ประตูเปิดเสียงเพลงและเสียงพิธีกรก็แว่วเข้ามาทันที
“มาเลยจ้า ผู้โชคดีรายแรกที่จะมาเต้นแอปเปิ้ลมะละกอกล้วยส้มกับเรา เชิญน้องคนสวยที่ด้านหน้าเลยค่า”
บุรฉัตรตกใจหน้าเหวอทันที ที่ได้ยินพิธีกรเชิญไปข้างหน้าเวทีเพื่อเต้นเพลงแอปเปิ้ลมะละกอกล้วยส้ม
โอ๊ยทำไมซวยแบบนี้เนี่ย เธอหันไปมองแนทตี้ที่ปรบมือชอบใจแล้วก็ปรายตาค้อนเพื่อน แทนที่จะเห็นใจเพื่อน มันกลับส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน จำเอาไว้เลย
บุรฉัตรยิ้มแหยๆเดินไปด้านหน้า อดเขินไม่ได้ที่มาสายจนต้องออกมาโชว์ตัวหน้าเวที
“สวัสดีค่ะ แนะนำตัวหน่อยค่ะคนสวยชื่ออะไร อยู่สายงานของใครคะ”
พิธีกรยื่นไมค์มาตรงหน้าเธอ ท่ามกลางสายตาจับจ้องของคนหลายร้อยคน โอ๊ย ไม่เกิดงานนี้จะเกิดงานไหน ทุกคนคงจำเธอได้หมดแน่ๆ
“สวัสดีค่ะ บลู บุรฉัตรค่ะ สายงานเจ๊พราวค่ะ”
พอเธอพูดจบพิธีกรก็ประกาศหาเจ๊พราวทันที
“เจ๊พราวอยู่ไหนคะเจ๊พราวมาหรือยัง ขอเชิญด้านหน้ามายืนเป็นเพื่อนลูกทีมหน่อยเร็ว”
เสียงวี้ดวิ้วโห่แซวด้วยความสนุกสนานดังขึ้นทันที เมื่อเจ๊พราวยกมือขึ้นและเดินออกมา
“เจ๊ บลูขอโทษพอดีไปห้องน้ำมา เข้ามาไม่ทัน”
เจ๊พราวยิ้มแย้มไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองใดใด เพราะรู้ว่าพิธีกรแค่สร้างสีสันเรียกเสียงหัวเราะให้การประชุมเท่านั้นเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตามกำหนดเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก”
เจ๊พราวบอกให้เธอสบายใจ หลังจากนั้นก็มีคนที่เพิ่งมาถึงอีกเกือบสิบคนซึ่งทั้งหมดก็ต้องมายืนด้านหน้าเช่นเดียวกันกับเธอ
“กติกาของเรานะคะ คือทุกคนต้องเต้นแอปเปิ้ลมะละกอกล้วยส้ม แล้วจะให้พวกเราที่นั่งชมอยู่ช่วยกันปรบมือส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ พอเต้นเสร็จใครที่ได้รับเสียงปรบมือดังที่สุดถูกใจกองเชียร์ที่สุด จะได้รับบัตรรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ของไดมอนด์แบงคอกสองใบ มาทานตอนไหนก็ได้นะคะ”
โหว เต้นแค่นี้ได้บัตรกินบุฟเฟต์โรงแรมเลยเหรอ
อีบลูสู้ตาย
“บลูบุฟเฟต์ที่นี่หัวละเก้าร้อยเก้าสิบเลยนะ อาหารอร่อยมาก เต็มที่เลยนะบลู”
เสียงเจ๊พราวบอกกับเธอ เก้าร้อยเก้าสิบ สองใบพันเก้าร้อยแปดสิบ
“เจ๊ ถ้าได้มา บลูขายต่อพันห้าเอาไหม”
บุรฉัตรกดเครื่องคิดเลขในหัวทันที แค่เต้นให้ดีกว่าคนอีกเกือบสิบคนบนเวที เธอก็จะได้บัตรบุฟเฟต์ฟรีถึงสองใบแล้ว แค่นี้เองสบายมาก
“ไม่อยากจะมาลองกินเองบ้างเหรอบลู จะขายทำไม”
เจ๊พราวมองรุ่นน้องอย่างแปลกใจ แทนที่จะอยากมากินให้เป็นบุญปากสักครั้ง บุรฉัตรกลับอยากขายต่อเอาเงินเข้ากระเป๋า
บุรฉัตรส่ายหน้า ไม่ล่ะ กลัวกินไม่เป็น กินดีกินแพงแค่ไหนสุดท้ายก็ขี้ออกมาหมดอยู่ดี สู้ขายเอาเงินไปส่งน้องเรียนไม่ได้
“ไม่ดีกว่าเจ๊ บลูกินไม่เป็นหรอก”
บุรฉัตรยืนยันคำเดิม เจ๊พราวส่ายหัวให้กับความงกของรุ่นน้อง
“เต้นให้มันได้รางวัลมาก่อนแล้วกัน ค่อยว่ากัน”
สบายอยู่แล้ว แค่นี้เองกะอีกแค่เต้นแอปเปิ้ล มะละกอกล้วยส้ม เธอเต้นมาตั้งแต่แต่อนุบาลสอง
เสียงพิธีกรนับสามสองหนึ่งเป็นสัญญาณให้กองเชียร์ร้องเพลงแอปเปิ้ลมะละกอกล้วยส้ม พอเพลงขึ้นบุรฉัตรก็ยักย้ายส่ายสะโพกทันที ไม่มีเขินอายใดๆทั้งนั้น
แม้เพลงที่ทางกองเชียร์ร้องจะปราศจากความมันใดใดเลยก็ตาม แต่บุรฉัตรก็ร้องเองในใจ ในจังหวะของตนเอง และโยกตัวส่ายสะโพกแบบคนที่กำลังมันเต็มที่
เหลือบตาไปมองคนที่เต้นอยู่ข้างๆหลายคนเหนียมอาย ส่ายแค่เบาๆ
จ้า อายกันเยอะๆ รางวัลจะได้เป็นของอีบลู
บุรฉัตรนึกกระหยิ่มในใจ เหลือบไปมองอีกด้านของตนเอง เจอคู่แข่งคนสำคัญเพศเดียวกับอีแนทตี้ ที่ส่ายโยกด้วยจังหวะลีลาเร้าใจ บุรฉัตรก็ยิ่งฮึดมากขึ้น แรงมีเท่าไหร่ส่ายไปให้มากกว่าเดิม จนเสียงพิธีกรดังขึ้น
***