บทที่ 1
ข่าวผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามแห่งแมนไคน์กลายเป็นประเด็นสนทนาประจำวันของโรซาเลียกับไนเจลลัส ระหว่างทางเดินกลับมาค้างที่คฤหาสน์เบอร์นาเด็ท สาวผมแดงมักจะเป็นฝ่ายถามคนข้าง ๆ มากกว่าเพราะอีกเคยเผชิญหน้ากับผู้กล้าคนนั้นมาแล้วตรง ๆ ในขณะที่เธอซึ่งเป็นรุ่นต่อมาทำได้แค่เรียนรู้จากบันทึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
“เจ้าเคยบอกว่าผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามเป็นเจ้าชายใช่ไหม”
“ใช่”
“พวกเราควรไปดูเขาที่แมนไคน์หรือเปล่า”
“ไม่จำเป็น เดี๋ยวเห็นหน้าแล้วข้าจะเผลอเรียกหอกออกมาไล่แทง” ในโลกเก่า ไนเจลลัสเป็นคนฆ่าผู้กล้าคนที่ยี่สิบสาม แน่นอนว่าถ้าได้เจอหน้าอีก เขาคงรู้สึกหงุดหงิดแน่
“ผัวข้าไม่อ่อนโยนอีกแล้ว” โรซาเลียยกมือกุมหน้าพลางถอนหายใจ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าที่หน้าประตูรั้วบ้าน คุณป้าแม่บ้านเดินออกมาส่งหมอคนหนึ่งขึ้นรถม้า ด้วยความสงสัยจึงรีบเข้าไปถามทันที
“คุณป้าจีเซล”
“คุณหนูโรซาเลีย”
“มีใครเป็นอะไรเหรอคะ ถึงได้เรียกหมอมา” หญิงสาวกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวคนรอง ยิ่งวันนี้อีกฝ่ายไปซื้อของที่ต่างเมือง เธอก็ยิ่งกลัวว่าจะมีใครมาลอบทำร้าย
“คนในบ้านไม่มีใครเป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ระหว่างทาง พวกเราพบมนุษย์ถูกทำร้ายมา คุณหนูเรเนสซ่าก็เลยพากลับมารักษาค่ะ เมื่อกี้หมอบอกว่าร่างกายเขาแข็งแรงมาก อีกไม่นานคงได้สติ”
“เขา? เป็นผู้ชายเหรอคะ” โรซาเลียถามเมื่อได้ยินคำที่บ่งบอกถึงเพศของคนที่ถูกช่วยมา “ตอนนี้เขาอยู่ไหนคะ ข้ากับไนเจลลัสจะขอไปดูหน่อย”
เพล้ง!
เสียงข้าวของตกแตกทำให้คุณป้าแม่บ้านกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอทันที ทางด้านสาวผมแดงกับนายน้อยแห่งซาตาน่าก็หันไปมองตามเสียง เมื่อมีคนเอะอะโวยวาย ทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์โดยมีหญิงวัยกลางคนเป็นผู้นำทาง
“คุณหนูเรเนสซ่า!”
“ท่านพี่เรเนสซ่า!” โรซาเลียตามจีเซลมาถึงห้องกำเนิดเสียงแล้วก็เห็นชายหนุ่มชาวมนุษย์ในสภาพมีผ้าพันแผลพันทั้งตัวถอยหลังไปหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง มือข้างหนึ่งถือเศษแจกันเป็นอาวุธป้องกันตัว หากใครเข้ามาใกล้ เขาจะเล่นงานทันที
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะ พวกข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า” เรเนสซ่าตั้งสติแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย “เราเจอเจ้าระหว่างทาง เห็นว่าบาดเจ็บก็เลยพากลับมารักษา ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำอะไรเจ้าทั้งนั้น”
“ที่นี่ที่ไหน” คนหวาดระแวงถามเสียงแข็ง
“ที่นี่เป็นบ้านข้าเอง อยู่ในเมืองหลวงเกเดียนแห่งซาตาน่า”
“ซาตาน่า? เมืองหลวง? นี่ข้าถูกน้ำพัดมาไกลขนาดนี้เชียวเหรอ” เจ้าตัวพึมพำกับตัวเองก่อนจะใช้เศษแจกันชี้ไปทางเรเนสซ่าเมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด “พวกเจ้า...ปีศาจ”
“ข้าไม่รู้ว่าที่แมนไคน์มองปีศาจเป็นยังไงนะ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าไม่ชอบแน่ ๆ แต่ปีศาจก็ใช่ว่าจะเลวร้ายทั้งหมด เราก็เหมือนมนุษย์ รู้จักช่วยเหลือหากพบคนที่เดือดร้อนและต้องการที่พึ่ง”
“...”
“ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัย ข้าเป็นคนพาเจ้ามา ไม่เป็นไรหรอก ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” คุณหนูรองยื่นมือมาให้เพื่อขอเศษแจกันคืน ชายหนุ่มมองสบตากับร่างบาง เมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นฉายแววจริงใจ เขาจึงยอมคืนเศษแจกันให้แต่โดยดี
จีเซลเข้ามารับของต่อจากคุณหนูก่อนจะต้อนคนอื่น ๆ ให้ออกจากห้องไป ส่วนเรเนสซ่าก็พาคนเจ็บกลับไปนอนพักที่เตียงตามเดิม โรซาเลียไม่อยากปล่อยพี่สาวไว้กับคนแปลกหน้าจึงอยู่ด้วย ไนเจลลัสก็อยู่ด้วยคนเพราะถ้าเธอไม่ไป เขาก็ไม่ไปด้วย พลันมนุษย์คนนั้นก็หันมาเห็นนายน้อยแห่งซาตาน่าก่อนจะผงะ หน้าซีดเผือด ตัวสั่นราวกับหวาดกลัวสุดขีด
“เจ้าออกไปรอข้างนอกเถอะ”
“ทำไม”
“ไม่เห็นเหรอว่าเขากลัวเจ้า ไป ๆ ไปรอข้างนอก” ผู้กล้าสาวผลักอีกฝ่ายออกไปนอกห้องตามด้วยปิดประตู ตอนนี้ภายในห้องจึงมีแค่เธอ พี่สาว และชายแปลกหน้ารวมสามคน
“เจ้าชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ถ้าเจ้าหายดี ข้าจะได้หาทางส่งเจ้ากลับบ้าน” เรเนสซ่าลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพลางชวนอีกฝ่ายคุย ในขณะที่โรซาเลียก็หาที่นั่งดูเงียบ ๆ
“ข้าชื่อ...” ชายหนุ่มผมสีทองนั่งเงียบไปชั่วขณะคล้ายกับกำลังทบทวนความทรงจำ “ลูเซียน...ข้าชื่อลูเซียน ส่วนบ้านข้า...ช่างเถอะ ข้าไม่อยากกลับบ้าน เดี๋ยวโดนตามฆ่าอีก”
“โดนคนทำร้ายมาเหรอ” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น “เอาเถอะ ข้าจะไม่ถามอะไรเจ้าอีกเพราะท่าทางเจ้าคงอยากพักผ่อน” เรเนสซ่าส่งยิ้มให้คนเจ็บก่อนจะช่วยจัดผ้าห่มให้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะนอนพัก
ทางด้านโรซาเลียก็คิดว่าไม่มีอะไรจึงจะออกไปข้างนอก แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อหันหลังไปมองก็เห็นลูเซียนขมวดคิ้วพลางลอบมองฝ่ามือตัวเองที่มีไอพลังสีขาวแผ่ออกมาจาง ๆ เรเนสซ่าคงมองไม่เห็นเพราะเธอเป็นปีศาจ แต่คนของวิหารย่อมมองเห็นเป็นเรื่องปกติ
ชายคนนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์!
ไนเจลลัสเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องเกิดขึ้น เจ้าตัวจึงรีบตรงเข้าไปหาเพื่อขอคำอธิบาย โรซาเลียหันไปมองประตูห้องก่อนจะจูงมือฝ่ายชายเดินหนีไปที่อื่นเพราะไม่อยากให้มีใครมาได้ยินว่าเธอรู้อะไรมา
“ผู้ชายคนนั้นมีพลังศักดิ์สิทธิ์”
“ว่าไงนะ”
“ระดับพลังของเขาสูงมาก สูงกว่าทุกคนในวิหารที่ข้าเคยเจอ ระดับนี้น่าจะเป็นผู้กล้า” โรซาเลียบอกสิ่งที่เห็นในห้องกับไนเจลลัส “แต่ข้าสงสัย ถ้าเขาเป็นผู้กล้าจริงแล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงโดนลอบทำร้ายได้”
“เขาชื่อลูเซียนหรือเปล่า”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อลูเซียน”
“ว่าแล้วเชียว” นายน้อยแห่งซาตาน่าพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองคิดถูก “ในโลกเก่า ผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามมีชื่อว่าลูเซียน ซินดาเรนเทีย และข้าเป็นคนฆ่าเขา”
“ข้าก็ลืมไปเลย มิน่าล่ะ พอเห็นเจ้าแล้วทำหน้าเหมือนเห็นผี” โรซาเลียคิดว่าลูเซียนคงรู้สึกได้ถึงรังสีอาฆาตมาดร้ายจากไนเจลลัส เจ้าตัวก็เลยกลัวทั้งที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย “เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกไหม นอกจากเรื่องที่ว่าเป็นเจ้าชาย”
“ในโลกเก่าเขาเป็นเจ้าชาย แต่โลกนี้ข้าไม่แน่ใจ” ตั้งแต่ทั้งสองมาที่โลกนี้ หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก ชายหนุ่มจึงไม่แน่ใจว่าประวัติของลูเซียนจะยังเหมือนในโลกเก่าหรือไม่
“จริงสิ เขาถูกทำร้ายมาด้วย แสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ” โรซาเลียคิดว่างานนี้คงต้องไปสืบแต่ถ้าอยากได้ข้อมูล หากไม่บุกไปที่แมนไคน์ก็มีแต่ต้องง้างปากคนเจ็บเท่านั้น
พลันเสียงร้องของเรเนสซ่าก็ดังแว่วมาจากในห้อง ทั้งสองจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปแล้วก็เห็นชายหนุ่มจากแดนมนุษย์กำลังสำลักลิ่มเลือดออกมาเป็นสีดำ คุณหนูรองรีบหาภาชนะมารองเลือดก่อนจะหันมาหาน้องสาว
“ไปตามหมอให้ที เขาแย่แล้ว”
“ท่านพี่ใจเย็น ๆ ไม่ต้องตามหมอค่ะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” โรซาเลียเดินผ่านพี่สาวไปหาคนเจ็บจากนั้นก็ใช้สันฝ่ามือทุบหลังลูเซียนเต็มแรง คนกำลังสำลักจึงอาเจียนก้อนเลือดสีดำออกมาจนหมด เมื่อรู้สึกว่าสภาพร่างกายเริ่มดีขึ้น เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยมีเรเนสซ่านำน้ำมาให้ดื่ม
“ยาพิษ” ไนเจลลัสยกภาชนะรองเลือดมาให้สาวผมแดงดูใกล้ ๆ “มีกลิ่นอายพลังศักดิ์สิทธิ์จาง ๆ เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร”
“ยาพิษ? มีร่องรอยของพลังศักดิ์สิทธิ์? เลือดเป็นสีดำ?” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด เมื่อนึกอะไรออก เธอจึงเข้าไปถามคนป่วยตรง ๆ “ลูเซียน ข้าขอถามหน่อยนะ เจ้ามีปัญหาอะไรกับทางวิหารศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า”
“...ไม่มี” ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจไปชั่วครู่แล้วจึงตอบคำถาม “ข้ารู้ว่าตัวเองถูกพิษ แต่ข้าไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับวิหารศักดิ์สิทธิ์ เจ้า...เอ่อ...”
“ข้าชื่อโรซาเลีย ที่ข้าถามเจ้า เพราะยาพิษชนิดนี้เป็นของทางวิหาร มีไว้ใช้ลงโทษนักบวชที่ทำผิดร้ายแรง เจ้ายานี่มีฤทธิ์ทำให้คลื่นไส้แล้วสำลักเลือดออกมาเป็นสีดำ ถ้าไม่รีบทำให้อาเจียนเพื่อคายพิษทิ้ง ต่อไปยาพิษจะทำให้ปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่าง พลังอะไรก็ตามที่เจ้ามีจะถูกทำลาย ถ้าพิษเข้าสู่หัวใจเมื่อไหร่ เตรียมจองโลงได้เลย”
“ทำไมรู้ดีขนาดนี้”
“เพราะข้าเป็นผู้กล้ายังไงล่ะ” โรซาเลียยืดตัวเชิดหน้าอย่างภูมิใจ
“เจ้าคือผู้กล้าวิปลาสนี่เอง” ประโยคนั้นทำให้สาวผมแดงถึงกับมุมปากกระตุก “ก็คนที่วิหารเขาเล่ากันมาแบบนี้จริง ๆ มีผู้กล้าแปลกประหลาดที่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้แต่กลับช่วยเหลือซาตาน่าแทนที่จะเข้าร่วมกับวิหารศักดิ์สิทธิ์” ลูเซียนรีบอธิบาย ไม่ใช่เพราะกังวลว่าหญิงสาวจะอารมณ์เสีย แต่กลัวไนเจลลัสที่ยืนหักข้อนิ้วอยู่ข้างหลังโรซาเลียต่างหาก
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าไปโดนใครทำร้ายมา”
“...” เมื่อโดนถามอีกรอบ ชายหนุ่มก็เงียบกริบแต่สีหน้าเหมือนคนมีปัญหาชีวิตทำให้สาวผมแดงคิดว่าคำถามนั้นอาจจะแทงใจดำเขาก็ได้
“ช่างเถอะ ไว้เจ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกข้าก็ได้ ถึงยังไงก็เป็นผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทำอะไรเจ้า ถึงข้าจะเป็นผู้กล้าที่บ้าบอหน่อย ๆ แต่ข้าก็มีเส้นใหญ่ที่นี่พอสมควร เพราะงั้นวางใจได้” โรซาเลียตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ ลูเซียนไม่พูดอะไรนอกจากฝืนยิ้มให้แต่ก็รีบหุบอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไนเจลลัสส่งสายตาอาฆาตมาทางนี้
มีหมาหวงก้างอยู่แถวนี้ด้วยเว้ยเฮ้ย!
“ไนจี้ หยุดแผ่จิตสังหารสักที สงสารคนเจ็บซะบ้าง” ผู้กล้าสาวหันไปเอ็ดคนข้างหลังก่อนจะหันมาปั้นหน้ายิ้มให้คู่สนทนา “ขอโทษแทนไนจี้ด้วยนะ พวกขี้หวงก็แบบนี้แหละ”
“เขาเป็นคนรักของเจ้าเหรอ”
“เปล่า”
“คู่หมั้น”
“ไม่ใช่” โรซาเลียชี้นิ้วไปทางด้านหลังจากนั้นก็เฉลย “อีตานั่นน่ะ ผัวข้าเองแหละ” ประโยคนั้นทำให้เรเนสซ่าถึงกับสะดุ้ง แต่ตกใจยิ่งกว่าคงไม่พ้นลูเซียน
ตั้งแต่เล็กจนโต ทางบ้านของเขาใช้ภาษาสุภาพคุยกัน แม้แต่ต่อว่า ส่วนใหญ่ก็ยังใช้คำพูดอ้อม ๆ ไม่ได้ว่าอะไรกันตรง ๆ นอกจากสุดจะทนไม่ก็เกลียดกันมาก พอมาเจอคำที่ชาวบ้านชาวช่องทั่วไปพูดใส่กัน ลูเซียนจึงรู้สึกไม่ชินนัก
“คืออย่างนี้นะ ที่ซาตาน่าไม่เหมือนแมนไคน์ ใครรักกันก็อยู่ด้วยกันเลย ไม่จำเป็นต้องทำพิธีแต่งงาน แต่จะทำพิธีก็ได้ เราไม่บังคับ อีกอย่างนางค่อนข้างซุกซน ดื้อผิดวัย คำพูดคำจาบางทีก็อาจทำให้เจ้าตกใจไปบ้าง” เรเนสซ่ารีบอธิบายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่หายเหวอ ลูเซียนหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“คุณหนู ๆ” เสียงของจีเซลดังแว่วมาจากข้างนอกก่อนที่นางจะเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน “คุณหนูได้ข่าวหรือยังคะ เกี่ยวกับผู้กล้าคนที่ยี่สิบสาม ท่านไนเจลลัส ดีที่ท่านอยู่ด้วย”
“คุณป้าจีเซลได้ข่าวอะไรมาเหรอคะ” โรซาเลียเป็นฝ่ายถามกลับ
“ท่าทางคุณหนูจะยังไม่รู้สินะคะ ตอนนี้ที่แมนไคน์กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วดินแดนเลยค่ะ ทหารที่ประจำอยู่ใกล้ชายแดนก็เลยกระจายข่าวต่อให้ชาวซาตาน่าได้รู้ ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์เปิดเผยตัวผู้กล้าแล้วค่ะ เป็นเจ้าชายลำดับที่สองของอาณาจักรซิเดร่า ชื่อว่าเฮเลนนัส ซินดาเรนเทีย”
“เดี๋ยวก่อนนะคะ ปกติเจ้าชายราชวงศ์นั้นจะไม่เปิดเผยตัวตนจนกว่าจะอายุครบยี่สิบห้า ไม่แน่ว่าต่อให้เป็นผู้กล้า ทางราชวงศ์ก็ไม่น่าให้เปิดเผยตัวตน แล้วทำไมตอนนี้...”
“ข้าไม่ทราบค่ะ รู้แต่ว่ามีข่าวมาแบบนี้” จีเซลไม่รู้จะอธิบายยังไงให้โรซาเลียฟังจึงบอกไปตรง ๆ เพราะเธอก็ได้ยินข่าวมาอีกที จึงรีบมาบอกทุกคนในห้อง
“มีข่าวผู้กล้ามาแบบนี้ เจ้าจะกลับไปที่ปราสาทหรือเปล่า”
“ท่านป้าไม่ได้เรียกข้า คืนนี้คงได้พักที่นี่เหมือนเดิมแหละค่ะ” ข่าวผู้กล้าออกจะดังขนาดนี้ หากจอมมารร้อนใจคงเรียกเธอกับไนเจลลัสไปพบแล้ว
“นี่ก็ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว พี่จะไปเตรียมของนะ” เรเนสซ่าต้องรีบไปทำหน้าที่เหมือนที่ทำมาตลอด เธอจึงรีบออกไปพร้อมจีเซล เหลือแค่โรซาเลียกับนายน้อยแห่งซาตาน่าเท่านั้นที่ยังอยู่เป็นเพื่อนคนเจ็บ
“ลูเซียน ซินดาเรนเทีย”
“ระ...รู้สกุลข้าได้ยังไง” อยู่ ๆ ไนเจลลัสก็เรียกชื่อเต็ม ๆ ของเขาขึ้นมา ทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว ปกติเห็นหน้าก็รู้สึกสยองอยู่แล้ว ยิ่งมาเรียกด้วยเสียงเย็น ๆ จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นใครใช่ไหม”
“เห็นหน้าก็รู้แล้ว” เขามีข้อมูลจากโลกเก่าจึงเอามาใช้ “เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง รัชทายาทที่เกิดจากอดีตราชินีที่สิ้นไปนานแล้ว ทำไมอยู่ ๆ คนที่ควรจะได้เป็นราชาองค์ต่อไปของซิเดร่าถึงถูกทำร้ายและมาโผล่ที่ซาตาน่า”
“...”
“เอ...จะว่าไปแล้ว เจ้าก็หน้าคล้ายผู้กล้าเลโอนาร์ดนะเนี่ย” โรซาเลียสังเกตอยู่นานแล้ว อีกฝ่ายมีผมสีทองแถมมีนัยน์ตาสีฟ้า เค้าโครงหน้าก็เหมือนผู้กล้าคนที่เก้าของแมนไคน์แสดงว่าต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน
“นั่นบรรพบุรุษข้า ข้าสืบเชื้อสายมาจากเขาทางฝั่งแม่”
“มิน่าล่ะ” หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าทำไมหน้าคล้าย “สรุปว่าผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามคือเจ้าชายเฮเลนนัสซึ่งเป็นน้องชายของเจ้า ข้าพูดถูกไหม เจ้าชาย”
“น้องคนละแม่” เจ้าตัวกล่าวเสียงเรียบ “เกิดจากราชินีองค์ปัจจุบัน ตอนเกิดมา นักบวชทั้งวิหารแห่มาให้พร พอโตขึ้น ระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ก็สูงมาก ราชินีเป็นพวกอยากได้หน้าอยู่แล้ว ยิ่งลูกประเสริฐนักหนา ตอนนี้คงหน้าบานยิ่งกว่ากระทะยักษ์” น้ำเสียงคนพูดเย็นเยียบและเต็มไปด้วยอารมณ์เหน็บแนมทำให้สองคนที่ฟังอยู่หันมามองหน้ากัน
ลูเซียนต้องไม่ถูกกับราชินีแน่ ๆ
“เกี่ยวกับที่โดนทำร้ายมาด้วยหรือเปล่า”
“ก็นางนั่นแหละที่ส่งข้าไปตาย” กล่าวจบ ชายหนุ่มก็สำลักลิ่มเลือดออกมาเล็กน้อยเพราะตอนนี้สภาพร่างกายยังไม่แข็งแรงดี “ผู้กล้าโรซาเลีย อย่าส่งข้ากลับบ้านเลย อุตส่าห์รอดตายทั้งที ข้าตั้งใจว่าจะไม่โผล่หัวกลับไปอีก อยากเอาบัลลังก์ให้ลูกชายนัก งั้นก็เอาไปเลย เป็นคนธรรมดาสามัญมีอิสระกว่าตั้งเยอะ” กล่าวจบ คนบ่นก็นอนคลุมโปงทันที
“งั้นตามสบายนะเจ้าชาย มีเรื่องอะไรให้บอกพวกข้า ขอสาบานต่อเทพีผู้สร้างโลก พวกเราไม่ทำร้ายเจ้าและเจ้าไว้ใจเราได้ ยกเว้นเจ้าจะทำอะไรพวกเราก่อน” คำพูดทิ้งท้ายนั้นศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับผู้กล้าเพราะเทพีเทรเวน่าจะจำคำพูดนั้นไว้ หากโกหกจะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัส
หลังโรซาเลียพาไนเจลลัสออกไปข้างนอกเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้นอนพักผ่อน ลูเซียนก็ใช้เวลาระหว่างอยู่คนเดียวมองฝ่ามือตัวเองที่แผ่ไอพลังสีขาวออกมาจาง ๆ เขารู้ดีว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองอยู่ในระดับที่สูงพอจะเป็นผู้กล้าอีกทั้งเป็นเจ้าชายลำดับที่หนึ่งแต่นั่นคือหายนะที่ทำให้เขาเกือบตาย ถ้าไม่ได้เรเนสซ่าช่วยไว้ เขาคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้แน่
“ถือซะว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน”