กลุ่มเด็กที่โดดเด่น
''เป็นไปได้ยังไง...ทำไมบอดี้การ์ดไม่ห้าม!?'' มีคนเริ่มสงสัยชายคนที่พูดคุยกับถงเวย
ตัดมาทางเทพ [เทพคุยเป็นภาษาจีนนะครับ]
''สวัสดีครับ'' เทพกล่าวทักหญิงสาวที่กำลังเดินมาทางตน
''สวัสดี...คุณ?'' ถงเวยกล่าวต้องการคำตอบ
''ผมเป็นพนักงานของบริษัทครับให้มาพาไปที่ห้องประชุม'' เทพกล่าวจบก็ตามด้วยเเรงกดดันของบอดี้การ์ด
''อื้ม...ไปสิ'' ถงเวยกล่าวจบเทพก็เดินนำไปที่ห้องประชุมของบริษัท
'เธอมีอัธยาศัยที่ดี' เทพเริ่มวิเคราะห์กับคนที่ตนจะต้องร่วมงานด้วยในลิฟต์ที่กำลังขึ้นไปชั้นที่ทางบริษัทนัดประชุม
''คุณต้องการลายเซ็นไหม'' ถงเวยกล่าวถามเทพด้วยความสุภาพ
''ผมต้องการอย่างอื่นมากกว่า'' เทพหันไปกล่าวกับถงเวยตามด้วยบริการ์ดที่หันมามองเทพดังขวับ
''อะไรเหรอคะ?'' ถงเวยถามด้วยความสงสัย
'สายตาแบบนั้น' เทพมองดูสายตาที่ถงเวยมองตน
''เดี๋ยวผมค่อยบอกละกัน'' เทพกล่าวจบประตูลิฟต์ก็เปิดทันที
''ไปกันครับ'' เทพกล่าวพร้อมกับเดินนำไป
เมื่อเทพเดินผ่านพนักงานหลายคนก้มหัวเคารพทำให้ถงเวยตกใจเล็กน้อยหรือจะเคารพตนเพราะเทพเป็นเเค่หนักงานถ้าเป็นอย่างนั้นเเสดงว่าบริษัทให้ความสำคัญกับตนมากทำให้ถงเวยรู้สึกดี
''ในห้องนั้นครับ'' เทพแบมือไปทางห้องประชุม
''ขอบคุณมาก'' ถงเวยยิ้มให้เทพเเล้วเดินเข้าห้องประชุมไป
''ว่าเเต่คุณต้องการอะไร?'' ถงเวยกล่าวถามเทพที่กำลังจะเดินจากไป
''เดี๋ยวค่อยบอกหลังคุณออกมาเเล้วกันครับ'' เทพหันมายิ้มให้ถงเวยเเล้วเดินจากไป
'เขาเป็นเเค่พนักงานจริงๆหรอ...พูดจีนได้คล่องขนาดนั้น...เเถมยังหน้าตาดีด้วย' ถงเวยเริ่มสงสัยในตัวเทพเเต่แล้วเธอก็ต้องส่ายหน้าเดินเข้าห้องประชุมไปเธอมาเรื่องงานเรื่องรองไว้ก่อน
[กลับมาภาษาไทยจ้า]
''อ่า...คุณถงเวยมาล่ะว่าเเต่ไหนล่ามเราละเนี่ย'' ผู้ถือหุ้นยืนต้อนรับถงเวย
เเล้วพูดพร้อมกัน ''หนี...ห่าว''
''หนีห่าว'' ถงเวยยิ้มเเล้วตอบกลับเเล้วเดินไปนั่งที่ของตน
''เมื่อไหร่ท่านประธานจะมาละเนี่ย''
''เห็นว่าเรียกลูกชายของตนไปคุยน่ะ''
''ไม่รู้คุยเรื่องอะไรเเต่นี่มันเวลาประชุมนะ'' ผู้ถือหุ้นเริ่มไม่พอใจกับท่านประธานของตน
''ขอโทษที่มาช้า'' และเเล้วคนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
''สวัสดีครับท่านประธาน'' ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพ
''nǐ(คุณ)'' เมื่อถงเวยเห็นคนที่เดินตามหลังคนที่ทุกคนเคารพก็เกิดความสงสัยทันที
''หืม'' ท่านประธานหันไปมองถงเวยเเล้วมองคนที่ถงเวยมองก็คือลูกชายของตนนั่นเอง
'มันไปทำอะไรไว้อีกหละ' พ่อของเทพมองเทพด้วยความสงสัย
ถงเวยมองเทพเหมือนรู้ความจริงอะไรบางอย่างเเต่เทพก็มองกลับด้วยสายตาที่รู้ความจริงบางอย่างเช่นกัน
''ล่ามหละ'' อาเดชเมื่อเทพปิดประตูก็กล่าวถามทันที
''มีลูกฉันเเล้วไม่ต้องใช้ล่ามเเล้วเเหละ'' พ่อของเทพกล่าวด้วยความภูมิใจ
จากคำกล่าวของพ่อของเทพทำให้ถงเวยหันไปมองเทพด้วยสายตาที่รับรู้ความจริงส่วนเทพก็หันมามองถงเวยด้วยสายตาเดียวกันทำให้ถงเวยรู้สึกสงสัยเขารู้อะไร
'หรือว่า' ถงเวยอ้าปากตะลึงเล็กน้อยหรือตนจะเเสดงออกมากเกินไป
''อีกอย่าง...ไม่ต้องใช้ล่ามเราก็สื่อสารกันได้จริงไหมครับคุณถงเวย'' เทพกล่าวจบก็เดินไปนั่งที่ของตนเเล้วมองถงเวยพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
''อ่า'' ถงเวยตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำหน้าตาสงสัย
''เขาจะไปฟังเรารู้เรื่องได้ยังไง?'' อาเดชหันไปถามเทพ
''จะให้ผมพิสูจน์ไหม?'' เทพกล่าวจบก็เริ่มคิดบางอย่างก่อนจะกล่าวออกมา
''ไอดอลหน้าใหม่ไม่เห็นจะเก่งเลยใช้มุมกล้องช่วยทั้งนั้น...แถมยังเเสดงติดขัดหลายฉากจนต้องเเก้หลายรอบด้วยเหอะ'' เทพกล่าวจบถงเวยก็ออกอาการโมโหทันที
''nǐ!!'' ถงเวยลุกขึ้นอย่างโมโห
''อ้าว...โมโหอะไรกันครับ'' เทพถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
''อ๊ะ'' ถงเวยเหมือนจะรู้สึกตัวว่าโดนเทพทดสอบ
''ผมบอกเเล้วว่าเราสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้ล่าม'' เทพกล่าวจบหลายคนก้เกิดความสงสัยขึ้นทันที
''ได้ยังไง??'' หลายคนงงหรือว่าเทพมีพลังพิเศษ?
''เธอฟังภาษาไทยออกและน่าจะพูดไทยได้ด้วย'' เทพกล่าวพร้อมกับมองหน้าถงเวย
''ชิ'' ถงเวยส่งเสียชิออกมาตามด้วยเทพ ''ขอโทษที่ว่าเธอ''
'เธอเป็นคนฉลาด...เเต่ฉันฉลาดกว่า?' เทพยิ้มด้วยความภูมิใจที่ตนเหนือกว่า
''เเล้วหลานรู้ได้ยังไงว่าเธอฟังภาษาไทยออก'' อาเดชหันไปถามเทพด้วยความสงสัย
''เพราะตั้งเเต่เธอมาผมเห็นเเค่บอดี้การ์ดยังไม่เห็นผู้รับผิดชอบงานทางบริษัทนั้นและล่ามของเธอเลย'' เทพพักหายใจก่อนจะกล่าวต่อ
''และด้วยท่าทางเมื่อครู่ที่เธอเเสดงออกเมื่อผมเข้ามาในห้องประชุม...ซึ่งผมเดาว่าพวกคุณน่าจะคุยกันว่าผมที่เป็นลูกชายของประธานบริษัทและท่านประธานบริษัทที่เป็นพ่อของผมเรียกผมไปคุยอะไรบางอย่าง'' เทพพักหายใจรอบที่สองแล้วกล่าวต่อ
''เเต่เมื่อผมเข้ามาเธอเเสดงท่าทางเหมือนกับว่าทำไมเป็นนาย?...อะไรประมาณนี้ครับ'' เทพกล่าวจบทุกคนในห้องก็มองเทพด้วยสีหน้าตกใจและชื่นชม
''ลูกเก่งมาก'' พ่อของเทพกล่าวชมลูกชายของตน
''ขอบคุณครับ'' เทพหันไปพยักหน้าให้กับพ่อของตน
''ผมอยากฟังคุณพูดไทย'' เทพหันไปกล่าวกับถงเวย
''จะ...เริ่มได้ยัง'' เสียงพูดติดขัดและไม่ค่อยชัดออกมาจากปากของถงเวย
''ฮะ'' เมื่อถงเวยพูดจบเทพก็ยิ้มออกมาเพื่อความสะใจส่วนทางถงเวยเมื่อเห็นรอยยิ้มของเทพก็หันหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ
''เเล้วผู้รับผิดชอบงานหละ'' เทพกล่าวจบถงเวยก็หันกลับมามองเทพ
''คุณเรียกเขามาได้เเล้วผมเชื่อว่าเขาน่าจะอยู่แถวนี้'' เทพกล่าวเเล้วมองไปที่นอกห้องประชุมซึ่งสามารถมองได้เพราะผนังห้องเป็นกระจกใส
''ใคร?'' ถงเวยถามด้วยสีหน้าสงสัย
''ถ้าคุณยังเเสดงต่อผมจะให้คะเเนนการเเสดงคุณติดลบละนะ'' เทพกล่าวด้วยความมั่นใจ
''อ่า...คุณรู้ได้ยังไง'' ถงเวยยอมแพ้
''ถึงเธอจะฉลาดมากก็จริง...เเต่คงไม่ให้เธอที่เป็นไอดอลมาทำงานคนเดียวหรอกจริงไหม'' เทพบิดขี้เกียจเล็กน้อย
''คงเป็นแผนของใครสักคนในบริษัท New World สินะ...คงจะเพื่อทดสอบพวกเราหรือทดสอบใครสักคนในห้องนี้ละมั้ง?'' เทพกล่าวจบก็เอามือลูบคางตนเองเล็กน้อย
'คนคนนี้น่ากลัวเกินไปเเล้ว' ถงเวยกลืนน้ำลายดังอึก
''ฮ่าๆ...มากันเเล้วสินะ'' เมื่อเทพเห็นกลุ่มคนใส่สูทเดินมาทางห้องประชุมก็หัวเราะเล็กน้อย
''นอกจากเธอเเล้ว...คนพวกนี้คงจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องด้วยสินะ'' เทพกล่าวจบกลุ่มคนใส่ชุดสูทก็เดินเข้ามาก้มขอโทษเเล้วมานั่งที่ของตน
''เริ่มคุยกันเลยดีกว่าครับ'' เทพตัดเรื่องที่โดนทดสอบกับเรื่องอื่นๆไปก่อนตอนนี้คือเวลาประชุมต้องเเยกแยะ
''ผมขอคุยเป็นภาษาจีนนะครับ...จบแล้วจะอธิบายให้ฟังจะได้รวดเร็ว'' เทพกล่าวกับพนักงานและคนอื่นๆในบริษัทของตน
[เทพคุยเป็นภาษาจีน]
''ผมขอเสนอให้แจกเครื่องเล่น 5 เครื่องครับ'' เทพกล่าวความตั้งใจของตนออกมาทำเอาสีหน้าฝั่งบริษัทจีนเริ่มหนักใจ
''เราเกรงว่ามันเยอะไป'' นักเจรจาจีนพยายามเปลี่ยนความคิดเทพ
''ผมคิดว่ากำลังดีครับ...เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีตังค์ซื้อเครื่องถึงจะอยากเล่นมากก็เถอะและผมยังเชื่อว่าคนเหล่านั้นอาจจะมีฝีมือเล่นเกมที่เก่งมากและอาจจะทำเงินให้พวกคุณในอนาคตได้เยอะกว่าที่เสียไปตอนนี้'' เทพอธิบายความคิดที่ตนคิด
ชาวจีนนั่งเหมือนรออะไรบางอย่างอยู่เเต่ทางนักเจรจาเหมือนจะอยากพูดเเต่ก็ไม่พูด 'แปลกๆ' เทพรู้สึกแปลกๆเหมือนเคยเจอบรรยากาศแบบนี้ที่ไหน
'เหวินสินะ...ปล่อยไปก่อนละกัน' เทพกำลังจดคดีที่ตนโดนทั้งทดสอบทั้งตัวช่วย
''ตกลงครับส่วนเรื่องกิจกรรมผมขอเสนอกิจกรรมเเสดงความสามารถทางเกมส์ฝึกสมองครับ'' นอกจากนักเจรจาฝั่งจีนจะตกลงเเล้วเหมือนจะให้ข้อเสนอมาเพิ่มด้วย
''ครับ...เเล้วก็กิจกรรมสุ่มจับรางวัลดีไหมครับ?'' เทพเริ่มเสนอความคิดของตนไปบ้าง
''ครับส่วนกิจกรรมอื่น...''
ทั้งสองบริษัทก็คุยเรื่องงานกันไปจนเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง
''ทุกคนเชิญไปรับประทานอาหารเที่ยงกันก่อนครับทางบริษัทเราเลี้ยง'' เทพลุกขึ้นกล่าวเชิญ
''ครับ'' ชาวจีนพูดไทยพร้อมกับเดินออกไปนอกห้องประชุม
''ไปกันก่อนเลยครับ'' เทพหันไปกล่าวกับฝั่งบริษัทของตนก่อนจะนั่งลงที่เดิม
ณ ตอนนี้เหลือกันเเค่ถงเวยและเทพอยู่ในห้องประชุมกันเเค่สองคน
''นายจะบอกได้ยังว่าต้องการอะไร'' ถงเวยพูดไทยกับเทพ
''ผม...เเค่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ'' เทพกล่าวจบก็นึกถึงอดีต
''เพื่อน?'' ถงเวยย้ำ
''ใช่...แฟนของเหวินก็เหมือนเพื่อนของผม'' เทพกล่าวจบถงเวยลุกขึ้นด้วยความตกใจ
''คุณรู้ได้ยังไง!?'' ถงเวยตกใจสุดขีดเรื่องนี้ขนาดเพื่อนตัวเองยังไม่รู้เลยหรือว่าเหวินบอก
'ไม่...เหวินไม่บอกแน่' ถงเวยคิดหนัก
''อ่า...มาเเล้ว'' เทพยิ้มดีใจที่ตนได้เห็นเพื่อนของตนอีกครั้ง
''คุณเหวิน'' เทพพยักหน้าให้กับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
''คุณรู้ได้ยังไง'' เหวินเมื่อเข้ามาในห้องประชุมก็กล่าวถามด้วยความสงสัยทันที
''คุณไม่ต้องห่วง...ถ้าเราคือเพื่อนกัน'' เทพยิ้มอย่างเป็นมิตร
''คุณมาที่นี่เพื่อมาทดสอบผมไม่ใช่เหรอ...ตอนนี้ให้คะแนนผมเท่าไหร่ละ'' เทพยิ้มมุมปาก
''อะ...ฮ่าๆ'' เหวินหัวเราะเล็กน้อย
''ถึงคุณจะฉลาดก็จริงเเต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ได้'' เหวินกลับมาจริงจังอีกครั้ง
''ความลับ'' เทพกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนเเล้วเดินไปหาเหวินทันที
''ไม่ต้องห่วงผมไม่บอกใคร'' เทพกล่าวด้วยความจริงใจ
'ในอดีตก่อนที่เทพจะย้อนเวลามาทั้งคู่แอบคบกันนานมากและไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยสักคนรวมทั้งพ่อเเม่ของทั้งคู่เเต่เทพนั้นหลังจากที่ได้เป็นเพื่อนกับเหวิน เวลาผ่านไปทั้งคู่สนิทกันมากจนเหวินได้บอกกับเทพว่าตนคบกับถงเวยดาราดังและเริ่มเล่าเรื่องให้เทพเพื่อหาทางช่วยจะได้ไม่ต้องปกปิดต่อไปอีกจนเทพสามารถหาทางช่วยได้เเต่ยังไม่ทันทำสำเร็จก็ถูกฆ่าตายเสียก่อน
'ฉันจะทำให้พวกนายคบกันโดยไม่ต้องปิดบังเอง...รอหน่อยเถอะ' เทพเริ่มคิดแผนใหม่ที่จะช่วยสองคนนี้ให้เร็วกว่าแผนที่เเล้ว
''ดี...ฉันชอบคนฉลาดแบบนายขอเบอร์ไว้ติดต่อหน่อยเผื่อเกมส์เปิดจะได้เล่นด้วยกัน'' เหวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายื่นให้เทพกดเบอร์
''ฮ่าๆ...แน่นอนฉันอยากจะเล่นเกมกับพวกนายดูเเล้วพวกนายน่าจะมีฝีมือนะ'' เทพกล่าวเชิงคลายเครียด
''แน่นอน...ฉันไปเกมไหนก็ติดอันดับทั้งนั้น'' เหวินตอบกลับมาพร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวโชว์
''เหรอ...เเสดงว่านายยังไม่เจอฉัน'' เทพยักคิ้วข้างเดียวสลับกันสองข้าง
''ฮิฮิ'' ตามด้วยเสียงหัวเราะของถงเวยที่แฟนของตนโดนตัดความมั่นใจ
''เธออยู่ข้างใครเนี่ย'' เหวินหันไปหาแฟนของตน
''อยู่ข้างเธอไง'' ถงเวยเดินไปกอดเเขนเหวิน
''อ่า...ที่นี่ห้องกระจกนะ'' เทพที่รู้ว่าถงเวยจะทำอะไรก็เดินไปบังแล้วทำทีเป็นยื่นของให้ทั้งคู่
''ลืม!!'' ถงเวยรีบปล่อยมือ
''เอาเป็นว่าตอนนี้ไปกินมือเที่ยงกันก่อนละกัน'' เทพกล่าวจบก็เดินนำออกไปจากห้องประชุม
'อืม...ถึงแม้จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องเเต่ก็ให้เกียรติกันมาก' เทพมองดูพนักงานบริษัทตนกับของจีนนั่งกินนั่งพยายามสื่อสารกัน
''พวกเรายังไม่ถึงยี่สิบไปนั่งโต๊ะเเยกกันดีกว่า'' เทพเดินนำไปที่โต๊ะเล็กๆเเล้วนั่งลงพร้อมกับถงเวยและเหวิน
''ดูโต๊ะนั่นสิ''
''กลุ่มนี้มัน'' พนักงานฝั่งจีนรู้สึกตกใจกับการรวมตัวของวัยรุ่นเเต่ละฝ่ายเพราะเเต่ละคนนี่ทั้งฉลาดทั้งเก่งและคาดเดายากมากตัวอย่างเช่นเหวินที่อายุยังน้อยเเต่ก็ประสบความสำเร็จมีหลายบริษัทแย่งตัวเขาไปทำงานและบางทีเขายังมีความสามารถมากกว่านักเจรจารุ่นใหญ่บางคนอีกด้วย ส่วนถงเวยเธอก็เป็นไอดอลและดาราที่ประสบความสำเร็จด้วยอายุเพียงเเค่ 19 ปี แถมยังมีความสามารถเรื่องงานบริษัทและสามารถพูดภาษาได้ถึง 3 ภาษาอีกด้วย ต่อมาคนสุดท้ายก็คือเทพนั่นเองทางพนักงานบริษัทจีนได้ฟังการพูดคุยและการวิเคราะห์ของเทพเเล้วถึงกับต้องยอมออกมารับผิดเเละยังได้รับการยอมรับจาก เหวินอีกด้วยทั้งยังเป็นคนที่เหวินได้ให้ความสนใจถึงขั้นบินตามมาดูด้วยตนเองอีก
''ฮ่ะฮะ...กลายเป็นที่สนใจเฉยย'' เทพลากเสียงกวนๆ
''ฉันไม่เกี่ยว...'' เหวินวางมาดเย็นชาเเล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น
'ยังเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมเหมือนเดิมเลยนะ' เทพมองเพื่อนของตนแล้วส่ายหัวเล็กน้อย
''ว่าเเต่นายจะเล่นเกมนี้จริงๆใช่ไหม?'' เสียงใสถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
''ใช่'' เทพพยักหน้า
''ฉันว่าเรามาสร้างกิลด์กันเถอะ'' ถงเวยกล่าวจบเหวินก็หันมาตอบกลับทันที
''ไม่...ฉันอยากให้มีเเค่พวกเรา'' เหวินแย้ง
''ฉันเห็นด้วย'' เทพยกนิ้วโป้งขึ้นให้ความหมายว่าเป็นความคิดที่ดี
''ก็เเล้วเเต่นาย'' ถงเวยกล่าวจบก็ตักเนื้อปลานึ่งซีอิ๊วเข้าปาก
''ขอบคุณ'' เหวินหันหน้าหนีแล้วอมยิ้มเล็กน้อย
''พวกคุณกลับวันไหน?'' เทพเริ่มกล่าวถาม
''หลังจากกิจกรรมจบเราว่าจะอยู่เที่ยวกันวันสองวันแล้วกลับ'' ถงเวยเป็นคนตอบ
''ถ้าอย่างนั้นเราจะติดต่อกันทางไหน?'' เทพถามพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
''ทาง T-Chat ละกัน...นายได้โหลดไว้ไหม?'' ถงเวยหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา
''โหลดไว้เเล้วล่ะ...เธอสร้างกลุ่มเลยแล้วดึงฉันกับเหวินเข้า'' เทพกล่าวทางลัดเพราะหลังจากที่ถงเวยเพิ่มเทพเป็นเพื่อนเเล้วถงเวยก็จะสามารถสร้างกลุ่มและดึงทั้งเทพและเหวินเข้ามาได้หลังจากนั้นค่อยให้เทพและเหวินเพิ่มเพื่อนกันมันจะง่ายกว่า
'T-Chat เป็นเอปไว้สำหรับคุยกันเราสามารถคุยกันทั้งในเกมและนอกเกมได้และคนที่อยู่นอกเกมจะสามารถคุยกับคนในเกมได้เเต่ถ้าบุคคลในเกมเข้าสู้ที่เเข่งขัน กิจกรรม หรือ PVP จะไม่สามารถติดต่อได้' เทพกล่าวในใจเเล้วพยักหน้าเพื่อเรียกความทรงจำ
''ว่าเเต่คุณยังไม่บอกไอดีฉันฉันจะดึงคุณเข้าได้ยังไง?'' ถงเวยกล่าวออกมาแล้วยื่นมือไปขอโทรศัพท์ของเทพ
''เเสกนคิวอาร์โค๊ดละกัน'' ถงเวยกล่าวพร้อมกับเทพที่ยืนโทรศัพท์ให้ถงเวยจัดการเพิ่มเพื่อน
''ขอไวน์ 3 ที่ครับ'' เทพหันไปกล่าวกับพนักงาน
สักพักขวดไวน์ก็มาตั้งที่โต๊ะของกลุ่มวัยรุ่นเเละก็มีพนักงานมารินให้ 3 เเก้ว
''เเด่มิตรภาพของพวกเรา'' เทพชูแก้วไวน์ขึ้น
''เพื่อน'' ทั้งสามกล่าวพร้อมกันเเล้วก็มีเสียงดัง ''กริ้ง'' เป็นเสียงแก้วชนกันทั้งสามได้ชนแก้วกันดื่มให้มิตรภาพความเป็นเพื่อนของพวกเขา
''หวังว่างานนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี'' พ่อของเทพที่เป็นประธานบริษัทเมื่อเห็นเหล่าวัยรุ่นของบริษัทชนแก้วกันตนก็นึกขึ้นได้เเล้วทำไมรุ่นทำงานอย่างพวกเราไม่ชนกันมั่งละ
''ผ่านไปได้ด้วยดี'' จังหวะนี้คนไทยกล่าวไทยคนจีนก็กล่าวไทยแล้วลุกขึ้นยืนชนแก้วกัน
'จะเผาหัวกันตั้งเเต่เที่ยงเลยเรอะ' เทพมองพวกรุ่นพ่อที่แก้วไวน์กรึ๊บเดียวหมดและยังขอเพิ่มกันเรื่อยๆ
''หลังจากนี้เราเป็นเพื่อนกันเเล้วไม่ต้องเกรงใจถ้ามีอะไรให้ช่วย'' เทพกล่าวอย่างเป็นมิตร
''แน่นอน'' เหวินกล่าวจบรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากข้างขวา
''ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ...พรุ่งนี้เจอกัน'' เทพลุกขึ้นลาเพื่อนใหม่
''แล้วเจอกัน'' ถงเวยและเหวินกล่าวพร้อมกัน