พันธะสวาท_6 | เหตุผลที่มายืนอยู่ตรงนี้
เหมือนฉัน.. กำลังเริ่มปฎิบัติการแย่งผัวใครสักคน ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาอยู่ในจุดที่แค่อยากจะขอบคุณผู้มีพระคุณ ก็ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนเมียน้อยเขาก็ไม่ปาน
“..ยังไม่ถึงอีกเหรอ”
“จะถึงแล้ว” ไอ้การลัดเลาะเข้าตามซอกตามมุมตามหลืบตามช่องแบบนี้.. เหมือนฉันเป็นเมียน้อยพี่เขาจริงๆนะ
“อะ ถึงแล้ว”
“ไหนอะ?”
“ห้องที่ประตูใหญ่ที่สุด นั่นแหละห้องทำงานของพี่เขา”
เหมือนสวรรค์เป็นใจ พี่คาร์เตอร์เดินเข้าไปในห้องพอดี แถมคนเป็นเพื่อนที่เดินตามๆกันมาก็แยกย้ายกันไปซะหมด
“ตอนนี้แหละ รีบเข้าไปบอกซะ”
“อ้าว! แล้วแกอะ?”
“จะให้ฉันเข้าไปทำอะไรเล่า แกต้องเข้าไปบอกเรื่องจดหมายและความหลังอะไรของแก ฉันเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน ขอรออยู่ตรงนี้ดีกว่า”
“เอางั้นเหรอ?”
“อื้ม รีบไปเถอะจะได้สบายใจ”
ฉันพยักหน้า ยังไงซะวันนี้ก็ต้องเป็นวันที่ฉันได้บอกความจริงหลังจากที่..อีดออดเพราะตื่นเต้นอยู่นาน ความรู้สึกเหมือนกำลังจะบุกเข้าห้องพี่เขาเพื่อบอกรักมากกว่าบอกเหตุผลหลักอย่างเรื่องจดหมาย พอถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าถอนหายใจไปกี่รอบแล้ว
ธิชามองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีชะนีบ่างข้างเก้งที่ไหนวนเวียนอยู่แถวนี้ เพราะเท่าที่ฟังจากที่บุ๊คพูดๆมา คนที่นี่ไม่น่าจะใจดีกับฉันสักเท่าไหร่.. หากพวกเขาตัดสินกันที่ชาติกำเนิดหรือสถานะทางครอบครัว
ร่างเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่ ธิชาหันหาบุ๊คที่ยืนรอเธอไม่ไกลในมุมที่ไม่โจ่งแจ้ง ก่อนจะได้รับสัญญาณมือว่าเธอควรเข้าไปสักที
เอาวะ... เพื่อความตั้งใจของพ่อ...
ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก... กำปั้นน้อยเคาะประตูไปสามครั้งก่อนจะได้ยินเสียงขานรับให้เธอได้เข้าไป... ไอ้ฉันก็คิดว่าหน้าห้องจะมีสัญญาณจับผิดหรือเครื่องแสกนรูม่านตาอะไรประมาณนั้น แต่จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย..
ธิชาค่อยๆดันประตูบานใหญ่ และค่อยๆแทรกตัวเข้าไปข้างในห้องนั้น ภาพแรกที่เห็นก็แอบทำให้สาวน้อยตกใจเล็กน้อย ห้องทำงานที่ใหญ่เกินความจำเป็น ความสะอาดและกลิ่นห้องหอมเย็นสดชื่น และผู้ชายตัวสูงราวร้อยเก้าสิบยืนใช้ผ้าเช็ดมือพร้อมกับมองลงไปที่หน้าต่างบานกำลังดีหลังโต๊ะทำงาน และซองจดหมายของพ่อฉันยังไม่ถูกแกะ..
"..ขอโทษนะคะที่เดินหนีไปแบบนั้น"
"เธอทำให้ฉันโดนเพื่อนล้อ"
"..ขอโทษค่ะ"
"หวังว่าการกลับมาหาฉันรอบนี้.. จะไม่เดินหนีจนกว่าฉันจะได้คำตอบ" ทั้งที่พูดโดยไม่หันมองกันแท้ๆ หัวใจของฉันก็เต้นครึกโครม..
"ค่ะ จริงๆแล้วที่กลับมา เพราะหนูจะกลับมาบอกเรื่องจดหมาย จริงๆก็ไม่ได้อยากจะเดินหนีไปแบบนั้นนะ แต่ว่า"
"แต่อะไร?" ร่างสูงหันกลับมามองสาวน้อยที่พยายามทำใจให้ชินกับความหล่อเหลาและความน่าเกรงขามที่แทรกไปด้วยความสง่าหลังกรอบแว่นนั่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน.. มันไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเท่าไหร่.. นอกซะจาก จะดูโตขึ้น แล้วก็สุขุมจนรู้สึกเยือกเย็น
"เพราะข่าวลือของพี่"
"..ข่าวลือ?"
"เรื่องพิชชี่แล้วก็เรื่อง.."
"เรื่อง?"
"..เรื่องที่พี่โดนจับคลุมถุงชน" พี่คาร์เตอร์ปล่อยเสียง อ่าาาา ออกมาทันที ก่อนจะวางผ้าที่เช็ดมือลงกับโต๊ะทำงาน พร้อมกับเดินเข้ามาหาฉันแบบเนือยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า มือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงและระยะห่างที่ทำให้รูสึกว่าเรายืนใกล้กันกว่าตอนที่โรงอาหารซะอีก
"เรื่องคลุมถุงชน.."
"ค่ะ"
"คนที่สนใจเรื่องนี้ มีแต่คนที่อยากเป็นผู้หญิงของฉันทั้งนั้น"
"อึ่ก!"
"อยากเป็นด้วยเหรอ เราอะ?"
"ปละ.. เปล่านะ! หนูแค่ต้องระวังตัว หนูเขามาเรียนที่นี่เป็นวันเเรก แถมยังเป็นเด็กทุน.. ก็ต้องระวังตัว เป็นธรรมดาสิ"
"....." คาร์เตอร์หรี่ตามองธิชา ท่าทางของเธอดูเหมือนจะรู้สึกอย่างที่ปากว่า แต่ท่าทางของเธอมันดูตลกจนเกินไป จนเขาถึงกับแค่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมา
"นึกว่าอยากเป็นจริงๆซะอีก"
"....."
"เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดูกลัวฉันขนาดนี้"
คาร์เตอร์เดินวนไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบซองจดหมายที่ได้รับจากธิชาขึ้นมา มองและอ่านออกเสียงในที่สุด
"ถึงผู้มีพระคุณ"
"....."
"ฉันไปมีบุญคุณกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่" จำไม่ได้เลยสินะ...ถึงเวลาที่ต้องบอกแล้วละ ชีวิตฉันเองก็ไม่ได้ว่างพอที่จะมาเล่นวิ่งไล่จับแบบพระนางในละครอินเดีย
"..พี่ช่วยชีวิตพ่อหนูไว้"
"....." อีกฝ่ายเลื่อนสายตามองที่ธิชาทันที
"พี่ได้ช่วย ซื้อเวลาชีวิตของพ่อ.. ให้มีเวลาอยู่กับเด็กสาวผมเปีย ที่ขโมยยาในร้านขายยาเมื่อหลายสิบปีก่อน"
"....."
"พี่ซื้อเวลาให้ครอบครัวของหนู ด้วยยาแก้ไข้หลายแผง แล้วก็ข้าวกล่องสองกล่อง"
คาร์เตอร์จ้องธิชาไม่ละสายตา ก่อนจะวางจดหมายในมือลงกับโต๊ะ ก่อนจะกอดอกราวกับใช้ความคิดตลอดเวลาที่เขามองเธอ ในนาทีนั้นที่ต่างคนต่างเงียบไป ธิชายกมือไหว้เขาทันที
"ขอบคุณนะคะที่ต่อชีวิตให้พ่อหนู"
"..เธอ คือเด็กคนนั้นเหรอ"
"ค่ะ.. ส่วนจดหมายนั่น พ่อหนูตั้งใจเขียนมันขึ้นมา พ่อเขียนมันถึงพี่.. หนูก็ไม่รู้หรอกนะว่าพ่อเขียนอะไรลงไปบ้าง"
"....."
"คำสั่งเสียของพ่อ.. คือหนูต้องเอาจดหมายนี่มาให้พี่ให้ได้"
"...พ่อเธอเสียแล้ว?"
"...ค่ะ พ่อคงอยากขอบคุณพี่มาก ถึงเลือกเขียนจดหมายหาพี่ในนาทีสุดท้าย แทนที่จะบอกรักหนู" ธิชาไม่ได้น้อยใจหรืออะไร เธอแค่พูดให้คาร์เตอร์เข้าใจ ว่าสำหรับเธอและพ่อแล้ว ยาแก้ไข้กับข้าวกล่องธรรมดาๆ มันซื้อเวลาชีวิตคนได้จริงๆ และเธอกับพ่อรู้สึกขอบคุณเขามากๆ
"นี่แหละ เหตุผลที่หนูมายืนอยู่ตรงนี้"
"....."
"..หมดธุระของหนูแล้วหนูขอตัวนะคะ อ้อ!.. อีกอย่าง พี่ช่วยอย่าทักหนูต่อหน้าทุกคนที่นี่นะคะ เดี๋ยวหนูจะใช้ชีวิตที่นี่ลำบาก" ธิชายกมือไหว้คาร์เตอร์อีกครั้งก่อนเอ่ยคำลา และนาทีที่กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตู
"เธอคิดว่าฉันสร้างระบบนักเรียนทุนขึ้นมา เพื่อให้คนที่นี่รุมรังเเกงั้นเหรอ?"
"..หนูรู้ว่าพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่สำหรับทุกคนที่นี่ หนูไม่รู้"
"....."
"จะมีคนรวยสักกี่คนละคะ ที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่แม้แต่บ้านยังต้องเช่าอยู่แบบหนู"
"..ฉันว่าเธอควรเปลี่ยนระบบความคิด"
"งั้นพี่ก็ควรเปลี่ยนด้วย" คาร์เตอร์หรี่ตาใส่ธิชาอีกครั้ง
"ก็คนที่อยู่ที่ที่มันสูงกว่า มักจะมองเห็นปัญหาจากมุมสูงก็จริง"
"....."
"แต่ต่อให้มองเห็นปัญหา ก็ไม่ได้ลงมาเจอปัญหาเองนิค่ะ"
"เธอ"
"หนูว่าสิ่งที่หนูพูด.. มันคือเรื่องจริงนะ"
ธิชาส่งยิ้มบางๆให้กับเจ้าของมหาลัย และดันประตูบานใหญ่ออกพร้อมกับปะทะไหล่บางจากคนที่เดินสวนมาอย่างไม่ทันระวัง
ปึ่ก! ธิชาเสียหลักเซเพียงนิด ก่อนจะสตั้นค้างเพราะสีผมบรอนด์ทองของผู้หญิงที่เดินสวนเข้ามา
..พิชชี่
"เธอเป็นใคร?" และโดนยิงคำถามดอกแรกใส่ทันที
"...เอ่อ"
"ทำไมถึงมาอยู่ในห้องทำงานพี่เตอร์ได้?" หน้าตานี่นางร้ายตามฉบับละครหลังข่าวเลยจ๊ะ! ทำไงดีอะ!
“ธิชา!! จะไม่ทันแล้ว! เร็ว!” แล้วบุ๊คก็โผล่ออกมาด้วยสีหน้าสีตาที่ตื่นเต้น พร้อมกับรีบแทรกตัวเข้ามาคว้ามือฉันให้วิ่งตามออกไปทันที
“บะ บุ๊ค เดี๋ยวก่อน!”
“ทำไมไม่รับสายอะ ฉันโทรหาตั้งหลายรอบจะบอกให้รีบออกมา” จริงด้วย ฉันกับบุ๊คแลกเบอร์กันตั้งแต่ที่โรงอาหาร ลืมไปเลย
“อ้าว.. เอ่อ ฉันน่าจะปิดเสียงไว้อะ”
“ถ้าแกรับสายฉัน แกก็ไม่ต้องป๊ะกับยัยพริกชี้ฟ้านั่นหรอก ยัยนั่นจะเข้าห้องทำงานพี่เตอร์ไปตั้งนานแล้วแหละ เเต่มีอาจารย์มารั้งคุยอะไรไม่รู้ตั้งหลายนาที”
“..งือออ ขอโทษ”
“เฮ้อ~ อุตส่าห์ตั้งใจจะไม่ให้โดนหมายหัว ดันเป็นแบบนี้ไปซะได้”
“แล้ว.. นี่ฉันควรทำไงต่อ”
“ทำไงอะ ทำใจดิ” บุ๊คตบไหล่ฉันเบาๆ