บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 SVip

ครืดดดดด ครืดดดดด

โทรศัพท์สั่นเตือนถึงสายเรียกเข้า ฉันละสายตาจากทางถนนชั่วครู่ เพื่อกดโฟนรับสาย

“อืม…”

“ยัยปิ่นนน อยู่ไหนแล้ว”

เสียงหวีดแหลมของเมี่ยงดังขึ้นผ่านลำโพงรถ

“อยู่หน้าผับแล้ว กำลังหาที่จอด”

“ฉันจองช่องจอดไว้ให้แล้วนะ ที่เดิม รีบๆ มา”

“อื้ม”

ฉันขับดิ่งเข้าล็อคจุดจอดของ Vip ผับ ตามที่เมี่ยงบอก ร่างบาง หุ่นเพรียวสูง สวมมินิเดรสเปิดไหล่สีขาว โชว์เนินอกอิ่ม แต่งเครื่องประดับน้อยชิ้นที่รวมราคาเกือบหลักสิบล้าน ก้าวขาเรียวลงจากรถสปอร์ตคันหรู

“สวัสดีครับ คุณหนู”

ใบหน้าสวยพยักลงเบาๆ รับคำทักทาย พร้อมส่งแบงค์สีเทาเป็นสินน้ำใจให้เด็กเฝ้ารถ เขาตาวาวยกมือพนมไหว้ เพราะสำหรับเขามันคงเหมือนค่าแรงตั้ง 3 วัน แต่สำหรับฉันมันก็แค่เศษงินเท่านั้น

ฉันจ้ำเท้าฝ่าสายตาหมาจร ที่ลิ้นห้อย น้ำลายไหล มองส่วนโค้งเว้าบนร่างกายฉันอย่างไม่เก็บอาการ ดวงตาคู่สวยมองจรดเพียงทางเดิน ไม่แสดงอาการสนใจ เขินอาย หรือเปิดสะพานให้หนุ่มๆ หน้าไหนเข้ามายุ่มย่าม

แกร้ก

“ว้ายยยย คุณหนูของฉันมาแล้ว”

ทันทีที่ห้อง VIP เปิดออก เมี่ยงหวีดเสียงด้วยความดีใจ ชูแก้วส่งมาทางฉัน ทุกสายตาของเพื่อนในกลุ่มมองมาเป็นทางเดียว แล้วปรบมือให้ดั่งพบคนดังระดับโลก

“แหม นี่คิดว่าเธอเป็นประธานงานแล้ว มาตัดริบบิ้นหรอยะ”

หลินพูดจีบปากจีบคอ พลางเขยิบที่ให้ฉันนั่งข้างๆ เธอ ฉันยักไหล่เบะปากส่ง ก่อนจะวางของขวัญราคาแพงไว้บนโต๊ะกระจกกลางห้อง ดวงตากลมโต กวาดสายตาหาพ่อหนุ่มเจ้าของงาน

“พ่องานมันไปไหนแล้ว” ฉันถาม

“มันไปล่อสาวอยู่ เดี๋ยวก็มา..”

ภวินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เขินอายคำหยาบที่ออกจากปาก เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พ่อเสือประจำกลุ่มทำ เขามักหายไปกับสาวที่ถูกตาต้องใจเสมอ ก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าชื่นมื่น ตามประสาคนได้ปลดปล่อย

คนในมหา’ลัย เรียกพวกเราว่า “SVip” เป็นกลุ่มลูกคุณหนู ที่เพรียบพร้อมไปซะทุกด้าน และถูกปฏิบัติยกขึ้นหิ้งอย่างออกหน้าออกตา พวกเราจะไม่รับใครเข้ากลุ่มสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องผ่านการอนุมัติจากพ่อแม่พวกเราเท่านั้น ซึ่งทั้งกลุ่มมี 6 คน คือ

ฉัน “ปิ่นมุก” ลูกสาวคนเดียวของท่านทูตไทย-อเมริกาและเป็นหนึ่งใน 10 ตระกูล อภิมหาเศรษฐีของไทย ธุรกิจดันหลังคือเป็นนายหน้าต่อรองผลประโยชน์ให้ทั้งโครงการรัฐและเอกชนแนวหน้าของประเทศ ปัจจุบันเรียนคณะบริหาร สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ

“แมลงเมี่ยง” หลานสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้าดัง ที่มีสาขาทั้งในและต่างประเทศ กว่า 600 สาขา เรียนคณะบริหาร สาขาธุรกิจการค้าสมัยใหม่

“หลิน” ลูกสาวคนเล็กนักธุรกิจซอฟแวร์ด้านชิปปิ้งยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน และยังมีธุรกิจนำเข้า-ส่งออกแอลกอฮอล์ทั่วโลก เรียกง่ายๆ ลูกสาวมาเฟีย เรียนคณะบริหาร สาขาการเงินและการลงทุน

“ภวิน” หลานชายของอธิบดีมหา’ลัย เอกชลอินเตอร์อับดับหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่ฉันเรียนอยู่ในตอนนี้ และเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนอีกนับร้อยทั่วประเทศไทย เรียนคณะครุศาสตรบัณฑิต สาขาธุรกิจศึกษา

“เจฟ” ลูกชายคนเล็กของประธานสภาแพทย์ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชน ที่ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องความหรูหราของโรงพยาบาล เรื่องฝีมือหมอและเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยมากที่สุดในประเทศ เรียนคณะแพทย์ สาขาการบริหารงานโรงพยาบาล

และคนสุดท้าย … “ภามม์” พ่องานของวันนี้ เขาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสัวโรงแรมยักษ์ใหญ่ ที่มีสาขาทั่วประเทศไทย รวมไปถึงธุรกิจอสังหาฯ ทุกรูปแบบไม่ว่าจะที่ดิน บ้าน คอนโด โรงงานแม้กระทั่งต้นไม้ยืนต้นหายากที่ต้องประมูลแย่งกัน ทั้งในและต่างประเทศ เรียนคณะบริหาร สาขาเศรษฐศาสตร์

คงไม่ต้องบอกว่าทำไมเราถึงมารวมกลุ่มกันได้

เพราะทวดเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน ปู่ย่าตายายเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน พ่อแม่เรามีผลประโยชน์ร่วมกัน และจับพวกเรามารวมกลุ่มตั้งแต่เด็ก เพื่อสานผลประโยชน์จากรุ่นไปสู่รุ่นต่อไป

มิตรภาพที่แฝงไปด้วยเรื่องผลประโยชน์...มันเป็นเช่นนี้มาเสมอ

ถึงแม้จะเรียนกันคนละคณะ คนละสาขา แต่หลังเลิกคลาสพวกเราจะนัดรวมตัวที่ห้อง Vip ณ ตึกบริหารการศึกษา ใต้ห้องอธิการบดี ที่ภวินขอให้ปู่สร้างให้แบบส่วนตัว เพราะเขาไม่ชอบไปนั่งในโรงอาหารหรือหอประชุมรวมกับคนอื่นๆ มันทั้งร้อน อึดอัด เสียงดังน่าหนวกหู แถมคนที่เดินผ่านไปมาก็พยายามจะเข้าหา ตีซี้พวกเราจนน่ารำคาญ

แปะ แปะ แปะ

“มันโผล่หัวมาแล้วโว้ยย”

ภวินหัวเราะล่า ดึงสายตาไปยังพ่องาน ผมสีน้ำตาลประกายทองเด่น ตัดกับผิวขาว ใบหน้าหล่อคม สวมเสื้อเชิ๊ตสีดำ เปิดกระดุมถึงกลางอกเหมือนรีบใส่ กางเกงยีนส์แต่งขาด คอมีรอยลิปสติก ยิ้มกริ่มเดินเข้ามา

ความหล่อที่ไม่เป็นรองใคร ยิ่งความรวย ติด 1 ใน 5 ของประเทศ คารมณ์ดี ใจป๋า ไม่แปลกที่เขาจะเป็นสเปคในอุดมคติของผู้หญิง 99% อีก 1% คือฉัน เพราะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ากลัวและอันตรายแค่ไหน

“เช็ดรอยลิปที่คอหน่อยเถอะย่ะ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”

เมี่ยงแขวะขำๆ แล้วโยนกล่องกระดาษทิชชู่ใส่ลำตัวภามม์

“ธรรมดาของคนพึ่งผ่านศึกหนักว่ะเมี่ยง”

ภามม์ยักคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เอ่ยตอบแบบไม่แยแสกับคำแขวะนั้น เขาเทเหล้าแบรนด์หรูลงแก้ว ยกขึ้นดื่มดั่งคนกระหายน้ำ สายตาคมเบนมาทางฉัน ก่อนจะหยุดมองและยกมือขึ้นเอ่ยทักทาย

“มาแล้วหรอ”

“อืม..โทษที มัวแวะไปซื้อของขวัญ”

ฉันตอบ แล้วเลื่อนกล่องนาฬิกาแบรนด์หรูราคาเกือบสิบล้านไปตรงหน้าเขา ภามม์มองด้วยตาลุกวาวเพราะเป็นรุ่นลิมิเดตที่เขาบ่นว่าอยากได้

“ถูกใจ ..ขอบคุณครับ คุณหนูปิ่น”

“ส่งเลขมานะ ฉันขี้เกียจไปซื้อของขวัญ” ภวินบอก

“รับ 7 หลักเท่านั้นนะครับ”

“โลภมากชิบ…”

“มาๆ ตัดเค้กกัน เจฟนั่งรอพวกนายจนน้ำลายบูดแล้วมั้ง”

หลินดึงความสนใจไปทางเจฟ ปกติเขาเป็นพวกพูดน้อย ต่อยหนัก เข้าสังคมได้แต่ชอบอยู่แบบไร้ตัวตน สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือตัวเลขหุ้นเท่านั้น เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้ามึนๆ แล้วรับแก้วเหล้าจากหลินไปดื่ม

“ชนนนน....”

ปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของภามม์ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง แสงสีที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนจนลายตา เสียงเพลงเร้าอารมณ์อึกทึกครึกโครม กลิ่นเหล้าและบุหรี่ คลุ้งทั่วห้อง พร้อมเด็กเสิร์ฟทั้งชายและหญิงที่เรทติ้งดีที่สุดในร้านยืนรอให้บริการอยู่มุมประตู แทบไม่ต่างจากห้องซ่องสุมสักเท่าไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel