คุกกี้สีชมพู 1/3
บทที่ 2 คุกกี้สีชมพู
พรชนิตย์ก็ไม่รู้ว่าการมาเยือนเกาหลีใต้เป็นครั้งที่สองจะเป็นอย่างนี้
เธอเคยมาประเทศนี้แล้วครั้งหนึ่ง เพราะมาร่วมงานแต่งของพี่สาวซึ่งอยู่ห่างจากโซล แล้วอยู่ที่บ้านของพี่เขยได้ไม่กี่วันก็ตัดสินใจออกไปตามหาเพื่อนที่เมืองอินชอน ก็เพราะมองว่า ‘คิมมินโฮ’ สำคัญกว่าการท่องเที่ยวแสนสำราญของตัวเอง แต่กลับต้องผิดหวังเพราะไม่ได้พบเขา แล้วก็ถึงกำหนดกลับไทย
โซลเป็นอย่างไร เธอเพิ่งได้เห็นเต็มตา ได้สัมผัสด้วยตัวเองก็เมื่อมาเยือนแดนกิมจิเป็นครั้งที่สองนี่เอง
เธอมาเกาหลีใต้คราวนี้ด้วยแผนการที่เปลี่ยนไป ความอยากตามหาเพื่อนก็ยังมีอยู่แม้ความหวังจะริบหรี่ลงก็ตาม แต่ความฝันอันเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตที่พรชนิตย์เพิ่งค้นพบตอนใกล้จะเรียนจบทำให้เธอตัดสินใจออกเดินทาง เพราะที่นี่จะเป็นก้าวแรกในการเปิดโลกของเธอ
พี่สาวก็รู้ว่าเธอฝันใฝ่ไว้อย่างไร แต่ดูไม่ศรัทธาเท่าไรว่าน้องจะทำได้สำเร็จ แล้วยังแนะนำให้เปลี่ยนแผนด้วยการให้ลงหลักปักฐานกับใครสักคนที่นี่ แต่พรชนิตย์กลับตอบไปว่า
“นุ่นก็เห็นอยู่นะพี่ว่ามีสามีเป็นหนุ่มเกาหลีแล้วดีจะตาย แต่นุ่นมาที่นี่ไม่ได้จะมาค้นหาทูนหัวเหมือนพี่หรอกนะ นุ่นจะหาทางเป็นเชฟ!”
ประกาศไปอย่างนั้น พี่สาวถึงกับขำพรืด หันไปไกวเปลลูกต่อ แต่ก็ยอมให้เธอเดินทางเข้าโซลมาโดยลำพัง ไม่ได้ห่วงนักเพราะน้องสาวก็พูดภาษาเกาหลีได้ในระดับที่เรียกว่าดี
เมื่อพี่สาวอนุญาตเธอก็ลงมือจองโรงแรม วางแผนว่าจะมานอนสักหนึ่งคืนเพราะอยากเที่ยว แล้วนิมนต์หลวงพ่อโสธรมาด้วย ยืมของพี่สาวมาก่อนเพราะอยากให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มภัยจากผีในห้อง
เข้ามาที่โซลวันแรก พรชนิตย์ก็สวมชุดฮันบกแล้วคว้าไม้เซลฟี่ไปยังพระราชวังเคียงบ็อค ต่อให้ต้องเผชิญหน้าอากาศร้อนน้องๆ ประเทศไทย แต่เธอก็ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของพระราชวังโบราณอันตระการตาจนพอใจ ตกเย็นพรชนิตย์ค่อยมุ่งหน้าสู่เขตกังนัม
ย่านหรูหราเต็มไปด้วยห้างร้านสินค้าไฮเอนด์ เธอไม่อาจเอื้อมถึงและไม่นึกจะซื้อของแพงเกินตัว แต่มาที่นี่ด้วยจุดมุ่งหมายที่คิดว่าเป็นก้าวสำคัญของตัวเอง คือมาลิ้มชิมรสขนมหวานของร้าน ‘Seoul Sweet’
เชฟเจ้าของร้านมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในด้านขนมสูตรต้นตำรับ มิชลินสตาร์การันตีสองดาว เพียงแค่สืบค้นข้อมูลในกูเกิลชื่อร้านก็ถูกแนะนำขึ้นมา พรชนิตย์ผู้มีความฝันจะได้ยืนในวงการเชฟขนมหวานก็ตั้งใจแล้วว่าจะมาที่นี่ให้ได้
ร้านตั้งอยู่ในย่างกังนัม เมื่อมาเห็นเข้าพรชนิตย์ก็ถึงกับอึ้ง ด้วยความที่เรียนการบัญชีมาทำให้หญิงสาวตีมูลค่าและคิดเลขได้อย่างรวดเร็ว การมีร้านแบบนี้ในพื้นที่ราคาที่ดินสูงลิบลิ่ว เจ้าของต้องมีเงินเท่าไรกัน
คิดไปแต่ไม่จริงจังจะหาคำตอบ สิ่งที่เธอปรารถนาคือได้ชิมมาการองของร้านนี้สักครั้ง ขนมหวานขึ้นชื่อที่ ‘เชฟยู’ ผู้ครองมิชลินสตาร์จะปรุงด้วยตัวเองอย่างพิถีพิถัน ก็ต่อเมื่อเขามีอารมณ์จะทำเท่านั้น
แต่เป้าหมายที่ทำให้เธอเปิดประตูร้านเข้ามาในวันนี้ เวลานี้ ไม่ใช่แค่จะกินขนม
ร้านอยู่ในย่านธุรกิจ เป็นตึกทรงฮันอกประยุกต์สูงสามชั้นกรุกระจกใสและไม้สนสลับกัน ตั้งตระหง่านอยู่ในสวนดอกคามิเลียสีชมพูอ่อนหวานช่างทรงเสน่ห์ พรชนิตย์ต้องมนตร์ขลังตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป
ภายในร้านตกแต่งแนวเฟรนช์คันทรี ลูกค้าหนาตา ดูจะดื่มด่ำอยู่กับชุดอาฟเตอร์นูนที แต่ละคนแต่งตัวดีมีอันจะกินสมราคากับขนมในร้าน ตู้กระจกโชว์ขนมดึงดูดให้พรชนิตย์เดินเข้าไปหาอย่างตื่นตาตื่นใจ
หัวใจพองขึ้นเมื่อเห็นขนมละลานตา บางอย่างเธอรู้จัก บางอย่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผิดหวังอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้เห็นมาการองของเชฟยูอยู่ในตู้ วันนี้เธอคงได้กินแห้วแทน
“อันยองฮาเซโย ”
“อุ้ยแม่ร่วง!”
พนักงานร้านทักขึ้นมา คนที่ทำตาเยิ้มอยู่หน้าตู้กระจกก็ถึงกับอุทานเป็นภาษาไทย ตกใจเพราะยังไม่ทันตั้งตัวก็มีคนมาพูดด้วย
แต่พอเงยหน้ามอง พนักงานสาวหน้ากลมก็มองเธอยิ้มๆ ยิ้มไม่หยุดจนพรชนิตย์รู้สึกว่าชักชอบกล
“คนไทยเหรอคะ” พนักงานคนนั้นทักขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม พรชนิตย์ก็ใจชื้น “ดีใจจังได้เจอคนบ้านเดียวกัน”
“ค่ะ” พรชนิตย์ยิ้มแฉ่งแล้วรีบถามด้วยความตื่นเต้น “พี่คะ หนูเข้าเรื่องเลยนะ กิจกรรมคุกกี้เสี่ยงทายจะเริ่มตรงเวลาใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ”
ได้ยินอย่างนี้พรชนิตย์ก็ยิ้มแฉ่ง พนักงานก็อมยิ้มเหมือนรู้กัน แล้วเอื้อมตัวเข้าหาเธอก่อนจะกระซิบว่า
“น้องจะมาสมัครเข้าแข่งขันในรายการเหรอคะ”
“ค่ะ อ่านรายละเอียดในแฟนเพจของร้านแล้วก็ตั้งใจมาเลย”
“น้องจะอยู่เกาหลีเต็มพิกัดของวีซาเลยเหรอ!”
“ได้งานที่เกาหลีแล้วต่างหากล่ะคะ หนูไม่ใช่ผีน้อยนะ”
สองสาวไทยหัวเราะคิกๆ อย่างรู้กันราวกับสนิทมานานปี แต่พูดคำว่า ‘ผีน้อย’ ขึ้นมา พรชนิตย์ก็ชักกังขาในตัวสาวหน้ากลมที่ยืนคุยกันอยู่
“อย่ามองพี่อย่างนั้น พี่แต่งงานกับคนเกาหลีจ้ะ มีบัตรแรงงานเรียบร้อย” เหมือนจะรู้ทันว่าเธอคิดอะไรอยู่ พนักงานร้านที่ฟ้าประทานมาให้เธอจึงตอบยิ้มๆ “พี่ชื่อบัว ทำงานที่นี่มาสองปีแล้ว”
“นุ่นค่ะ”
“จ้ะ” พี่บัวตอบเธออย่างเข้ากับคนง่าย “นั่งรอเลยนุ่น อีกสักสิบห้านาทีผู้จัดการร้านเขาคงมาประกาศเรื่องกิจกรรมแล้วแหละ แต่พี่ว่าที่คนแน่นร้านวันนี้ ก็คงมาเพราะเหตุผลเดียวกับนุ่น ยังไงก็สู้ๆ นะ”
ได้กำลังใจมานิดหนึ่งแล้วพรชนิตย์ก็มีแรงยิ้มได้อีก ก่อนจะไปหาที่นั่งก็สั่งเค้กที่ชื่อเขียนไว้ว่า ‘Dacquoise’ มาลองชิมแล้วละเลียดไประหว่างนั่งรอกิจกรรมที่ทำให้เธอเดินทางมายังร้านนี้
เค้กเย็นชิ้นนี้ไม่คุ้นเคยทำให้พรชนิตย์เคลิ้มไปชั่วครู่ พบว่ามันทำจากอัลมอนด์และเฮเซลนัตเมอแรงก์ ราดวิปปิ้งครีม ฐานเป็นบิสกิตเนย รสชาติหวานมัน ชวนให้นึกไปถึงหน้าคนทำ จะใช่เชฟยูลงมือเองหรือเปล่าหนอ
กริ๊งๆๆ
เสียงกระดิ่งระรัวเรียกพรชนิตย์กลับมาจากเค้กอันดื่มด่ำ เงยหน้ามองไปยังหนุ่มผิวขาวตัวสูงร่างโย่งที่เดินเข้ามากลางร้าน เรียกความสนใจจากทุกคนง่ายดาย
พรชนิตย์พอจะเดาออกแล้วว่าทำไมวันนี้ลูกค้าถึงแน่นร้านนัก ก็เพราะมีจุดประสงค์เดียวกับเธอแน่ๆ
“สวัสดีคุณลูกค้าทุกท่านครับ ผม… นัมจองซู มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่าผู้มาเยือนร้าน Seoul Sweet ในวันนี้”
คนที่พูดอยู่นี้ พี่บัวบอกเธอแล้วว่าเขาเป็นผู้จัดการร้าน ดูสุขุมและสุภาพ พรชนิตย์ก็ฟังเขาอย่างตั้งใจทุกคำเพราะเป็นภาษาเกาหลี แล้วยังลุ้นอย่างตื่นเต้นไปพร้อมกัน
“เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่าทางร้านมีกิจกรรมร่วมกับช่องโทรทัศน์ ทำรายการเรียลลิตี้ โดยเชฟยูลีจุนจะเป็นผู้ฝึกสอนด้วยตัวเอง และผลงานของคุณจะได้รับการตรวจประเมินจากผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารอีกสามท่าน เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะสูงถึงยี่สิบล้านวอน”
นี่แหละที่ทำให้เธอมา ถ้าได้เป็นหนึ่งในผู้โชคดีจากทางบ้าน ก็จะได้ร่วมคลาสเรียนทำขนมกับเชฟขนมหวานผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เรื่องเงินรางวัลนั่นสนใจเป็นรอง สำหรับเธอ ถ้าได้เรียนตัวต่อตัวกับเชฟยูแล้วมันยิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก
“เนื่องจากมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ทางเราจึงขอใช้วิธีสุ่มหาผู้โชคดี ด้วยการใช้คุกกี้เสี่ยงทายนะครับ”
