บท
ตั้งค่า

PLAYBOY : 4

Chris Part

 .

“รับทราบครับหม่าม้า คร้าบ” ผมรับคำหม่าม้าก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋า และมุดรถเข้าไปหยิบของที่เตรียมมาด้วยความทุลักทุเล

ผมชื่อคริส อายุยี่สิบสองปี เป็นลูกครึ่งไทยจีนที่ได้ยีนส์เด่นจากทั้งสองเชื่อชาติมาอย่างลงตัว จนผมอยากจะกราบขอบคุณป๊าและหม่าม้างาม ๆ ที่ปั้นลูกชายออกมาได้ดีขนาดนี้ พูดไปก็จะหาว่าอวยตัวเอง

ส่วนวันนี้ผมมาเยี่ยมญาติห่าง ๆ ที่เข้าโรงพยาบาลแทนป๊าและม้า จะบอกว่ามาเยี่ยมแทนก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะผมมาของผมเองไม่มีใครสั่ง อันที่จริงแล้วสองบ้านนี้ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ทั้งป๊า ม้า และน้องสาวของผมไม่อยากเข้าใกล้ครอบครัวนี้ มีแค่ผมคนเดียวที่ไม่สนใจความบาดหมางและตัดสินใจมาเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงโดนคนครหาว่าตระกูลผมมันแล้งน้ำใจ คนคุ้นเคยกันเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลแท้ ๆ แต่ไม่คิดจะมาดูดำดูดีเลย และพอหม่าม้ารู้เข้าก็โทรมาสวดจนหูชา แถมย้ำนักย้ำหนาว่าให้รีบเยี่ยมรีบกลับ

“ประเทศไทยแม่งโคตรร้อน” ผมบ่นกับตัวเองทันทีที่ได้เข้ามาสัมผัสแอร์เย็น ๆ ในโรงพยาบาล เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอกเหมือนอยู่ในเตาอบ แค่ไม่กี่นาทีเล่นเอาเหงื่อไหลออกมาเหมือนน้ำ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมกราด้วยซ้ำ ถ้าเป็นประเทศอื่นคงหนาวปากสั่นหรือไม่ก็หิมะตกไปแล้ว ประเทศไทยนี่ไม่มีหน้าหนาวจริง ๆ เชื่อเขาเลย

ผมเลิกตัดพ้อน้อยใจกับอากาศและก้าวเดิน ตั้งใจจะไปถามเจ้าหน้าที่ว่าคนที่มาเยี่ยมพักรักษาตัวอยู่ห้องไหน แต่กลับถูกร่าง ๆ หนึ่งเดินเข้ามาชนเสียก่อน

ผลั่ก!

ตุ๊บ!

ข้าวของในมือผมหล่นกระจาย และตัวผมเซน้อย ๆ จากแรงกระแทก แต่เพราะว่าคนที่เข้ามาชนเธอเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบางสูงประมาณร้อยหกสิบกลาง ๆ ส่วนผมเป็นชายไทยที่สูงเกินมาตรฐานมาหลายเซนติเมตรเลยทำให้เธอเป็นฝ่ายล้มลงไป ส่วนผมก็มีแค่ของที่หล่นแค่นั้น

“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมรีบเข้าไปดูอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่อยากจะโวยวายเพราะเธอเป็นคนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอาซะเลย แต่เพราะผมเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติและเอ็นดูผู้หญิงเป็นพิเศษเลยเลือกที่จะแสดงความห่วงใยกับอีกฝ่ายแทน

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบรับก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีผมช่วยพยุงอยู่ไม่ห่าง ก่อนที่เธอจะก้มลงไปเก็บของ ๆ ตัวเองเงียบ ๆ

“มา ผมช่วย” ผมอาสาช่วยเธอเก็บข้าวของที่กระเด็นไปคนละทิศละทาง แอบเห็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งกำลังปลิวไปไกลเลยรีบวิ่งไปหยิบมาให้ แต่ตาเจ้ากรรมดันเสียมารยาทไปมองกระดาษแผ่นนั้นว่ามันคืออะไรเสียอย่างนั้น

“รูปอัลตร้าซาวด์​เหรอ” ผู้หญิงคนนี้คงกำลังตั้งท้องสินะ แล้วล้มไปเมื่อกี้จะกระทบกระเทือนหรือเปล่า

“คุณคะ ขอของฉันคืนด้วยค่ะ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามไถ่เสียงเล็กก็เอ่ยเรียกพอดี ผมรู้สึกตัวจึงรีบหันกลับไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ

“...คุณ”

“เอาของฉันคืนมา!”

พรึ่บ!

กระดาษแผ่นเล็กถูกแย่งไปจากมือของผมก่อนที่เธอจะซ่อนมันไว้ข้างหลัง ตากลมมองไปทางอื่นอย่างมีพิรุธและรีบเดินหนีไป ผมกำลังจะรั้งเธอไว้ แต่เพราะเสียงมือถือที่ดังขึ้นทำให้ต้องละความสนใจจากเธอและหยิบมือถือขึ้นมากดรับ

“ครับม้า” แม้ผมจะรับสายของหม่าม้าแล้วแต่ตาก็ยังมองตามร่างเล็กนั้นไม่หยุด คิ้วขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความสงสัยจนไม่ได้ตั้งใจฟังที่หม่าหม้าพูด

‘คริส ได้ยินม้าหรือเปล่า’

“คะ...ครับ ม้าว่ายังไงนะครับ”

‘ม้าถามว่าไปเยี่ยมอาฮงหรือยัง’

“ยังครับ กำลังจะขึ้นไป”

‘รีบเยี่ยม รีบกลับ อย่าปล่อยให้บ้านนั้นมาสูบเลือดสูบเนื้อเราได้เข้าใจไหม’

“คร้าบ หม่าม้าย้ำผมรอบที่สี่แล้วนะครับ”

‘ต้องย้ำซี่ ลูกสาวอาฮงสวยน้อยเมื่อไหร่ เราไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันด้วยซ้ำ ถ้าลูกชายม้าเกิดชอบแม่นั่นขึ้นมาล่ะ’

“ไม่มีทางหรอกครับ ถ้าชอบก็ชอบไปนานแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะรีบเยี่ยมและรีบกลับ ม้าไม่ต้องเป็นห่วง”

‘ให้มันจริงเถอะ’

“คร้าบบบบ”

ผมวางสายหม่าม้าก่อนจะมองหาร่างบางที่เดินหายไปท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด ความสงสัยมากมายแล่นเข้ามาในหัวไม่หยุด แต่สุดท้ายก็ต้องปัดทิ้งไปเพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ

“ขอบใจอาคริสมากนะที่มาเยี่ยมกัน”

“ครับ ผมมาเยี่ยมแทนป๊าม้าด้วย กู๋ฮงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว หายไวไวนะครับ”

“ขอบใจขอบใจ ฝากขอบใจป๊าม้าลื้อด้วยนะ อ้าว อาโบตั๋นมาพอดี อาคริสเขามาเยี่ยมเตี่ย” ผมหันไปตามที่กู๋ฮงชี้ ก่อนจะเจอกับโบตั๋น ลูกสาวเพียงคนเดียวของกู๋ฮงที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษารัดรูปจนกระดุมแทบปริ ผมดึงสายตาขึ้นไปจ้องใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างยากลำบาก ไม่ให้ลำบากได้ยังไง ก็ซาลาเปาสองลูกใหญ่มันดึงดูดสายตาขนาดนั้น

ผมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แม้จะเลือกผู้หญิงที่จะนอนด้วยพอสมควร แต่พอมาเจอผู้หญิงที่ทรวดทรงใหญ่โตดึงดูดสายตาแบบนี้ก็มีเขวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้จะเผลอมองไปบ้างแต่ผมก็ไม่เคยคิดจะดึงโบตั๋นมาทำอะไรที่ไม่ควร เพราะรู้ดีว่าถ้าได้คนนี้ไป เรื่องมันไม่มีทางจบแค่คืนเดียวเหมือนที่แล้วมาแน่ ๆ

“สวัสดีค่ะเฮียคริส”

“หวัดดีจ้ะโบตั๋น เพิ่งเลิกเรียนเหรอเรา”

“เปล่าค่ะ โบตั๋นมีอบรมตอนบ่ายเลยแวะมาหาเตี่ยก่อน ไม่คิดว่าจะเจอเฮียที่นี่” โบตั๋นว่าพลางส่งยิ้มยั่วมาให้ ผมรู้ดีว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันคืออะไร แต่เพราะผู้หญิงตรงหน้าคือโบตั๋นผมจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจไป

“เป็นลูกที่น่ารักนะ” ผมเอ่ยชม ก่อนจะหันไปหากู๋ฮงเพื่อลา “ผมกลับก่อนนะครับกู๋ เดี๋ยวต้องแวะเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน”

“อาคริสจะเข้ามหาวิทยาลัยเหรอ”

“ครับ” ผมตอบเสียงเบา ตาขวาเริ่มกระตุกยิก ๆ เหมือนว่ากำลังจะเจอเรื่องอะไรไม่ดี...

“ดีเลย งั้นไปส่งโบตั๋นด้วยได้ไหม” ว่าแล้วเชียวว่าทำไมตาขวากระตุกไม่หยุด คิดผิดจริง ๆ ที่มาเยี่ยมกู๋ฮง รู้งี้เชื่อคำหม่าม้าก็ดี กู๋ฮงเมื่อเห็นว่าผมลังเลจึงรีบยกเหตุผลขึ้นมาสำทับ “อาโบตั๋นอีไม่ได้เอารถมา ไปส่งอีที กู๋ห่วงอี ไม่อยากให้ขึ้นแท็กซี่คนเดียวเป็นสาวเป็นนาง”

“คือ...” ผมลากเสียงยาวก่อนจะหันไปมองโบตั๋น รายนั้นทำหางตาตกจนถ้าผมคิดจะปฏิเสธคงเป็นคนที่โคตรใจร้าย เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน แค่ไปส่งเองมันไม่มีอะไรหรอก “ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมแวะไปส่งโบตั๋นเอง”

“ขอบใจมากนะอาคริส ขอบใจ”

.

.

“คาดเข็มขัดด้วยนะโบตั๋น”

“แหม... คิดว่าเฮียจะคาดให้โบตั๋นซะอีก” ผมแอบถอนหายใจเบา ๆ นี่แค่ขึ้นมาบนรถแอร์ไม่ทันเย็นโบตั๋นก็เล่นงานผมซะแล้ว จะถึงมหาวิทยาลัยโดยสวัสดิภาพไหมคริสเอ้ยย

“ดูละครมากไปนะเรา” ผมหัวเราะเบา ๆ เหมือนไม่คิดอะไร แต่มือที่จับพวงมาลัยเริ่มชื้นเหงื่อ ได้แต่ภาวนาในใจว่าให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเร็ว ๆ

โบตั๋นไม่ได้ตอบอะไร เธอดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแต่โดยดีทำให้ผมค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย ผมตั้งใจขับรถฝ่าจราจรที่แสนติดขัดทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่ามาถึงมหาวิทยาลัยที่อยู่ใจกลางเมืองจนได้ โบตั๋นเรียนที่นี่ ซึ่งเป็นคนละมหาวิทยาลัยกับผม มหาวิทยาลัยของเราห่างไกลกันคนละมุมเมืองเลยด้วยซ้ำ แต่กู๋ฮงยังยกเหตุผลให้ผมมาส่งลูกสาวแกจนได้ ไอ้ผมก็ใจง่ายเกินไป ถ้าปฏิเสธหรือโกหกซักหน่อยว่าต้องรีบไปทำธุระคงไม่ต้องขับรถมาไกลถึงขนาดนี้

“อุ้ย!”

“มีอะไรโบตั๋น” ผมหันไปถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องออกมา โบตั๋นเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยความวิตก คิ้วที่ถูกเขียนจนโก่งสวยขมวดเข้าหากันแน่น

“โบตั๋นเอาเข็มขัดนิรภัยไม่ออกค่ะ เฮียคริสช่วยดูหน่อยได้ไหมคะว่าติดอะไร”

“ครับ?”

“คือ...มันติด” โบตั๋นปลายตาลงไปที่ข้างสะโพกของตัวเอง เข็มขัดนิรภัยยังยึดติดอยู่แบบนั้นทำให้ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงไปจัดการให้อีกฝ่าย

“ก็ไม่ติดอะไรนี่ครั...” ลมหายใจของผมสะดุดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าโบตั๋นยื่นหน้ามาจนใกล้ เธอกัดริมฝีปากใส่ผมด้วยท่าทีแสนเซ็กซี่ โบตั๋นเป็นคนสวย และผมก็ยอมรับว่าเธอสวยถูกใจผมมาก แต่เพราะว่าหม่าม้าห้ามไว้ตลอดผมถึงไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว ทว่าพอได้ใกล้ชิดแบบนี้มันก็...

“ติดสิคะ ตรงนี้...” เธอว่าเสียงกระเส่าแปลก ๆ ก่อนจะจับมือผมไปวางแหมะลงบนก้อนกลม ๆ ใหญ่ ๆ ของตัวเอง “มันใหญ่ เลยติดน่ะค่ะ”

อึก!

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามท่องคำของหม่าม้าในใจว่าอย่าสนเด็กคนนี้ ๆ แต่โบตั๋นกลับบังคับให้มือผมบีบลงบนก้อนนุ่ม ๆ นั้นแรง ๆ คล้าย ๆ กับกำลังนวดแป้งทำขนมแต่นุ่มกว่านั้นมาก

“อา... เฮียขา ชอบไหมคะ โบตั๋นชอบมากเลย”

“เฮีย...”

“บีบแรง ๆ เลยค่ะ มันไม่แหลกหรอก มันเป็นของเฮียนะ”

โบตั๋นว่าก่อนจะค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาหาผม ริมฝีปากบางที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีสวยขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ผมมองเธอด้วยความเผลอไผล สำนึกผิดชอบชั่วดีเหมือนจะค่อย ๆ จางหายไป ลืมไปด้วยซ้ำว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัย เป็นสถานศึกษาที่ไม่ควรทำเรื่องไม่เหมาะสมแบบนี้

“เฮียคริสขา โบตั๋น...”

เสียงที่กระเส่าอารมณ์ทำให้สติผมกระเจิดกระเจิง มือไม่รักดีของผมบีบเค้นความอวบใหญ่นั้นแรง ๆ โดยที่ไม่ต้องมีมือบางคอยนำทางเหมือนตอนแรก ผมขยับใบหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ริมฝีปากของพวกเราเคลื่อนเข้าใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ก่อนที่จะ...

ปริ้นนนนนนนนนนนน!!!!

เฮือก!!!

เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้ผมดึงมือตัวเองออกจากอกอวบเหมือนเจอของร้อน โบตั๋นจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ พยายามจะขยับเข้าหาผมอีก แต่ผมที่ตอนนี้สติกลับเข้าร่างแล้วจึงเอ่ยเสียงเด็ดขาด

“อย่าทำแบบนี้ เฮียคิดกับโบตั๋นแค่น้อง”

“แต่โบตั๋น...”

“ลงไปเรียนได้แล้ว ก่อนที่เราจะเข้าหน้ากันไม่ติดไปมากกว่านี้”

“เฮียคริส!!” เสียงที่แหลมจนปาดแก้วหูทำให้ผมไม่พอใจขึ้นมาตงิด ๆ ผู้หญิงที่สวยแต่เอาแต่ร้องแว๊ด ๆ แบบนี้ไม่น่าสนใจซักนิด ผมนึกอยากจะขอบคุณเสียงแตรรถนั่นที่ดึงสติผมกลับมาได้และทำให้ไม่เกิดอะไรเกินเลยขึ้น ไม่อย่างนั้นผมคงทำเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตไปแล้ว

“อย่าให้เฮียต้องพูดซ้ำสอง”

“ฮึ้ย!! โบตั๋นไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงซักวันเฮียก็ต้องเป็นของโบตั๋น” สาวสวยประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนจนผมนึกกลัว ผ่านผู้หญิงมาก็มากแต่ไม่เคยมีใครรับมือได้ยากเท่าคนนี้ ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของกู๋ฮงผมคงพาตัวเองออกมาให้ห่างให้มากที่สุด เมื่อก่อนเธอพยายามจะยั่วผมก็จริงแต่ไม่เคยชัดเจนเท่านี้ อย่างมากก็แค่ส่งยิ้มยั่วยวนมาให้ ผมทำเป็นไม่เห็นก็จบ แต่วันนี้เธอกลับสามารถทำให้สติของผมขาดกระเจิงได้

ต่อไปนี้ผมต้องออกห่างเธอให้มากที่สุด ก่อนที่จะเอาตัวเองไม่รอด

ปัง!!!!

โบตั๋นลงไปแล้วพร้อมกับปิดประตูรถเสียงดังลั่น โชคดีที่วันนี้ผมไม่ได้เอารถคันโปรดมา เพราะถ้าเป็นคันนั้นผมคงโมโหน่าดูที่ลูกรักโดนทำร้ายแบบนี้ เมื่อได้อยู่คนเดียวผมก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างโล่งอก เกือบไปแล้ว...

เพราะความหื่นของมึงแท้ ๆ เกือบหาเหาใส่หัวตัวเองแล้วไหมล่ะไอ้คริส

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel