บท
ตั้งค่า

EP : 11 : กำลังเป็นอะไร?

“วันนี้น้องผิงแปลก ๆ”

“แปลกอะไรผิงก็ปกกะ... / พี่ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรวันนี้ถึงแปลกไป อาจจะนึกใจดีหรือตั้งใจเข้ามาแกล้งพี่ก็ได้ แต่พี่ดีใจนะ...มันเหมือนพี่ได้เจอน้องผิงของพี่เมฆอีกครั้ง”

“...”

“ไอ้เถ้ามันอยู่ที่นี่ตลอด คิดถึงมันก็มาได้นะ” เขาตัดบทด้วยตัวเองซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ดีแล้วที่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้

“พี่เมฆก็ปล่อยให้มันวิ่งเล่นอิสระสิ พื้นที่บ้านตั้งกว้าง”

“กลัวเจ้าที่ว่า” เขายิ้มล้อบรรยากาศเลยดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะฉันถลึงตาใส่เขาทันที

“อย่ามากัดผิง”

“หึ ๆๆ โอเคครับ ถ้างั้นต่อไปนี้พี่ขออนุญาตปล่อยไอ้เถ้าวิ่งเล่นนะครับ”

“...ก็ตามใจสิคะใครห้าม” ฉันไม่มองหน้าเขาแต่ก้มหน้ามองไอ้ขี้เถ้าแล้วลูบหน้าลูบแก้มมันเล่นแทนโดยที่มันก็ยังนอนอยู่บนตักของพ่อมันที่ฉันรู้ดีว่าตอนนี้พ่อของไอ้ขี้เถ้าเอาแต่มองแม่ของมันตลอดเวลา

บางทีฉันอาจจะมองเขาผิดไปก็ได้...มั้ง

ก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะคะ ขออย่าให้ฉันคิดผิดเลย...

-วันต่อมา-

“ตื่นเช้าจังเลยค่ะคุณผิง”

“เมื่อคืนนอนเร็วผิงเลยตื่นเช้า มีอะไรกินพี่มี่”

“มีข้าวต้ทกระดูกหมูค่ะ” ได้ยินเมนูอาหารเช้าที่กินเกือบทุกวันก็อารมณ์ดีเลยค่ะเพราะว่ามันคือเมนูโปรดของน้ำผิง

“มีไข่ยางมะตูมไหม?”

“มีสิคะ คุณเมฆไม่ลืมทำให้คุณผิงอยู่แล้วค่ะ”

ขวับ!

“อะไรนะ?” ฉันที่เดินนำหน้าไปห้องอาหารหันกลับไปถามพี่มี่ทันทีส่วนแม่บ้านคนสนิทก็ทำหน้าตะลึงเหมือนตัวเองเผลอหลุดปากพูดอะไรออกมา

“เอ่อ พี่มี่บอกว่าป้าแก้วไม่ลืมทำให้คุณผิง... / เอาความจริงพี่มี่?” พี่มี่ยังพูดไม่จบฉันก็พูดแทรกด้วยเสียงกดดันเพราะฉันมั่นใจว่าก่อนหน้านี้หูไม่ได้ยินคำว่าป้าแกวเลยสักแอะ

“เอ่อ...”

“พูดเดี๋ยวนี้พี่มี่” ฉันกดดันแม่บ้านคนสนิทก็หน้าเจื่อนทันที

“คือ...คุณเมฆทำให้แล้วค่ะ”

“หมายความว่ายังไง?” ทำไมพี่เมฆต้องทำให้ฉันไม่เข้าใจ

“ก็...คุณเมฆตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าค่ะ คุณผิงขา คุณผิงอย่าบอกคุณเมฆนะคะว่าพี่มี่บอกไม่งั้นคุณเมฆดุพี่มี่แน่ ๆ” พี่มี่ขอร้องฉันพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“เขาทำอาหารวันนี้เหรอ?”

“ค่ะ”

“ครั้งแรกรึเปล่า?” ฉันจ้องพี่มี่เขม็งแม่บ้านคนสนิทของฉันก็ทำหน้าลำบากใจ โอเคค่ะเห็นหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน

“อย่าบอกนะว่าข้าวต้มกระดูกหมูคือฝีมือพี่มือทุกครั้ง?”

“คือ...” โอเคค่ะ รู้แล้ว ได้คำตอบแล้ว

“ทำไมพี่มี่ไม่บอกผิง” ฉันต่อว่าแม่บ้านคนสนิททันที จ้องเขม็งเพราะเคยบอกแล้วว่ามีอะไรต้องรายงาน แต่นี่คนที่ทุกคนในบ้านรู้ว่าฉันไม่กินเส้นมาทำอาหารเช้าเมนูโปรดให้ฉันกินบ่อย ๆ แต่ดันไม่รายงานนี่นะ?

“ก็...ก็พี่มี่สงสารคุณเมฆนี่คะคุณผิง” พี่มี่ก้มหน้า เอามือมาประสานกันไว้แล้วบอกฉันเสียงสั่นในขณะที่ฉันกำลังยืนกอดอกจ้องพี่มี่เพี่อไต่สวนโทษ

“สงสารอะไร?”

“...คุณผิงขา คุณผิงไม่เคยเห็นตอนคุณเมฆตื่นเช้ามาทำอาหารให้คุณผิงทานเหมือนพี่มี่นี่คะ”

“แล้ว?”

“คุณเมฆตั้งใจทำมากนะคะ รีบตื่นแต่เช้ามาทำตลอดแล้วก็ต้องรีบกลับไปอาบน้ำแล้วกลับมาให้ทันกินข้าวเช้าพร้อมคุณผิง”

“...”

“พี่มี่รู้ค่ะว่าควรรายงานคุณผิงทุกอย่าง แต่พี่มี่ไม่กล้าทำลายความตั้งใจของคุณเมฆเรื่องนี้เลยค่ะ คุณเมฆตั้งใจทำข้าวเช้าให้คุณผิงมากนะคะ”

“...” ฉันยืนฟังเงียบ ๆ จนกระทั่งพี่มี่เงยหน้ามองฉันอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่คลอออกมา

“พี่มี่ขอโทษนะคะคุณผิง แต่คุณผิงอย่าโกรธคุณเมฆเลยนะคะ อย่าไปว่าคุณเมฆเลยค่ะวันไหนคุณเมฆทำพี่มี่จะรีบรายงานคุณผิงจะได้ไม่ต้องฝืนทาน”

“...ไร้สาระ” ฉันว่าออกมาเบา ๆ แล้วหันหลังเดินไปทางเดิมที่ตั้งใจจะไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก

ฉันมาถึงห้องอาหารก็ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะมีแค่พี่มีที่เดินตามหลังมา

“คุณผิงขา คุณผิงจะให้พี่มี่ทำอาหารอย่างอื่นให้ทานไหมคะ” น้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ เอ่ยถามออกมา

“มีอะไรก็เอาอันนั้นมานั่นแหละพี่มี่ จะทำให้เสียเวลาทำไม” ฉันดุนิดหน่อยแล้วนั่งลงที่เก้าอี้เพื่อรออาหารเช้ามาเสิร์ฟ

“ดะ ได้ค่ะ ได้ค่ะคุณผิง” พี่มี่ยิ้มดีใจก่อนจะรีบกุลีกุจอเดินไปที่ห้องครัวจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาอีกครั้ง

“ผิงไม่เอากาแฟ...อ้าว มากินข้าวเช้าเหรอคะ” ไม่ใช่พี่มี่แต่เป็นพี่เมฆของคุณแม่ต่างหากฉันเลยทักทายเขาซึ่งแน่นอนว่าคำทักทายของฉันทำเขาชะงักพร้อมกับสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย

“ครับ” พี่เมฆตอบพร้อมพยักหน้ารับแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ทำอาหารเช้าให้ไอ้ขี้เถ้าแล้วเหรอคะถึงมากินข้าว”

“ทำแล้วสิ” เขายิ้มตอบรับ

“แล้วทำไมไม่ทำอาหารเช้าของตัวเองด้วยล่ะ ง่ายกว่าเดินมากินที่นี่อีกมั้ง” ฉันแอบแขวะเขานิดหน่อย

“หึ ๆๆ ไม่ล่ะ พี่ไม่ชอบทำกินเอง ชอบทำให้คนที่รักกินมากกว่า” น้ำเสียงสบาย ๆ ตอบออกมาแล้วเขาก็จับรีโมททีวีมากดเปิดเหมือนตอบเล่น ๆ ไม่ใส่ใจอะไรแต่มันกลับทำให้ฉันเงียบไม่พูดอะไรต่อเหมือนกัน

...ชอบทำให้คนที่รักกินมากกว่า

ไอ้ขี้เถ้ามันใช่คนที่ไหนล่ะ -_-

ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อพี่เอื้องก็ยกอาหารเช้ามาพร้อมกับกาแฟหอม ๆ

“อยากกินปาท่องโก๋จัง”

“อะไรนะ?”

“ผิงบอกว่าอยากกินปาท่องโก๋ ไม่ได้กินนานแล้ว กินปาท่องโก๋กรอบ ๆ ร้อนตอนเช้าอร่อยจะตาย”

“พี่ไปซื้อให้ไหม” เขายิ้มถามบาง ๆ ฉันก็ตาโตสิคะ

“ได้เหรอคะ แต่ไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้ผิงค่อยฝากพี่มี่ซื้อจากตลาด”

“ได้สิ หิววันนี้ก็กินวันนี้ พี่ปั่นจักรยานออกไปซื้อแป๊บเดียว กลางซอยมีร้านขาย”

“ผิงไม่ได้ใช้พี่เมฆนะ”

“หึ ๆๆ พี่รู้ครับ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ตอนนี้เลย” เขาพูดขึ้นแล้วก็ลุกขึ้นแต่พอทำท่าจะเดินออกไปก็หันกลับมามองฉันแถมยังทำหน้าเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันคิดแบบนั้นนะ เหมือนเขาเขิน

“อะไรคะ?”

“พี่ไม่ได้พกเงินมา ขอยืมเงินหน่อย” ฮ่า ๆๆ นึกว่าอะไร แต่ก็ตลกเหมือนกันนะคะ คุณเมฆาทายาทศิริชนันท์กรุ๊ปมาขอยืมเงินฉันไปซื้อปาท่องโก่ แทนที่จะขอเงินกันตรง ๆ เพราะที่ไปซื้อก็ไปซื้อให้ฉันกิน น่ารัก เอ่อ...ตลกเป็นบ้า

“ไม่” ฉันตีหน้าขรึมตอบกลับไป

“น้องผิง พี่ยืมแค่ยี่สิบบาทเอง”

“ดอกยี่สิบละร้อย” ฉันตอบกลับไปคนที่กำลังทำหน้าเซ็งเพราะฉันบอกว่าไม่ให้ยืมถึงกับหลุดขำยิ้มกว้างออกมาทันที

“หึ ๆๆ เขามีแต่ดอกร้อยละยี่สิบ”

“เจ้านี้ดอกเท่านี้ ไม่โอเคก็ไปยืมเจ้าอื่นเลยค่ะ”

“โอเคครับเจ้าหนี้คิดดอกได้เลยแต่ตอนนี้เอาเงินมาให้พี่ยืมก่อนเร็ว”

“รอก่อนค่ะเงินอยู่บนห้อง” ฉันบอกเสร็จก็ลุกขึ้นแล้วเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปหยิบเงินมาให้เขาทันที

“อ่ะ ขอน้ำเต้าหู้ด้วยนะพี่เมฆ” ฉันยื่นเงินแบงค์ร้อยให้เขาแล้วก็สั่งของกินเพิ่ม

“ครับผม” เขารับเงินพร้อมกับตอบรับแต่ฉันไม่ยอมปล่อยเงินให้เขาง่าย ๆ ตอนนี้เลยดึงเงินกันทั้งสองฝ่าย

“มีอะไร”

“ดอกเบี้ย เอาไปร้อยนึงดอกเท่ากับห้าร้อยนะคะคุณเมฆา”

“หึ ๆๆ พี่ให้หนูหนึ่งพันเลย”

“...” ฉันรีบปล่อยเงินทันทีที่เขาพูดจบส่วนพี่เมฆก็ยังยิ้มละมุน

“ใส่น้ำตาลไหม หวานน้อยหมือนเดิมรึเปล่า”

“อื้อ”

“โอเคครับ ไปกินข้าวเถอะ” เขาบอกแล้วก็หันหลังเดินออกไปทันทีส่วนฉันน่ะเหรอ

...อยากปั่นจักรยานไปซื้อปาท่องโก๋กับพี่เมฆเหมือนตอนเป็นน้องมอต้นที่พี่มอปลายปั่นพาไปซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กินทุกเช้าวันหยุดจัง

-เวลาต่อมา-

“มาแล้วครับ” เขาหายไปประมาณ 10 นาทีได้มั้งก็เดินกลับมาพร้อมถุงปาท่องโก๋ที่หอมฉุย~ ฉันได้กลิ่นปาท่องโก๋ก็วางโทรศัพท์ที่กำลังเล่นทันที

“เจ้าเดิมเปล่าคะ”

“พี่ไม่ซื้อเจ้าอื่นให้โดนบ่นหรอก”

“ชิส์~” โดนเขาล้อด้วยรอยยิ้มฉันก็ย่นจมูกใส่ทันทีแต่หางตารู้สึกเหมือนเห็นอะไรแปลก ๆ เลยหันไปมอง

“ไม่มีอะไรทำเหรอคะพี่เอื้อง? พี่มี่ด้วย” ฉันเห็นพี่เอื้องกับพี่มี่ยืนยิ้มเลยถามออกไปด้วยน้ำเสียงดุสองสาวเลยยิ้มเจื่อนแล้วรีบหันหลังเพื่อเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อนเอื้อง”

“คะคุณเมฆ”

“สองถุงนี้ของทุกคน” เขายื่นปาท่องโก๋สองถุงให้พี่เอื้องเลยยิ้มดีใจแล้วรีบเดินมาเอาปาท่องโก๋ไปส่วนเขาก็หันกลับมาแล้วแกะหนังยางของถุงน้ำเต้าหู้เพื่อใส่แก้วที่ฉันให้พี่มี่เอามาให้ก่อนหน้าแล้ว

“ทำไมยังไม่กินข้าว” ระหว่างที่กำลังแกะหนังยางเขาก็มองมาที่ชามข้าวต้มของฉัน

“ก็รอพี่เมฆไง” ฉันตอบพร้อมกับหยิบปาท่องโก๋เข้าปาก กรอบมาก~ ยังร้อน ๆ อยู่เลย แต่อีกคนดันนิ่งไปฉันเลยต้องมองหน้าเขา ยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อถามว่า มองเพื่อ? ทั้งที่ปากก็ยังเคี้ยวปาท่องโก๋ตุ้ย ๆ

“...ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณเพื่อ? ผิงแค่อยากกินปาท่องโก๋กับข้าวต้มเลยรอ” ฉันตอบออกไปแต่เขาก็ยังยิ้มเหมือนเดิม

“พี่ว่ามันไม่ค่อยเข้ากันนะ”

“วันหลังก็ทำโจ๊กสิ”

“อะไรนะ?”

“เปล่าค่ะ จะแกะเสร็จไหมนั่น?” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากรู้ว่าตัวเองเผลอหลุดปากพูดออกไปพี่เมฆเลยไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากแกะน้ำเต้าหู้ใส่แก้วให้ฉันแล้วก็กินข้าวกันเงียบ ๆ มีคุยกันบ้างนิดหน่อยซึ่งมันแตกต่างจากปกติมาก แต่ก็ช่างเถอะ พักปากพักสมองไม่หาเรื่องเขาบ้างจิตใจตัวเองก็สงบเหมือนกัน

ที่สำคัญได้กินข้าวโดยที่ไม่ทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อนฉันว่าตัวฉันก็...มีความสุขดีนะ

“...” ฉันนั่งทบทวนอะไรบางอย่างในใจแล้วแอบมองเขาที่กินข้าวเงียบ ๆ สลับกับมองทีวีที่มีข่าวเช้าอยู่หลายครั้งแล้วในใจก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ

นี่ฉัน...กำลังเป็นอะไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel