Mind Games 6 – ความลับระหว่างคุณกับฉัน
อย่าว่าแต่ใจร่วง
เอกสารในมือก็เกือบร่วง
เหมือนคนเกือบหลับแต่กลับมาได้ก่อน
พอเลขาคนสวยของเขาเดินออกไป ฉันก็ยังยืนเอ๋ออยู่ที่เดิมพักใหญ่ ก่อนจะตั้งสติได้เมื่อเห็นสายตาราบเรียบจากคนตรงหน้าที่จ้องอยู่ เลยรีบฉีกยิ้มหวานพร้อมโค้งคำนับตามมารยาท
“นั่งสิ” อย่าว่าแต่สายตาที่เรียบนิ่ง น้ำเสียงก็ฟังดูแล้วไม่ต่างกัน เขาทักทายฉันแถมมองฉันราวกับอากาศธาตุ ทำราวกับเราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะเบนสายตาลงเพื่อเซ็นเอกสารในมือต่อ
แต่…
ถึงวันนี้เขาจะใส่เสื้อสูท ผูกไท แต่งตัวเนี๊ยบ เซ็ทผมเป๊ะกว่าเมื่อคืนขนาดไหน แต่เบ้าหน้าความหล่อของเขาก็ไม่เปลี่ยน หล่อยังไง หล่ออย่างนั้น ฉันกลับจำเขาได้ดี เสียดายอย่างเดียวที่เขาดันเป็นเกย์
“อ่า เจอกันอีกแล้วนะคะ โลกกลมจัง”
มือหนาที่กำลังเซ็นเอกสารบนโต๊ะวางปากกาลงดังกึก! ก่อนที่สองมือจะยกขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะ ไหล่กว้างเอนพิงลงไปกับเก้าอี้หนังราคาแพง ขายกขึ้นมาไขว่ห้าง สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดกว่าเดิม
“นี่... คือคำที่คุณใช้ทักทายลูกค้าหรือครับ”
อึก...
ฉันถึงกลับกลืนน้ำลาย เพิ่งนึกคิดได้ว่าตัวเองไม่ควรพูดประโยคที่ดูไม่มีมารยาทแบบนั้นออกไป ถึงเมื่อคืนเราจะถ่ายรูปแบบสนิทสนมกันมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงประธานบริษัท PKL เลยนะเว้ย มลิษา
“ขะ ขอโทษคะ คุณแพทริค”
หน้าเจื่อนยิ้มไม่ออก ก่อนค่อย ๆ หยิบเอกสารที่เตรียมมาวางแล้วยื่นไปตรงหน้า
“ฉันมลิษา จากโครงการเดอะวันเฮ้าส์ค่ะ” ว่าแล้วก็เอ่ยแนะนำตัวก่อน เมื่อคืนทั้งเขาและฉันไม่รู้จะชื่อของกันและกันเลยด้วยซ้ำ
“อืม…วางเอกสารเอาไว้แล้วกลับไปได้”
ห๊ะ…ฉันเงยหน้ามองเขา แต่คนที่เอ่ยเสียงทุ้มเปลี่ยนอิริยาบถที่วางมาดใส่ฉันเมื่อครู่ แล้วหันมาทำท่าเซ็นเอกสารในมือต่อ เขาไม่แม้แต่หยิบเอกสารหรือเปิดมันดูเลยด้วยซ้ำ
ได้ไงอะ
อย่างน้อยเขาน่าจะเปิดดูมันบ้างสักนิดก็ยังดี แต่นี่ไม่
"แต่ ฉันยังไม่ได้พรีเซ้นต์เลยนะคะ ไม่ทราบว่าฉันพอจะขอเวลาคุณแพทริคสักห้านาที เออไม่สิ สักสิบห้านาทีให้ฉันได้นำเสนอข้อดีของโครงการที่เผื่อคุณจะสนใจ หรือจองโครงการกับเราก่อนดีไหมคะ"
"ไม่ ถ้าผมสนใจแล้วจะติดต่อไปเอง เชิญ"
ไม่ ...เขาพูดว่าไม่ ไม่ที่หมายถึงไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยด้วยซ้ำไป
ไม่แม้แต่เงยหน้ามองเอกสารที่ฉันเพิ่งวาง
ไม่แม้แต่เงยหน้าสบตาผู้สนทนาแบบฉัน
นี่เขาเกิดมาเพื่อหน้าตาหล่ออย่างเดียว แต่ลืมมารยาทมาด้วยหรือไงนะ
อ่อ หรือที่เขาเอ่ยไล่ฉันแบบนี้ เป็นเพราะเขาไม่พอใจที่ฉันไปรู้ความลับเรื่องที่เขาเป็นเกย์ เลยพาลกระทบงาน
เป็นคนที่ไม่รู้จักแยกแยะเอาเสียเลย
ฉันสะกดอารมณ์ที่คุกรุ่น พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกสุดจนเต็มปอด แต่อดไม่ไหวอารมณ์มันพร้อมปะทุแบบสุด ๆ
เอาวะ ในเมื่อมีแนวโน้มว่าจะชวดงานนี้อยู่รำไร แถมยังเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานอีกต่างหาก
เพราะงั้น
โอเค...ด้ายยยย!
เป็นไงเป็นกัน!
นังมะลิไม่ยอม!
เริ่มเลอ....
ฉันกอดอก ยกเรียวขาขึ้นมาไขว่ห้าง ก่อนเอนพิงตัวเองพิงกับเบาะด้วยท่าทางเดียวกับที่เขาทำกับฉันก่อนหน้า
สายตาเรียบนิ่ง จ้องเขานั่งทำงาน จนกระทั่งเขารู้สึกตัวถึงสายตาของฉันนั่นแหละ ถึงได้ละสายตาจากงานของเขาแล้วเงยหน้ามามองฉัน
“มีอะไร ทำไมยังไม่ออกไป เชิญ”
เขาทำท่ากดอินเตอร์โฟนคล้ายจะเรียกเลขาหน้าห้องมาเชิญฉันออกไป แต่พอฉันขยับปากพูดเขาก็เลยหยุดชะงัก
"ฉันว่า บางทีคุณควรจะต้องรู้จักแยกแยะหน่อยนะคะ"
จะว่าสอนคนอายุมากกว่าก็ใช่ เพราะสิ่งที่เขาทำมันดูไร้สาระ ไม่มีเหตุผล และไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย
เขาละมือจากอินเตอร์โฟนที่เตรียมกด ก่อนจ้องหน้าฉันนิ่งทันทีที่ฉันพูดจบประโยค
"หมายถึงอะไร"
"ก็หมายถึงเรื่องเมื่อคืนของเรา"
ฟังดูดีไหม พูดเมื่อเหมือนคืนเราสองคนไปมีอะไรกันมาอย่างนั้นแหละ แต่ความจริงนอกจากฉันไปถ่ายรูปกันเพื่อส่งให้แม่เขาดู กับเรื่องที่ฉันรู้มาว่าเขาเป็นเกย์ ความจริงก็แทบไม่มีอะไรเลย
"เมื่อคืน?"
"ใช่ ก็เมื่อคืนที่คุณฉันจ้างฉันถ่ายรูป เพราะคุณต้องการโกหกคุณแม่ของคุณว่าคุณมีแฟนแล้ว"
"แล้วยังไง?"
"นี่ไง เพราะสาเหตุนี้คุณก็เลยพาล คุณทำเป็นไม่สนใจงานฉัน ไม่ยอมให้ฉันเสนองาน แถมไม่ยอมเปิดเอกสารที่ฉันเสนอเลยด้วย เป็นเพราะคุณไม่พอใจใช่ไหม ที่ฉันรู้ความลับเรื่องคุณเป็นเกย์"
พูดฉอด ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ ตัวเองถือไพ่เหนือกว่ายังไงยังงั้น แต่ทว่า…พอได้ยินเสียงเขาแค่นหัวเราะดัง หึ ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจ...ว่าไพ่ในมือจะเหนือกว่าหรือไม่
"คุณหัวเราะทำไม"
"คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร"
ประโยคคลาสสิคของคนตรงหน้าทำเอาฉันเริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาวๆ เขาวางมือจากทุกอย่างบนโต๊ะแล้วกอดอกพิงตัวเองกับเก้าอี้บุหนังในท่วงท่าที่ราวกับราชสีห์ เหมือนจะไม่ได้ยีระหรือสนใจอะไรกับคำพูดของฉัน และเพราะท่าทางน่าเกรงขามของเขา ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกหวั่นใจแปลก ๆ
"รู้สิคะ ฉันก็พูดกับคุณ คุณแพทริค ประธานบริษัท PKLไง อ่อ แล้วก็เป็นเกย์ด้วย" ฉันกอดอกทำท่าเดียวกับเขาเป๊ะ เอาสิคนอย่างนังมะลิเคยยอมอะไรที่ไหน ถึงแอบหวั่นแต่ใจมันก็ยังสู้
"ดีครับ ที่รู้ว่าผมเป็นใคร” เขายกยิ้มที่มุมปาก ช่างเป็นยิ้มที่ดูเย็นยะเยือกมีอำนาจและน่ากลัว จนกระทั่งเขาขยับพูดในสิ่งที่ฉันกลัวจริง ๆ ออกมา
“เพราะฉะนั้น…อย่างแรกที่ผมจะทำ คือให้เลขาของผมโทรไปรายงานความประพฤติของคุณ ที่มาทำเสียมารยาทกับบริษัทของผม เพื่อไล่คุณออก”
อึก…
“และ…ถ้าบริษัทคุณไม่ยอมไล่คุณออก ผมจะยื่นโนติส บริษัทของคุณให้กับทุกบริษัทในเครือของผม รวมถึงคู่ค้าของผมว่าห้ามคอนแทกต์กับบริษัทคุณเด็ดขาด"
โอว...บทจะพูดยาว ๆ เขาก็พูดได้ แถมยังแรงมากด้วยค่ะพ่อ
มือของฉันที่กอดอกด้วยท่าทางผ่าเผยก่อนหน้านี้คลายลง พลางเคลื่อนย้ายมาวางที่หน้าตัก แถมไหล่กว้าง ๆ ก่อนหน้า กลับห่อลงจนเหลือตัวลีบเล็กนิดเดียว
"และข้อสอง ผมจะโทรไปแจ้งความ”
0__0!
“ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท ที่กล่าวหาว่าผมเป็นเกย์"
โอว...อันนี้แรงกว่าเดิมคูณสอง จะแจ้งความเลยด้วย
"ส่วน…ข้อสาม..."
"อ่า…ขะ ขอโทษค่ะ สองข้อก็พอแล้วค่ะ ดิฉันต้องขอโทษคุณแพทริคจริง ๆ นะคะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ"
ฉันพูดโพล่งชิงพูดแทรกในขณะที่เขาพูดข้อสามไม่ทันจบ เอาแค่สองข้อแรก ฟังดูก็เยี่ยวจะราดอยู่แล้ว อย่าให้เขาได้พูดถึงข้อสามจบเลย แค่นี้อีนังมะลิคนนี้ก็สำนึกผิดไม่ทันแล้ว (T T)
"เมื่อครู่ ดิฉันแค่ล้อเล่นคุณเฉย ๆ ขอคุณแพทริคอย่าได้ถือโทษโกรธพนักงานตัวเล็ก ๆ ตาดำ ๆ มีพ่อป่วย แม่ยากจน มีลูกอีกสามคนที่ต้องเลี้ยงดู มีบ้านต้องผ่อน มีค่าน้ำมันรถต้องใช้..." ฉันรีบชักแม่น้ำทั้งห้า ทั้งปิง วัง ยม น่าน ทั้งแม่น้ำไนล์ แม่น้ำฮวงโห ทะเลเมดิเรเดียน ยกมาไว้ในตรงหน้า อะไรที่ฟังดูน่าสงสารสุด ๆ ขุดมาใช้หมด
เรียกว่าแทบจะคุกเข่าขอร้องเลยถ้าทำได้
ได้โปรดอย่าทำอะไรอย่างนั้นเลย
ผิดไปแล้ว
ฉันกำลังเล่นกับคนผิด