บทที่ 5 ผู้หญิงสายรุก
หลายชั่วโมงที่ผมอยู่ในห้องผ่าตัดกับผู้ช่วยและหมอรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยสนิทกัน ในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นและผ่านพ้นไปด้วยดี ผมกับหมอรุ่นพี่เดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกันเพราะให้พยาบาลเก็บงานต่อก็เหลือจำพวกเย็บแผล งานง่าย ๆ แค่นั้น
“หือ…” ผมเปิดล็อกเกอร์แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดดูหน้าจอก็ต้องขมวดคิ้วแน่นกับข้อความแจ้งเตือนจากไลน์ว่าได้รับข้อความจากเพื่อนใหม่และมีการเพิ่มผมเป็นเพื่อน ผมกดรับคนคนนั้นเป็นเพื่อนแล้วเปิดอ่านข้อความ ให้ทายว่าสีหน้าผมตอนนี้เป็นยังไง เฮ้ย!!! คนที่ส่งข้อความมาคือกราฟ แต่เพื่อความชัวร์ผมจึงเปิดโปรไฟล์เธอคนนั้นดูและใช่ ใช่กราฟจริง ๆ ครับ
LINE
หมอพีท : สวัสดีครับคุณกราฟ
กก : สวัสดีค่ะหมอพีท แปลกใจใช่ไหมที่กราฟทักข้อความหาแบบนี้ ทั้งที่หมอให้นามบัตรกราฟมาหลายวันแล้ว
เออ! พอมาถึงตอนนี้ผมเพิ่งนึกออกว่าให้นามบัตรกราฟไปนี่หน่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะเพิ่มเพื่อนและส่งข้อความมาหาผม
หมอพีท : จำได้สิครับ แล้วคุณกราฟมีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ
ผมนั่งลงบนม้านั่งในห้องเปลี่ยนชุด และพิมพ์ข้อความตอบกลับกราฟอยู่นานราว ๆ สิบนาทีได้และจับใจความได้ว่าเธอทักมาถามอาการปวดขมับไม่หาย แต่แปลกที่บทสนทนามันไม่เหมือนหมอกับคนไข้คุยกันทั่วไปและไม่รู้ว่าผมเผลอยิ้มไปกี่ครั้งแล้ว แทบจะทุกครั้งที่กราฟส่งสติ๊กเกอร์ตลก ๆ กลับมาล่ะมั้ง ผมจบบทสนทนาของเราสองคนด้วยการที่บอกกราฟว่าเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด จากนั้นกราฟก็ส่งข้อความขอโทษผมมารัว ๆ เพราะเธอคิดว่าผมว่างอยู่และไม่ได้ถามก่อนด้วยว่าสะดวกคุยไหม สุดท้ายเธอบอกจะเลี้ยงกาแฟผมเป็นการขอโทษทั้งที่มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ…” ผมถอนหายใจแล้วปิดจอโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดแล้วกลับไปที่ห้องตรวจเพื่อทำประวัติการผ่าตัดคนไข้
วันต่อมา
“อื้อ~” ผมลุกขึ้นมายืดแข้งยืดขาในยามเช้าของวันหยุด แปลกที่วันหยุดจะตื่นเช้ามาก ๆ ทั้งที่ผมควรจะนอนตื่นสาย ๆ แต่วันทำงานกลับอยากนอนตื่นสาย ๆ ซะงั้น “เช้านี้กินอะไรดี” ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มเป็นอันดับแรก พอมองดูเวลามันก็ยังเช้าอยู่ดีจึงมีความคิดที่อยากไปใส่บาตรสักหน่อย และผมก็ไม่รีรอที่จะไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อออกไปข้างนอก ใส่บาตรเสร็จก็หาของกินด้วย! เหมาะเจาะอะไรแบบนี้นะ
06:40 น.
ผมซื้อกับข้าวเตรียมใส่บาตรอยู่ด้านหน้าตลาดสดใกล้ ๆ ที่พักซึ่งมีพระสงฆ์เดินบิณฑบาตทุกเช้า แปลกใช่ไหมที่ผมทำตัวสบาย ๆ แบบนี้ทั้งที่รวยมาก ๆ ก็นั่นแหละครับผมชอบใช้ชีวิตง่าย ๆ แม้ชีวิตผมจะมีค่ามาก ๆ กับธุรกิจของครอบครัวก็เถอะ แต่ผมเลือกเดินตามทางของตนเองโดยปฏิเสธการรับช่วงต่อจากปะป๊าของผม แรก ๆ ทะเลาะกันบ้านเกือบแตกแต่ดีหน่อยที่พวกท่านเข้าใจผมและปล่อยให้ผมเดินตามทางตัวเองแถมปะป๊ากับหม่าม้ายังสนับสนุนอีกต่างหาก เมื่อพระเดินมาแล้วผมจึงนั่งลงพร้อมกับยกของที่จะใส่บาตรขึ้นเหนือศีรษะอธิษฐานในใจ
“คุณโยมที่เป็นหมออยู่โรงพยาบาล… ใช่ไหม”
“ครับ ๆ ผมเป็นหมอ” พระท่านทักมาแบบนั้นผมรู้สึกงงเล็กน้อย ก่อนจะนำอาหารใส่บาตร เมื่อเสร็จทุกอย่างแล้วก็รับพร
“แม่อาตมาเคยเข้ารักษากับโยมหมอ จำได้ไหม” อา… จะบอกท่านว่าจำไม่ได้ท่านจะหน้าแตกไหมเนี่ย
“ขออภัยหลวงพ่อด้วยนะครับ ผมจำไม่ได้เลย เพราะแต่ละวันผมรับคนไข้เยอะมาก ขออภัยท่านด้วยนะครับ"
“เข้าใจ ๆ แต่ว่าสีหน้าโยมดูมีความสุขนะ หน้าเบ่งบานเหมือนคนกำลังมีความรักเลย”
“ผมยังไม่มีแฟนเลยครับท่าน”
“เดี๋ยวก็มา เหมือนกำลังมาด้วยนะโยม”
“ครับ…” เมื่อท่านพูดเสร็จท่านก็เดินออกไป ผมเกาหัวแกรก ๆ มองตามขณะเดียวกันสมองก็กำลังครุ่นคิดตามคำที่พระท่านบอก กำลังมาเหรอ… ความรักหรือว่าแฟนกันนะ อา!! ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าอะไรที่กำลังเข้ามาในชีวิตผม
ผมเลิกโฟกัสกับคำพูดหลวงพ่อแล้วไปหาของกินต่อ แต่จังหวะที่ผมหันหน้าตรงจะเดินไปยังร้านขายปาท่องโก๋กลับต้องชะงักฝีเท้ากะทันหัน
“หมอพีท…” ผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในหัวผมตั้งแต่เย็นของเมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้กำลังส่งยิ้มทักทายผมราวกับว่าเราสองคนสนิทกันมานานแรมปี กราฟเดินเข้ามาทักทายผมใกล้ ๆ พร้อมกับหันมองรถผมที่จอดอยู่ริมฟุตพาท วันนี้ขับมินิคันโปรดมาด้วยสิ
“คุณกราฟมาหาอะไรทานเหรอครับ”
“ค่ะ หมอพีทอยู่แถวนี้เหรอคะเนี่ย”
“อ๋อครับ ผมพักอยู่แถวนี้แหละ แล้วคุณกราฟอยู่แถวนี้เหมือนกันเหรอครับ”
“ค่ะ” ที่แท้เธอก็อยู่ใกล้ผมแค่ปลายจมูกนี่เอง ผมยิ้มให้กราฟด้วยความเขินที่เราสองคนเผลอสบตากัน “เจอหมอพีทก็ดีแล้วค่ะ คือเมื่อวานกราฟไม่รู้จริง ๆ ว่าหมอเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาเหนื่อย ๆ นี่ก็ชวนคุยไม่หยุดเลย…” เธอทำหน้าเศร้าราวกับว่าเรื่องเมื่อวานเป็นความผิดหนักหนา ผมจึงยิ้มให้กราฟด้วยสีหน้าผ่อนคลายสุด ๆ
“เรื่องแค่นี้เองครับ จริง ๆ ผมว่างนั่นแหละและไม่ได้เหนื่อยอะไรมากด้วย”
“แต่กราฟก็รู้สึกผิดอยู่ดี งั้นขอเลี้ยงข้าวหมอเลยแล้วกันค่ะ”
“คะ… ครับ” เธอจับมือผมแน่นก่อนจะออกแรงลากผมให้เดินตามไปร้านโจ๊กที่อยู่ล็อกถัดไป การกระทำอุกอาจของเธอทำเอาหัวใจผมแทบวายทุกครั้งไป อันตรายต่อหัวใจจริง ๆ
“หมอกินอะไรดีคะ”
“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่เลย”
“งั้นกินกราฟไหม ไม่อ้วนแน่นอน” เธอพูดประโยคนั้นออกมาเหมือนมันเป็นคำพูดปกติที่ผู้หญิงควรพูดกับผู้ชายที่ไม่ได้สนิท เธอไม่ถือตัวแถมยังทำผมแปลกใจและทึ่งในคราวเดียวกันด้วย
“หึหึ ก็ถ้ากินแล้วไม่อ้วน… ผมก็อยากลองเหมือนกันนะครับ” ครั้งนี้ผมตอบเธออย่างยิ้ม ๆ จะให้ผู้หญิงมาหยอกล้อด้วยคำพูดติดสิบแปดบวกแบบนั้นได้ยังไง เสียชาติเกิดหมด
“… ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองค่ะ” แต่คำตอบที่ผมได้รับก็ทำเอาใบ้กินไปชั่วขณะหนึ่งเหมือนกัน เธอมันผู้หญิงสายรุกจริง ๆ
“ครับ ผมว่าสั่งอาหารดีกว่า” ผมรีบเปลี่ยนบทสนทนาเพราะเห็นแววตาวูบไหวของอีกฝ่าย จากนั้นจึงสั่งปาท่องโก๋ไปห้าตัวพร้อมกับสังขยาใบเตยหอม ๆ มาอีกหนึ่งถ้วยเล็ก ๆ
“หมอชอบกินของหวานเหรอคะ”
“ครับ เวลาได้กินอะไรหวาน ๆ มันทำให้รู้สึกดี”
“แต่แปลกนะคะ คนชอบกินของหวานดันไม่อ้วน ดูกราฟดิ… ไม่ได้ชอบของหวานอะไรมากมายแต่อ้วนมาก” ผมยังไม่เห็นส่วนไหนที่เธอบอกว่าอ้วนเลย จะมีก็แต่… อ๊ะ! ไอ้หมอคิดเหี้ยไรเนี่ย! ผมก้มหน้าหลุบตามองแก้วน้ำ
“ไม่อ้วนหรอกครับ”
“ไม่อ้วนเหรอคะ แต่กราฟแขนใหญ่มากเลยนะ” เธอยังยกแขนขึ้นให้ผมดูแต่ดูยังไงก็ไม่อ้วนอยู่ดีอะ “กราฟทำงานอยู่ในห้อง นั่งทั้งวัน ไม่ได้ออกกำลังกายด้วยตูดบานหมดแล้วเนี่ย”
“ครับ…” แปลก ผู้หญิงคนนี้โคตรแปลกเลย เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นต้องพูดเรื่องแบบนั้นนี่… แต่เธอพูดมันออกมาด้วยสีหน้าปกติไม่มีความเขินอายอะไรเลย อา… แปลกไปหมด ตอนนี้ผมรู้สึกประหม่าผู้หญิงคนนี้ไปหมดเลย
“ลองชิมปาท่องโก๋หน่อยได้ไหมคะ อยากรู้ว่าอร่อยไหม”
“ครับ” หลังจากที่ผมหยิบปาท่องโก๋ตัวหนึ่งขึ้นมาจิ้มสังขยาแล้วผมเลื่อนจานปาท่องโก๋ไปหาเธอ ทว่ากราฟกลับยืดตัวขึ้นมาแล้วอ้าปากกินปาท่องโก๋ในมือผมหน้าตาเฉย ทำเอาผมอึ้งตาค้างกับการกระทำของเธอเลย
“อร่อยดีนะคะ หวาน… หอม… น่ากินสุด ๆ” ให้ตายสิ นี่อย่าบอกว่าเธอกำลังอ่อยผมนะ หรือว่าเธอกำลังจีบผมทางอ้อมเหรอ ไม่ ๆ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ไม่พีท อย่าคิดแบบนั้น ผมเหลือบตามองทางอื่นทันทีที่กราฟส่งยิ้มให้ ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นาฬิกาที่ใส่มาแจ้งเตือนค่าหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ
“โจ๊กมาแล้วค่ะ” เธอส่งเสียงเจื้อยแจ้วหันมองแม่ค้าที่นำโจ๊กหมูมาเสิร์ฟผมกับกราฟ จากนั้นเราสองคนจึงจัดการกับโจ๊กหมูและไอ้ปาท่องโก๋บ้าที่ทำเอาหัวใจผมเกือบวาย “หมอไม่ต้องจ่ายค่ะ กราฟบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง”
“อ๋อครับ” ผมที่กำลังจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ต้องชะงักค้างเมื่อเธอยกมือขึ้นมาห้ามไว้ กราฟหยิบกระเป๋าเงินสีหวานแหว๋วของเธอออกมาจากกระเป๋าผ้าสีขาวลายปักดอกทานตะวันที่วางอยู่ข้างกาย จากนั้นก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งให้แม่ค้าไป ผมรู้สึกเขินนิดหน่อย ปกติจะเป็นคนจ่ายมากกว่า ขนาดไปกับไอ้เบญยังต้องจ่ายให้มันเลย
“เรียบร้อยค่ะหมอ เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะคะ”
“ครับ” ผมกับกราฟเราสองคนเดินออกมาจากร้าน “ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะครับคนสวย"
“ค่ะ หมอเองก็ด้วยนะคะ ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถหมอนะ อ่อ! รถหมอสวยดีนะคะ” หลังจากพูดจบเธอก็ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจจนตาหยีแล้วเราสองคนก็แยกย้ายกันไปคนละทาง แปลกที่หัวใจผมยังไม่หยุดเต้นแรงเลย มันกระหน่ำเต้นแรงราวกับมีคนมารัวกลองชุดในนั้นจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้
“เฮ้อ…” ผมพรูลมหายใจออกอย่างหนักแล้วขึ้นรถขับกลับห้องพัก เพื่อพักผ่อนต่ออีกนิดหน่อย เย็นนี้ต้องเตรียมใจและเตรียมตัวรับมือกับผู้หญิงที่ชื่อกราฟอีก ตั้งแต่เธอเข้ามารู้สึกว่ากราฟชีวิตผมมันก็พุ่งสูงทุกวัน