EP : 11
“อ่าส์! มิ้งค์! เธอรู้ไหมว่าฉันไม่เคยยอมให้ใครเอาแต่ใจกับฉันนอกจากขวัญเอย แต่ตอนนี้เธอกำลังดื้อกับฉันมากกว่าที่ขวัญเอยเคยดื้อใส่อีกนะ เธอแม่งเป็นอะไรนักหนาวะทำไมต้องดื้อกับฉันทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน แล้วฉันแม่งเป็นห่าอะไรทำไมต้องมายอมเธอด้วยวะ!”
“...ฉันจะไปรู้กับคุณเหรอคะ”
“...” พอบอกไปตามความจริงเขาก็หันมามองตาขวาง
“อะไรล่ะคะก็ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเป็นห่า เอ่อ เป็นอะไร” เกือบไปแล้วมิ้งค์เอ้ย
“แม่ง” เขาสบถออกมาเบา ๆ แล้วก็หันกลับไปขับรถแถมยังขับเร็วมากด้วย
“คุณ ๆ ขับช้าลงหน่อยได้ไหมเนี่ยจะขับอะไรเร็วขนาดนี้”
“เงียบซะ”
“เอ้า! จะเงียบได้ไงก็ฉันกลัว ขับช้า ๆ เลยถ้าขับไม่ช้าฉันจะ ว้าย!”
บรื๊น!!!
“คุณ!” ยิ่งพูดยิ่งเหยียบรถใส่มันใช่เรื่องไหมเนี่ย!
“ถ้าเธอไม่หุบปากฉันจะขับให้เร็วกว่านี้”
“...ว่าฉันดื้อแต่คุณน่ะทั้งโคตรดื้อทั้งโคตรเอาแต่ใจเลย!”
“อ่าส์!” เขาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วก็เหยียบเบรกจนหัวฉันทิ่มไปข้างหน้า
เอี๊ยด!
“คุณ!”
“ก็ขับช้าแล้วจะเอาอะไรอีกวะ ขับเองไหม?”
“ไม่!” ใครจะไปขับล่ะแค่ขับอีโคคาร์คันเล็ก ๆ ก็เบียดฟุตบาทประจำจะให้ขับรถของเขาที่คันใหญ่แถมยังหลายล้านอีกนี่นะ ถ้าไปเบียดอะไรขึ้นมาแม้แต่ซ่อมสีกระจกมองข้างฉันว่าฉันก็ไม่น่าจะมีปัญญา
“ถ้าไม่ขับเองก็หุบปากของเธอซะ”
“...” สั่งเก่ง!
ฉันฟึดฟัดใส่แล้วก็สะบัดหน้าไปมองด้านข้างเพราะไม่อยากเห็นเขาแม้แต่ระยะหางตาก็ไม่ต้องการ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“ว่าไงเอย”
(พี่แทนอยู่ไหนคะ) เขาเชื่อมบลูทูธกับรถยนต์ฉันเลยได้ยินเสียงยัยเอยไปด้วย
“กำลังจะเข้าเมือง”
(ไปกับยัยมิ้งค์เนี่ยนะ?)
“เรารู้ได้ไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นนะคะที่ยัยเอยรู้เพราะเราสามารถบอกยัยเอยได้ว่าเรากำลังแกล้งเป็นแฟนกันเพื่อกันไม่ให้ยัยพริ้งพลอยเข้ามาวุ่นวายกับเขา
(พี่ที่แผนกเขาเห็นค่ะ)
“...” ฉิบหาย!
“อ่อ” อีตานี่ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ไหนสัญญาว่าจะไม่มีใครรู้นอกจากยัยพริ้งพลอยไง ฉันว่าพรุ่งนี้คนต้องรู้กันเยอะแน่นอนว่าฉันกับอีตานี่แอบกุ๊กกิ๊กกัน เฮ้อ!
(ยังไงคะ?)
“รู้เรื่องที่มีนักศึกษาฝึกงานมาใหม่วันนี้ไหม”
(ไม่ค่ะ ไม่เห็นพี่แทนบอกนี่คะ)
“อื้มกระทันหันน่ะพี่เลยไม่ได้บอก เขาเป็นลูกสาวพ่อเลี้ยงอเนกไร่ที่แม่แตงไม่รู้เราจำได้ไหม”
(อ๋อ~ พริ้งพลอย เอยจำได้แล้ว จำได้ด้วยว่าเขาชอบพี่แทน อิอิ)
“ไม่ขำนะเอย”
(ฮ่า ๆๆ แล้วยังไงคะ อย่าบอกนะคะว่าเอาเพื่อนเอยไปเป็นไม้กันหมา?) ขวัญเอยเพื่อนฉันเป็นคนฉลาดค่ะ ฉลาดมาก ๆ พี่ชายพูดแค่นี้ก็พอจะเดาอะไรต่าง ๆ ได้เยอะแล้ว
“ก็ประมาณนั้น”
(โอเคค่ะ ให้ยืมตัวเพื่อนไปช่วยก็ได้แต่ห้ามดุเพื่อนเอยเด็ดขาด พี่แทนชอบทำหน้าดุยัยมิ้งค์ไม่รู้จะทำหน้าดุใส่ทำไม)
“พี่ไม่ได้ดุซะหน่อย” ดุเถอะ โคตรดุเลยนึกว่าหมาร็อตไวเลอร์ -_-
(ค่า ไม่ดุก็ไม่ดุ ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะคะเอยแค่โทรมาถามข่าวเฉย ๆ นึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีกถึงได้ออกไปข้างนอกกันสองคน)
“อื้ม เราก็รีบกินข้าวแล้วก็พักผ่อนซะพี่คงไม่ได้กลับไปกินข้าวด้วยนะวันนี้”
(โอเคค่ะ ดูแลเพื่อนเอยดี ๆ น้า)
“อื้ม เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน” ใช้คำว่า เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน งั้นเหรอ? เหอะ! ตามมารยาทก็ต้องพาฉันไปเลี้ยงข้าวอยู่แล้วไม่ใช่รึไงยะ
(โอเคค่ะ ฝากบอกมิ้งค์ด้วยว่าเที่ยวให้สนุกน้า)
“ไม่ได้ไปเที่ยวกันซะหน่อย” ฉันเผลอพูดออกไปทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่มารยาทที่ดี แต่ช่างเถอะเขาก็ไม่ค่อยมีมารยาทกับฉันเท่าไหร่หรอก แฟร์ ๆ กันไปก็แล้วกันไอ้เรื่องมารยาทอะไรนั่น
(เอ้า! ฟังอยู่เหรอเพื่อน)
“อื้อ”
(โอเค~ ถ้างั้นไม่กวนแล้ว เชิญคุณพี่ชายกับคุณเพื่อนไปเดทกันให้สนุกนะคะ)
“ไม่ได้เดท! / ไม่ได้เดท”
ติ๊ด!
ฉันกับเขาพูดออกมาพร้อมกันแต่ยัยเอยไม่นาจะฟังเพราะตัดสายไปทันที เฮ้อ! ฉันว่าหลังจากนี้ยัยเอยต้องเอามาล้อแน่ถึงยัยเพื่อนจะรู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายตัวเองเอาฉันมาเป็นไม้กันหมาแต่สุดท้ายก็ต้องเอาคำว่าแฟน (ปลอม ๆ) มาล้อแล้วก็เชียร์ให้เป็นแฟนกันจริง ๆ แน่นอน
“กลับไปถึงคุณไปสั่งยัยเอยด้วยนะคะว่าห้ามล้อฉันเรื่องของคุณ”
“เพื่อนเธอเธอก็ไปสั่งเองสิ”
“ฉันจะไปสั่งได้ยังไงฉันเป็นแค่เพื่อน คุณเป็นพี่ชายคุณสั่งได้มากกว่านะคะ”
“ฉันสั่งไม่ได้หรอก เธอดื้อกว่าเธอสั่งคนที่ดื้อน้อยกว่าเธอได้แน่นอน”
“ฉันไม่ได้ดื้อนะคุณ” ฉันเถียงกลับไปทันควัน
“ไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้น ถ้าไม่ได้ดื้อจริง ๆ ช่วยทำให้เห็นหน่อยสิ”
“ไม่” ฉันตอบเขาทั้งช้าและชัดเจน ดื้อในมุมมองของเขาคือแบบไหนฉันไม่รู้หรอกแต่ที่ฉันรู้คือฉันไม่เคยไปดื้ออะไรกับเขาแน่นอน ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วฉันจะไปดื้อใส่เขาได้ยังไงล่ะอีตานี่ประสาทไปเองชัด ๆ
หลังจากคำนี้ที่ฉันพูดออกไปเราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกซึ่งมันดีมากเพราะได้พักทั้งปากได้พักทั้งสมอง
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงในเมืองฉันไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่นี่ครั้งแรกเลยนะคะพอเข้ามาก็เลยตื่นเต้นมาก ๆ เอาแต่มองสองข้างทางเผื่อบังเอิญเจอร้านหรือแลนด์มาร์คที่เขาชอบรีวิวกัน
“ดูเธอตื่นเต้นนะ”
“คะ?” ฉันหันไปมองหน้าเขาทันทีที่เขาพูดประโยคแรกหลังจากที่ไม่พูดอะไรเลยมาเกือบสี่สิบนาที
“ดูเหมือนเธอตื่นเต้น”
“ก็...ค่ะ ฉันไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่”
“จริงเหรอ?”
“ค่ะ ไม่เคยมาเที่ยวแต่ชอบที่นี่มากเลยนะคะ อยากมามากเคยคิดไว้ว่าครั้งแรกจะมากับแฟน” ฉันเผลอพูดให้เขาฟังแต่ช่างเถอะไม่เป็นไรหรอกเขาก็คงไม่ได้สนใจคำพูดอะไร
“หึ ๆๆ ก็ได้มาแล้วนี่ไง” อ้าว! นึกว่าจะฟังผ่าน ๆ
“แฟนปลอม ๆ เนี่ยนะคะ ไม่อินสักนิด”
“หึ ๆๆ” เขาหัวเราะในลำคอแต่ไม่พูดอะไรแล้วก็ขับรถเข้าไปจอดในตลาดแต่คนเหนือเขาเรียกว่ากาด
“มากาดทำไมคะ”
“มาหาของกินไง เดินเล่นกาดแล้วหาของกินฆ่าเวลาดีกว่า ที่นี่มีแต่ของอร่อย”
“ถ้างั้นมีเวลาให้กี่ชั่วโมงคะ” ฉันถามพร้อมกับลงรถไปด้วยเพราะเขาเองก็กำลังลงจากรถ
“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้ฉันไม่ได้มีธุระต้องไปไหนอยู่แล้ว”
“โอเคค่ะ ถ้างั้นอีกสักชั่วโมงครึ่งมาเจอกันที่รถนะคะ”
“เจอกันที่รถ?”
“ค่ะ หรือคุณอยากเจอที่ไหนล่ะคะ แต่ฉันว่าเจอที่รถนี่แหละสะดวกที่สุดแล้ว”
“ประสาท ฉันไม่ได้บอกว่าให้แยกกันเดินเล่นซะหน่อย” เขาดุออกมาแล้วเดินมาหาฉัน แต่เมื่อกี้ว่าไงนะ จะไม่แยกกันเดินเหรอ
“คุณจะเดินกาดกับฉันน่ะเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่แน่ใจแล้วก็ไม่อยากแน่ใจด้วย
“อื้ม ทำไม”
“ไม่เอาอ่ะ เราสองคนไม่ได้สนิทกันจะไปเดินเล่นด้วยกันได้ยังไง แยกกันเดินนี่ล่ะค่ะอยากดูอะไรกินอะไรนั่งตรงไหนจะได้ทำตามสบาย”
“ไม่ ไปด้วยกันนี่แหละ เธออยากมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกกับแฟนไม่ใช่รึไง มาเถอะน่าถึงจะเป็นแฟนปลอม ๆ แต่ก็ไปเที่ยวด้วยกันได้ไม่เป็นไรหรอก” คำพูดของเขาทำฉันขมวดคิ้ว
“อะไรของคุณเนี่ย” ไม่อยากจะได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของอีตานี่เลย มันรู้สึกแปลก ๆ ที่หูกับใจยังไงก็ไม่รู้ แต่พอฉันถามเขาก็แค่กระตุกยิ้มแล้วยื่นมือมาข้างหน้า
“มาเถอะ ฉันดึงเธอมาเจอเรื่องลำบากใจวันนี้ขอชดเชยให้เธอหน่อยก็แล้วกัน เอามือมาเดี๋ยวแฟนปลอม ๆ อย่างฉันจะพาเธอเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกเอง”
“...” ฉันเงียบแล้วก็มองมือใหญ่ที่ยื่นมาหาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
หมับ~
“อะไรล่ะคุณ” ฉันรีบถามทันทีที่เขาขยับมาใกล้แล้วก็จับมือฉันซะเอง
“ลีลา” เขาพูดแค่นี้แล้วเดินจูงมือฉันเข้าไปในกาดทันทีโดยที่ไม่มีคำพูดอะไรอีกเลย
“...” ทำไมรู้สึกแปลก ๆ นะมิ้งค์ อย่ารู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ได้ไหมมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะก็รู้ตัวอยู่ไม่ใช่รึไง
พอเราเดินเข้ามาในกาดฉันก็พยายามชักมือออกแต่เขาไม่ปล่อยเลย นอกจากไม่ปล่อยยังแกล้งฉันด้วยการจับมือฉันแน่นกว่าเดิม
“คุณ”
“อื้ม ว่าไง”
“ไม่ต้องจับแล้วมั้ง”
“ไม่ได้ ต้องจับเดี๋ยวไม่เหมือนแฟนมาเที่ยวด้วยกัน”
“ไม่ได้มีใครคิดว่าเราเป็นแฟนกันซะหน่อยไม่ต้องแสดงละครแล้วค่ะ จะเดินหาของกินด้วยกันฉันก็โอเคนะแต่ไม่ต้องจับมือหรอก” พอฉันพูดจบเขาก็หันมามองหน้าฉัน
“เธอคิดว่าฉันหล่อขนาดนี้แล้วมาเดินกับผู้หญิงหน้าตาพอไปวัดไปวาได้อย่างเธอคนเขาจะไม่คิดว่าเราเป็นแฟนกันรึไง”
“อะไรนะ? หน้าตาพอไปวัดไปวาได้เหรอคะ”
“อื้ม ทำไมฉันพูดผิดตรงไหน”
“...” ผิดสิ! โคตรผิดเลยเพราะฉันมันคือคนสวย! ฉันสวยระดับนางฟ้าไม่ใช่ระดับพอไปวัดไปวาโว๊ย!
“อะไรทำไมต้องเอาแต่มองหน้าฉัน มองทำไม...ชอบฉันรึไง” โห~ หน้าตาตอนถามว่าชอบฉันรึไงโคตรมั่นหน้าเลยให้ตายเถอะ
“เหอะ! ฉันเคยบอกไปแล้วว่าไม่มีทางชอบคุณค่ะแต่ที่ฉันมองหน้าเพราะคุณหาว่าหน้าตาฉันพอไปวัดไปวาได้ต่างหาก”
“อ่อ ไม่พอใจที่ฉันว่าเธอไม่สวย”
“ใครจะไม่พอใจล่ะคะในเมื่อฉันสวย” บอกตรง ๆ นะคะกับอีตานี่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องวางฟอร์มเลยเพราะอะไรรู้ไหม ไม่ใช่เพราะอยู่ใกล้แล้วสบายใจหรอกนะแต่เป็นเพราะเขาไม่ได้ถูกจัดอยู่ในโหมดผู้ชายที่อยากจะได้มาเป็นแฟนไงเลยไม่ต้องวางฟอร์มหรือคีพลุคอะไรทั้งนั้น
“หึ ๆๆ สวยของคนเรามันไม่เท่ากันหรอกนะ” ฉันเกลียดสายตากับรอยยิ้มของเขาตอนนี้ที่สุดเลย!
“แสดงว่าแบบฉันในสายตาคุณนี่คือไม่สวยงั้นสิคะ”
“อืม” โหตอบมาแบบไม่ลังเลเลยสักนิด เสียใจไหมก็ไม่หรอกเสียหน้ามากกว่า
สวยขนาดนี้แต่กล้าบอกว่าไม่สวยในสายตาเขานี่นะ! อย่างน้อยบอกว่าก็สวยหรือสวยอยู่ยังจะไม่เคืองเลย!
“จะซื้ออะไรมากินรองท้องก่อนไหม” เหอะ! เปลี่ยนเรื่องง่าย ๆ เลยนะยะอีตาหน้าหล่อ
“...โรตีแล้วกันค่ะ” ฉันนิ่งเพราะอารมณ์เสียแล้วก็ได้กลิ่นโรตีพอดีเลยตัดสินใจกินดีกว่า อารมณ์ลองเอาของกินหวาน ๆ มัน ๆ มาดับความหงุดหงิดเผื่อจะดีขึ้น
“เอาแบบไหนเดี๋ยวไปซื้อให้”
“ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวไปซื้อเอง” ไม่ต้องไปซื้อให้ให้เป็นบุญคุณหรอก!
“โอเค” เขาพยักหน้าตกลงง่าย ๆ ฉันก็ชักมือกลับแล้วเดินไปที่ร้านโรตีทันที อารมณ์ไม่ดีขอโรตีใหญ่ ๆ ใส่นมเยอะ ๆ สักชิ้นเถอะจะเอาไปฟาดปากอีตานั่น!
#MING END
#TANKUN TALK
ผมมองยัยเด็กที่โคตรดื้อที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเดินไปสั่งโรตีด้วยท่าทางการเดินที่มองผ่านตาก็ยังรู้ว่ากำลังหัวเสียแล้วก็ได้แต่แอบยิ้มมุมปาก
สวยของแต่ละคนไม่เหมือนกันมันคือเรื่องจริง ผมพูดความจริง แล้วในสายตาของผมเธอก็ไม่สวยจริง ๆ แต่เธอ...สวยมาก ต่างหากล่ะ