บท
ตั้งค่า

เกลียด

“คืนนี้สี่ทุ่ม คุณภาสต้องไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าของคุณหญิงอารยานะครับ” มังกรอ่านตารางงานของผู้เป็นนายด้วยเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์และน่าฟัง ส่วนเขาก็ยืนรับลมเย็นๆผ่านหน้าต่างบานใหญ่มองออกไปชมวิวด้านนอกของตัวเมืองอยู่ที่ชั้นสิบแปดพลางจิบชาร้อนๆไปด้วยอย่างผ่อนคลาย

“อืม เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยละกัน”

เขาคือ ภาส วิชญ์ภาส กิเลนารินทร์ มาเฟียหนุ่มลูกหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ 32 ปี แต่ธุรกิจที่เขาทำนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนจนต้องขนานนามให้เขาว่า ชายผู้อุทิศชีวิตจิตใจให้กับงาน อีกทั้งเรื่องความรักยังไม่เคยมีมากวนใจถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะรูปงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ร่างกายก็สมบูรณ์แบบเหมือนนายแบบระดับต้นๆของประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีทายาทตัวน้อยอายุถึง 6 ขวบ ถึงแม้ว่าทั้งชีวิตจะไม่เคยแต่งงานก็ตาม

“ครับ”

“แล้วเรื่องของสองคนนั้น เรียบร้อยดีไหม” วิชญ์ภาสถามบอดี้การ์ดคนสนิทขึ้นมาเรียบๆซึ่งมังกรก็เข้าใจดีว่าชายหนุ่มนั้นหมายถึงเรื่องอะไร

“เรียบร้อยแล้วครับ แต่ผู้หญิงที่ชื่อณิชายังสติแตกอยู่”

“อืม เรื่องของพวกมัน ขอแค่พวกมันออกไปก็พอละ จะได้ทุบเอาที่มาทำคลับใหม่” เขากล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย ไม่มีความสงสารใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ใช่ญาติติโกโหติกาของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น

และในขณะที่ทั้งสองกำลังถามไถ่ถึงเรื่องงานอยู่นั้น ก็ได้มีสาวน้อยวัยหกขวบตัวป้อมๆผมยาวสลวยแสนน่ารัก ถึงกลางหลังสวมชุดเดรสยาวถึงเข่าค่อยๆย่องเข้ามาเบาๆเนื่องจากปกติแล้วเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาห้องทำงานห้องนี้

“ภา!” สาวน้อยสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงตะคอกของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆ

เธอคือ ภา ภาวิกา กิเลนารินทร์ ลูกสาวคนเดียวของวิชญ์ภาสกับภาวินีสาวไทยที่เขาเคยเจอในคลับที่อเมริกาเมื่อหลายปีก่อน และได้มีความสัมพันธ์กันแบบ one night stand แต่เธอกลับท้องลูกของเขา แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะยังไงฐานะเขาก็พร้อมกว่าเธออยู่แล้ว จึงเลี้ยงดูภาวิกามาตั้งแต่เกินและช่วงปิดเทอมเธอก็จะไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศ ทีแรกชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าการเลี้ยงดูใครสักคนมันจะยากขนาดนี้ จนได้มีลูกเป็นของตัวเองจึงได้รู้ว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่แต่เพียงเลี้ยงให้เขาโตขึ้นแต่เขายังต้องมอบเวลาและความรักให้ลูกด้วย ซึ่งเขาก็ยังทำไม่ได้เหมือนพ่อคนอื่นๆ

“อึก...คะ” สาวน้อยตอบด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับมองลึกเข้าไปที่นัยตาของวิชญ์ภาสอย่างตั้งใจแต่ก็เกรงกลัวอยู่ไม่น้อย

“เข้ามาทำไม ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามาห้องทำงานฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต”

“ขอโทษค่ะคุณพ่อ หนูแค่มาเก็บลูกบอล” พอเธอเอ่ยจบสาวน้อยก็รีบเดินไปเก็บลูกบอลยางสีชมพูหวานแหววที่กลิ้งเข้ามาอย่างเร่งรีบ จากนั้นมังกรก็รีบเดินเข้าไปหาเธอทันทีเพราะกลัวว่าวิชญ์ภาสจะขึ้นเสียงใส่ลูกสาวจนเสียขวัญ

“ไปครับคุณหนู ไปเล่นกับพี่ต้องตาข้างล่างดีกว่านะครับ ตอนนี้คุณพ่อของคุณหนูงานยุ่งมากเลย”

“ค่ะ” เมื่อสิ้นสุดคำสั่งของมังกรภาวิกาก็เดินคอตกออกไปนอนห้องแต่โดยดี จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตนเองที่อยู่ข้างๆ

“อย่าถือสาคุณหนูเลยนะครับ เธอยังเด็ก”

“เออ มันก็ลูกกูไหมล่ะ”

เพล้ง!

“ออกไปคนหัวขโมย ออกไปเลยนะ น้องภาเกลียดหัวขโมย!” ยังไม่ทันถึงสองนาทีเสียงข้าวของก็แตกกระจายดังออกมาจากห้องของภาวิกาพร้อมกับเสียงของเธอที่ตะคอกเสียงดังลั่นบ้าน

“คุณหนูคะอย่าทำแบบนี้ค่ะ โอ๊ย! คุณหนู”

“ก่อเรื่องอะไรอีกละเนี่ย” ถึงแม้ว่าวิชญ์ภาสจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายแบบนั้นแต่เขาก็รีบวิ่งไปยังห้องนอนของภาวิกาอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย

และเมื่อไปถึงเขาเองก็แทบช็อคเมื่อภาวิกากำลังปาของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่พี่เลี้ยงของตนเองจนหัวแตกเลือดไหลซิบ มันทำให้วิชญ์ภาสโกรธมากที่เห็นลูกสาวตัวน้อยทำแบบนั้น

“หยุดนะภาวิกา! เธอทำอะไรของเธอฮะ!”

“คุณหนูเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ จู่ๆก็ปาของเล่นใส่ต้องตาแบบนี้”

“ทำไมเป็นคนแบบนี้ เธออยากให้ฉันโกรธหรอ” คนเป็นพ่อมองลูกสาวด้วยดวงตาแข็งกร้าว โกรธจนไฟโทสะลุกโชนควบคุมไม่ได้ ยิ่งภาวิกาถูกมองแบบนั้นร่างเล็กก็สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะโดนลงโทษเพราะเธอรู้ดีว่าบทลงโทษจากเขานั้นน่ากลัวแค่ไหน

“อึก คุณพ่อเกลียดน้องภาหรอคะ ทำไมถึงมองน้องภาแบบนั้น”

“ใช่ ฉันเกลียดโดยเฉพาะเด็กดื้ออย่างเธอ!”

“ฮึก ทำไมถึงเกลียดน้องภาคะ ทีพี่ต้องตาขโมยกำไลเพชรของน้องภาซ่อนไว้ที่นม ทำไมคุณพ่อไม่เกลียด คุณพ่อใจร้าย ฮือๆ”

“ป..เปล่านะคะ แหม คุณหนูภาใส่ร้ายพี่ทำไมคะ” เมื่อประโยคดังกล่าวหลุดออกมาจากปากของลูกสาวนั้นก็ยากที่จะเมินเฉย ชายหนุ่มมองไปยังต้องตาพี่เลี้ยงของลูกสาวทันที

“ลากตัวมันออกไปค้น!”

“ด..เดี๋ยวสิคะ ต้องตาไม่ได้ทำ คุณหนูใส่ร้ายต้องตา” คำสั่งของวิชญ์ภาสถือว่าเป็นคำขาดลูกน้องทุกคนไม่สามารถขัดใจได้ นอกจากลากตัวพี่เลี้ยงของภาวิกาออกไปค้นตามคำสั่ง เมื่อเขาสั่งให้ลูกน้องจัดการพี่เลี้ยงหัวขโมยแล้วเขาก็หันหน้ามามองลูกสาวที่ตอนนี้เสียงขวัญและยืนสะอึกสะอื้น ร้องไห้น้ำตาท่วมแต่พยายามกลั้นเสียงไว้เพราะพ่อของเธอไม่ชอบให้เธอร้องไห้เสียงดัง เพราะถ้ามีเสียงเล็ดลอดออกมาเมื่อไหร่เธอก็จะถูกดุด่าอีก ภาวิกาจึงเลือกที่จะค่อยๆก้าวเดินหนีชายหนุ่มไปตัวคนเดียวโดยไม่สนใจเขา

“หยุดเลยนะ ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอไป” แต่เธอก็ไม่ฟัง ยังเดินหน้าลงไปยังชั้นล่างแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย วิชญ์ภาสเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ใช้อารมณ์กับลูกอีกทั้งๆที่ตอนนี้บอกว่าพยายามใจเย็นลง

“ภาวิกา!”

“อึก ฮึกๆ”

“มันดื้อเหมือนใครวะ!”

00:00 น.

@ร้านเจ๊แบม

“ไม่เป็นไรนะณิชา อย่างน้อยพวกมึงสองคนก็ยังมีเจ๊ไง” เจ๊แบมยังคงปลอบใจสองพี่น้องอยู่ไม่ห่างถึงแม้จะรู้ว่ายังไงมันก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาหายเศร้าจากการสูญเสียทั้งแม่และบ้านได้ก็ตาม

“อื้ม ขอบคุณนะเจ๊แบม เจ๊โคตรใจดีเลยว่ะ”

“พวกมึงสองคนก็เหมือนน้องแท้ๆของกูนั่นแหละ พี่น้องยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”

“ผมรักเจ๊ที่สุดเลย ถ้าผมได้เป็นหมอเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะรักษาเจ๊ฟรีเลยนะ” นาวินโผเข้ากอดเจ๊แบมแน่นเหมือนตอนที่เขากอดคนเป็นแม่ เพราะพวกเขารักเจ๊แบมมากไม่ว่าจะตกทุกข์ได้ยากเจ๊แบมก็คอยเป็นคนให้แสงสว่างเปิดทางออกให้เสมอ

“เออ ให้กูใกล้ตายก่อน แต่ตอนนี้เจ๊ต้องไปรับแขกก่อนนะ”

“โอเค เดี๋ยวผมช่วยเสริฟนะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน นอนดึกได้”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาขยะไปทิ้งหน้าร้านให้ละกัน”

"โอเค"

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน และณิชาก็เดินหิ้วถุงสีดำที่บรรจุขยะออกมาทิ้งหน้าร้านทว่าสายตากับไปสะดุดเข้ากับเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามร้าย

“ฮือๆ”

“ผีหรือคนวะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับสังเกตุให้ชัดว่าใช่คนหรือไม่ และถ้าเป็นเด็กจริงๆก็คงจะหลงกับพ่อแม่เพราะที่นี่มักมีเด็กหลงมาเป็นประจำ

“หนู ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นลูก”

“ฮือๆ” เมื่อสาวน้อยคนนั้นได้ยินเสียงของเธอร้องเรียกก็ยิ่งร้องเสียงดังเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ใช่แค่ร้องไห้เฉยๆเพราะตอนนี้เด็กสาวคนนั้นลุกขึ้นและวิ่งพุ่งตรงมาเตรียมข้ามถนนมาหาณิชาเหมือนเด็กที่ตื่นกลัวอะไรสักอย่าง แต่สาวน้อยนั้นคงไม่ทันระวังเนื่องจากตอนที่เธอวิ่งมานั้นกลับมารถเบนซ์คนหรูขับผ่านมาพอดี

“เฮ้ยอย่า!”

ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel