EP.2 R.I.P GrandMother.
EP.2 LOVE LIE
"พอเถอะจ้ะยาย..พอเถอะนะป้า” ฉันพูดขึ้นแบบลำบากใจ
“เอาเป็นว่า ถ้าฉันฝึกสอนจบ ก็จะลองสมัครสอบเข้าเป็นครูดูนะ”
“ถ้าฉันมีเงินเดือนแล้ว ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งน้อง ทิ้งลุงทิ้งป้าหรอกจ้ะ” ฉันพูดไปอย่างไม่ได้หวังอะไร
“อื้ม ๆ ก็ขอให้โชคเข้าข้างเอ็ง” ป้าจันทร์พยักหน้า
“ป้าก็แค่หวังดี อยากให้เอ็งสบาย” ป้าแกก็พูดแบบปัด ๆ ไป และพวกเราก็เริ่มกินข้าวต่อ
________________________
“ฉันกลับแล้วนะแม่” ป้าจันทร์ยกมือไหว้ลายายเพื่อกลับไปยังบ้านของแกที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน
“เอ็งนี่ทำอาหารอร่อยมากเลยนะจันทร์” ยายเอ่ยชม ๆ ป้าจันทร์
“อร่อยจนมื้อสุดท้ายเลย” ยายพูดต่อ ทำเอาป้าจันทร์หน้าเสียเล็กน้อย
“พูดอะไรแบบนั้นแม่” ป้าจันทร์แอบทักท้วงยายเล็กน้อยด้วยท่าทีไม่พอใจหนัก
“พรุ่งนี้ทำแกงฮังเลมาให้กินอีกนะ” ยายสั่งอาหารที่แกชอบไป
“ได้ ๆ แต่ทรัพย์สมบัติน่ะอย่าลืมยกให้ฉันเยอะ ๆ นะ ไม่ใช่ให้แต่คนข้าง ๆ” ป้าจันทร์แกก็พยักหน้ารับเช่นเคย ๆ และแอบประชด ๆ ทางฉันเชิงหยอก ๆ
“สวัสดีจ้ะป้า” ฉันก็ยกมือไหว้ลา ตามมารยาท
“พรุ่งนี้เจอกัน อย่าลืมเอาเรื่องที่ป้าพูดไปคิดด้วยละ” ป้าจันทร์ตอบแบบห้วน ๆ
“ถ้าเอ็งสบาย ยายเอ็งก็สบายนะนังเพลง” ป้าทิ้งท้ายก่อนจะถือกับข้าวที่เหลือ
เดินกลับไปยังบ้านของแก ที่อยู่ห่างออกไป บนพื้นที่ 20ไร่ที่กว้างใหญ่นี้
ฉันส่งยายเข้านอนตามปกติ เช่นทุก ๆ คืน
“ถ้าไม่มียายเป็นภาระ ป่านนี้พิณคงมีชีวิตวัยรุ่นที่มีความสุขกว่านี้เนอะ"
“ได้ออกไปเที่ยว ไปทำงานพิเศษเพิ่ม มีเพื่อนมีฝูง และคงมีรายได้ไว้เก็บใช้เองเยอะกว่านี้” ยายพูดขณะที่ฉันห่มผ้าให้กับท่าน
"ยายพูดอะไรแบบนั้นจ้ะ” ฉันส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยที่สุด
“ยาย การที่หนูมียายคือสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกว่า หนูโชคดีที่สุดแล้วนะ” ฉันพูดไปอย่างยิ้มแย้ม
“ยายรักเอ็งที่สุดเลยนะ” เสียงของยายดังขึ้นก่อนที่ฉันจะเดินไปปิดไฟ
“หนูก็รักยายมากที่สุดในโลก ยายคือโลกทั้งใบของหนูนะ” ฉันตอบก่อนจะสวมกอดยายเอาไว้
ฟอดด ฉันหอมแก้มนุ่ม ๆ กลิ่นแป้งเด็กที่ยายชอบทา และกอดยายเอาไว้แน่น
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
"หลับฝันดีนะคะ หนูขอทำงานต่อ” ฉันเดินเบา ๆ บนพื้นไม้สัก เพื่อไปปิดไฟในห้องนอนยาย
ก่อนที่ฉันจะเดินออกมา ตั้งโต๊ะและงานต่อ
โชคดีที่สมัยนี้อินเทอร์เน็ตมันก้าวไกลและมีทุกที่ ฉันจึงสามารถรับแปลภาษาออนไลน์ และหาอะไรทำเป็นรายได้เสริมไปได้บ้าง จากงานทางอินเทอร์เน็ต
ยายมักจะเข้านอนตอนสองทุ่มของทุกวัน และตื่นตอนหกโมงเช้าในตอนไก่ขันเพื่อเตรียมตัวใส่บาตรพระเช่นนี้ ทุก ๆ วัน
เพียงแต่ว่าวันนี้..ท่านไม่ได้ตื่นขึ้นมาเหมือนทุก ๆ เช้าที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะปลุกท่านเท่าไหร่ ร่างกายของยายก็ไร้ซึ่งการตอบรับใด ๆ
และลมหายใจก็หายไปเช่นกัน
------------------
@งานศพ
เสียงเพลงฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตาดังขึ้น เด็ก ๆ ทั้งหกต่างพากันร่ายรำหน้ารูปของยายฉันด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะร่ายรำให้คุณย่าทวดดูเป็นครั้งสุดท้าย
พวกเด็ก ๆ รำไปทั้งน้ำตา
การจากไปของยายเป็นการจากไปอย่างสงบ แต่ทุกคนยังคงเศร้าโศกเสียใจ
เพราะไม่รู้เลยว่า เมื่อวานจะเป็นวันสุดท้ายที่เราได้เจอกัน
“ยายบอกว่ายายชอบ ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตามากที่สุด"
“วันนี้พวกเด็ก ๆ ตั้งใจมาโชว์ให้ดูแล้วนะ” ฉันเคาะโลงศพของยาย ทั้งน้ำตา
การรำฟ้อนที่ได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ผสมผสานกับความเป็นไทย จำลองความเป็นผีเสื้อแสนสวยที่ร่ายรำราวกับบินโลดแล่นไปตามสวนดอกไม้สีสันสดสวย
ทันทีที่เพลงจบลง พวกเด็ก ๆ ก็คุกเข่าลงก้มกราบหน้ารูปของยาย เป็นครั้งสุดท้าย
“คุณย่าทวด หลับให้สบายนะคะ” เด็กบางคนก็ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
งานศพของยายเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และคิดถึง
ยายเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน แกใจดี โอบอ้อมอารี และชอบช่วยเหลือ ไม่ว่าในยามที่แกมี หรือยามที่แกไม่มี ฉันเชื่อเสมอว่า ยายจากฉันไปเพื่อขึ้นไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นสูง
สายตาของฉันมองไปรอบ ๆ งาน ในขณะที่การแสดงร่ายรำสุดท้าย ใกล้จะจบลง
“แกงฮังเลนะแม่"
“จันทร์ทำมาให้แล้วนะ” ป้าจันทร์เดินเข้ามาเคาะโลงก่อนจะวางอาหารที่แกตั้งใจทำให้ยายในครั้งสุดท้าย ลงข้าง ๆ โลงศพ
ฉันมองสำรวจไปรอบ ๆ งาน แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ..
“นั่นใครกัน ป้าจันทร์ ?” ฉันมองไปเห็นชายคนหนึ่งใส่สูท แต่งตัวแตกต่างจากชาวบ้านแถว ๆ นี้ทุกคน และเขากำลังพูดคุยกับลุงอิน สามีของป้าจันทร์หรือลุงเขยของฉันนั้นเอง และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนแถวนี้ และฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน
“นั่นคุณหลุยส์นะ ไว้เสร็จงานยายแล้วป้าจะเล่าให้ฟัง” ป้าจันทร์ตอบหน้านิ่ง ๆ
ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟน้ำให้แขกที่มาร่วมงานต่อ
"หลุยส์?” ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย ซึ่งพอเจ้าตัวรู้ว่าถูกมองก็มองกลับมาทันที
ฉันจึงหลบสายตาทันที
หลังพระสวดจบลง ฉันก็ต้องเดินไปตามเพลิง ลูกชายของป้าจันทร์
“เพลิง เดี๋ยวช่วยขับรถไปส่งพระกลับวัดหน่อยสิ” ฉันเดินเข้าไปกลางวงไพ่ เพื่อเรียกลูกชายของป้าจันทร์ เพราะหลังพระสวด ท่านก็ต้องรีบกลับวัดทันที
เนื่องจากเราจัดงานศพกันที่บ้าน
“พี่ไปส่งเองไม่ได้เหรอ ฉันกำลังขาขึ้นเลย”
"ยายกำลังให้โชคฉันเลย” เพลิงไม่มีทีท่าจะวางไพ่ลงง่าย ๆ ในวงไพ่ก็เสียงดังสนั่น
“แต่พี่เป็นผู้หญิงนะ” ฉันพูดถึงความไม่เหมาะสม
เพลิงหันมามองฉันอย่างไม่ค่อยพอใจ สักเท่าไหร่
“หมด ๆ หมดกันฉิบหายหมดแล้ว"
"พี่จะมาขัดทำไมวะ คนกำลังได้เงิน!!!”เพลิงทิ้งไพ่และโวยวาย ๆ ใส่ฉันยกใหญ่ จนคนมองไปทั้งงาน
"เพลิง!!!”ฉันเรียกเขาด้วยเสียงเบา ๆ
"จะให้ไปส่งพระ” เพลิงหันมาโมโหใส่ฉันเพราะเขาเสียไพ่
“ก็เอาตังค์มาเลย ค่าที่ฉันเสียไพ่ สามร้อย” เพลิงหันมาขู่เอาเงินจากฉันแทน
“นี่งานยายนะ” ฉันพูดออกไปเบา ๆ
“ถ้าไม่เอาเงินมาให้ฉัน พี่ก็ขับรถไปส่งพระเองสิ” เพลิงหันไปมองทางหลวงพ่อหลวงพี่ที่ยืนรอกลับวัดอยู่หน้างาน
ฉันจึงยอมล้วงกระเป๋าหยิบเงินให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปแบบไม่อยากมีปัญหาด้วย กลางงานสำคัญงานสุดท้ายของยายตัวเอง
“ก็แค่นั้น” เพลิงกระชากเงินไป ก่อนจะเดินไปคว้ากุญแจรถขับออกไปส่งพระกลับวัด
ฉันมองไปรอบ ๆ งานก็ไม่เจอชายแปลกหน้าคนนั้น
“เธอเป็นหลานสาวของคุณยายช่อเอื้องใช่มั้ย” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน
“คะ?" ฉันหันไปเผชิญหน้ากับเขาแบบจัง ๆ
“ฉันอยากจะไหว้เคารพศพท่านสักหน่อย” เขามองไปที่หน้ารูปของยายฉัน
“คุณคงเป็นแขกของ ลุงอิน” ฉันยกมือไหว้ไปตามมารยาท
แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงทำหน้าเรียบนิ่งแบบยากจะคาดเดาได้
“เชิญทางนี้ค่ะ” ฉันผายมือเชิญให้เขาไปนั่งที่หน้าโลงศพ ก่อนจะจุดธูปส่งให้เขาไปหนึ่งก้าน
ฟุบ ชายคนนั้นคว้าธูปแต่สัมผัสกับมือของฉันแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาฉันนิ่งไปทันที
ชายคนนั้นรับธูปหนึ่งดอกนั้นไปก่อนจะไหว้และปักธูปลงในกระถางทรายตามพิธี
พวกสาว ๆ ในงานมองเขาตาเป็นประกาย จริงที่เขาหล่อ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะมานั่งพิจารณาความหล่อของเขา
เพราะยังเศร้าเรื่องยายตัวเองไม่หายเลย ที่จากกันไปแบบไม่ได้ตั้งตัว
“ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของยายเธอด้วย” เขาหันมาพูดกับฉันนิ่ง ๆ
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ
แต่เรายังไม่ทันจะพูดอะไรกันต่อ เขาก็ก้มหัวคำนับให้ยายฉัน ก่อนจะลุกและเดินออกไปจากงานทันที