ตอนที่13
ราเดนยังคงจ้องคนที่ยืนครุ่นคิดไม่วางตา เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าหญิงสาวจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไง
“ค่ะ ฉันตกลง” เงยหน้าตอบอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่
“โอเค ชีวิตคู่ของเราจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผมจะพาคุณไปส่งที่ห้อง”
“ค่ะ เอ่อ...”
ราเดนที่กำลังเดินนำหญิงสาวหมายจะไปเปิดประตูห้อง ทว่าก็ต้องหันหลังกลับมาคุยกับปารวีอีกรอบ
“มีอะไร”
“ตอนที่เราลองคบกัน คุณจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมคะ”
ราเดนยืนนิ่งครุ่นคิดและอยู่ในเงียบไปชั่วขณะ ทุกวินาทีที่มีแต่ความเงียบทำเอาหัวใจของปารวีเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอกเสียให้ได้ เขาจะรับปากเธอได้ไหม ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ
“ถ้าคุณหมายถึงว่าผู้หญิงขายบริการ ผมจะไม่ยุ่ง”
“ค่ะ” ริมฝีปากบางพอจะคลี่ยิ้มออกอย่างโล่งใจ จากนั้นก็สาวเท้าตามคนตัวโตออกจากห้องนอนของเขาไป เมื่อครู่กลัวแทบแย่ว่าเขาจะเอ่ยคำตอบที่เธอไม่ต้องการ ทว่าเขาก็ยอมง่ายกว่าที่คิดเอาไว้
ทางด้านมุขรินทร์ ตั้งแต่หนีออกมาจากพันธนาการของซีโวลอดได้เธอก็รีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าล็อกกลอนประตูแน่นหนา ห่วงเพื่อนก็ห่วง ทว่าก็กลัวว่าออกไปจากห้องแล้วจะเจอกับซีโวลอดอีก
แค่คำแนะนำตัวเองที่เขาก้มมากระซิบข้างหูในตอนที่อุ้มเธออยู่แค่นั้นก็ทำให้เธอขนลุกขนชัน อีกทั้งตอนนี้ยังลบภาพก้นขาวๆ ของเขาจากหัวสมองออกไปไม่ได้อีก
“โอ้ย...ทำไมต้องมาจำภาพอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” สาวเจ้ายกมือทั้งสองกุมใบหน้า ไม่รู้ว่าต้องกลับไปเอาน้ำมนต์วัดไหนล้างหน้าภาพนั้นถึงจะจางหายไปได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครอะ” มุขรินทร์โพล่งเสียงดังออกไปทันทีหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู
“ฉันเอง”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของปารวี เธอก็รีบผุดลุกไปเปิดประตูแล้วดึงตัวเพื่อนเธอมานั่งคุยกันทันที
“คุณราเดนพาแกไปไหนมา แล้วทำไมกลับมาชุดนี้ หรือว่า”
เห็นเพื่อนรักยกมือปิดปากเบิกตาโพลง ปารวีก็รู้เลยว่ามุขรินทร์ต้องคิดว่าเธอเสียตัวให้ราเดนแล้วเน่ๆ “หยุดคิดเลย เค้าแค่เอาชุดคลุมให้ชั้นสวมแทนชุดนอนที่เปียกเฉยๆ”
“แล้วคุณราเดนเค้าพาแกไปทำอะไร ว่าอะไรไหม แล้วผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับเค้าเป็นใคร”
“ผู้หญิงที่อยู่ในห้อง เป็นผู้หญิงบริการ เค้าไม่ได้ว่าอะไรเราหรอก แล้วฉันก็สารภาพความรู้สึกฉันไปแล้ว”
“เรื่องซื้อกิน อืม...มันก็เป็นเรื่องปกติของหนุ่มโสดเข้าใจได้ แล้วเรื่องที่แกสารภาพไปเค้าตอบกลับมาว่าไงบ้างอะ”
“ตอนแรกเค้าบอกกับฉันว่าเค้าไม่เคยมีคนรัก แล้วก็ไม่คิดอยากจะมี แต่จู่ๆ เค้าก็เสนอให้ฉันลองคบกับเค้า ถ้าฉันรับเค้าได้เค้าก็จะให้ฉันเป็นภรรยา”
“เฮ้ย ก็ดีนี่ เอ่อ...แล้วเค้าจะยุ่งกับผู้หญิงขายบริการอีกไหม”
“เค้าบอกว่าไม่”
“เออ...ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอก ต่อไปนี้ก็ทำคะแนนให้ดีล่ะ ฉันเอาใจช่วย งั้นพรุ่งนี้ฉันว่าจะบินไปเที่ยวที่เมืองอื่น เสร็จแล้วก็จะกลับเลย”
“ไม่อยู่กับฉันแล้วเหรอ” ปารวีหน้าเจื่อนในทันที
“อ้าว แล้วฉันจะอยู่เป็นก้างขวางคอทำไมเล่า แกต้องพิชิตใจคุณราเดนให้ได้เร็วๆ เข้าใจไหม พ่อกับแม่แกเค้าจะได้สมหวังที่ได้ลูกเขยถูกใจ”
“อืม แต่แกจะไม่อยู่จริงๆ เหรอ” ปารวีถามย้ำมุขรินทร์ พอรู้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่เป็นผู้หญิงคนเดียวก็รู้สึกใจหายพิกล
“ไม่อยากเจออีตานั่น”
“ใคร”
“ซีโวลอด คนที่อยู่ในห้องกับคุณราเดนไง”
“อ๋อ เค้าทำไรแกเหรอ”
“เปล่า แค่รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตา นอนกันเถอะ” อันที่จริง ซีโวลอดก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มุขรินทร์ไม่อยากอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากเห็นหน้าของเขาแล้วต้องนึกถึงก้นขาวๆ ให้ใจมันหวิว
ว่าไปเธอจะรู้สึกไม่ดีก็ไม่ใช่ จะชอบก็ไม่เชิง ค่อนไปทางรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ แค่รู้ว่าถ้าไม่ได้เห็นภาพนั้นคงจะรู้สึกดีมากกว่านี้ คิดแล้วก็ไม่น่าทะลึ่งเปิดประตูเข้าไปแบบนั้นเลย
เพราะภาพตอนที่เห็นเขากำลังระเริงสวาทมันดูรุนแรงพอสมควรอันที่จริงเธอก็ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ เห็นทีคงต้องหารูปก้นผู้ชายดูบ่อยๆ แล้ว เผื่ออาการรู้สึกแปลกๆ เมื่อนึกถึงก้นของซีโวลอดจะจางหายไปบ้าง
หลังจากบอดี้การ์ดหนุ่มยกกระเป๋าของมุขรินทร์ขึ้นรถตู้คันหรูเรียบร้อยแล้ว สองสาวยืนร่ำลากันที่หน้าบ้านหลังใหญ่ในช่วงเช้า
“เที่ยวให้สนุกนะ” ปารวีจับมือมุขรินทร์เอาไว้แน่น
“อืม แกก็สู้ๆ ล่ะ” มุขรินทร์พูดกับเพื่อนจบก็หันมาเงยมองหน้าราเดนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เพื่อนของเธอ
“ฝากดูแลเพื่อนฉันให้ดีด้วยนะคะ”
ราเดนพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมุขรินทร์
“ฉันจะไปแล้ว ปล่อยมือก่อน”
“อืม” ปารวีจำต้องปล่อยมือมุขรินทร์ แววตาของเธอยังอาลัยอาวรณ์เพื่อนรักอยู่ตลอด เพราะหลังจากที่มุขรินทร์ขึ้นรถไป ที่นี่ก็จะเหลือเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แม้จะรู้ว่าสามารถพูดคุยติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือได้ แต่มันก็ไม่เหมือนอยู่ใกล้กันอยู่ดี
“กลัวที่จะต้องอยู่กับผมเหรอ”
“เอ่อ...ทำไมคะ” เธอละสายตาจากการมองตามหลังรถตู้คันหรูแล้วหันมาเงยหน้ามองราเดน
