3.คู่หมั้นคนสุดท้าย
ตอนที่3.คู่หมั้นคนสุดท้าย
ใช่ว่าเธอไม่อยากทำแบบนั้น เธอเองก็อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น แต่ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังของพ่อตัวเอง ทำให้ความยากลำบากทั้งหมดตกมาอยู่ที่เธอ เพียงแค่ทุกคนได้รู้ว่านามสกุลของเธอคือดำรงเดช ทุกคนก็จะเปลี่ยนไปและปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเดิม หลายครั้งที่เรื่องพวกนั้นทำให้คนรอบตัวไม่มีใครกล้าเข้าหาปรีชญาเพราะพ่อของเธอนั้นค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการเมือง
ทำให้หญิงสาวพลอยติดร่างแหไปด้วย
“ปริมเคยบอกไปแล้วค่ะ ว่าจะไม่ไปทำงานประจำ” ปากเล็กตอบกลับอย่างหมายมั่น ใบหน้าสวยเชิ่ดขึ้นตรง ในใจขบคิดถึงหนทางของตัวเอง
ตอนนี้ปรีชญากำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำแบรนด์เสื้อผ้า แต่ติดตรงที่หญิงสาวยังไม่อยากบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกว่าทุกอย่างจะลงล็อคอย่างที่เธอคาดหวัง เธออยากทำให้บิดาของตัวเองภูมิใจเพราะลึกๆแล้วหญิงสาวเข้าใจเหตุผลที่บิดาจะสื่อ เพียงแต่บางครั้งเธอก็รู้สึกเบื่อที่พ่อของเธอไม่เคยเชื่อมั่นใจตัวของเธอเลยสักครั้ง
“พ่อรู้ว่าพ่อไม่สามารถบังคับปริมในเรื่องนี้ได้ แต่พ่อมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอปริม....“
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่อาจโน้มน้าวใจของลูกสาวให้หันไปทำงานได้ เจ้าสัวเปรมชัยจึงจัดการเกริ่นถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ นั่นก็คือการแนะนำให้ลูกสาวรู้จักกับอาชา
“อะไรคะ” หญิงสาวแม้จะยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก แต่ก็ยังคงรอที่จะรับฟัง
“พรุ่งนี้พ่ออยากให้ปริมไปร่วมงานเปิดตัวพรรครักชาติไทยกับพ่อ”
หญิงสาวเลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยไปออกงานกับพ่อของตัวเองเลย เนื่องจากเธอไม่ชอบออกงานอะไรแบบนี้เป็นการส่วนตัวและไม่อยากออกความคิดเห็นในเรื่องของการเมืองเท่าไหร่นัก
“ทำไมคะ ปกติคุณพ่อไม่เคยอยากให้ปริมไป”
เพราะที่ผ่านมาพ่อของเธอรักเธอมากและดูแลดุจไข่ในหิน ถ้าเป็นเรื่องงานท่านไม่เคยพาเธอไปออกงานด้วยเลยสักครั้ง นับตั้งแต่เธอโตเป็นสาว ท่านไม่อยากให้ความสวยของลูกสาวไปเตะตาของใครเข้า
“เพราะพ่อมีใครคนหนี่งอยากแนะนำให้ปริมรู้จัก”
“.....คราวนี้ใครอีกล่ะคะ หมอหรือตำรวจ?” หญิงสาวถามกลับอย่างรู้ทัน พูดมาแบบนี้ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าพ่อของตัวเองคิดจะทำอะไร
หญิงสาวแสดงท่าทางประชดประชันใส่ผู้เป็นพ่อออกมาอย่างรู้ทันในความคิดของอีกคน ซึ่งเธอแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างชัดเจนหากพ่อของเธอจะหาผู้ชายมาแนะนำให้เธอรู้จักอีก นี่อาจเป็นเรื่องเดียวที่ปรีชญาไม่เข้าใจในตัวของพ่อเธอ ทำไมท่านถึงอยากให้เธอมีแฟนนัก
“พี่อาชา ลูกชายของเพื่อนพ่อ” เปรมชับเอ่ยบอกออกไป ไม่ได้สนใจในสีหน้าไม่ชอบใจของลูกสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะปรีชญาก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ
“ไหนคุณพ่อบอกว่าพี่หมอกฤตจะเป็นคนสุดท้ายไงคะ” มือเล็กยกขึ้นมากอดอกถามกลับอย่างเอาแต่ใจ
ครั้งล่าสุดที่เธอหมั้นกับหมอหนุ่มไป เธอจำได้ดีว่าพ่อของเธอบอกว่าหมอกฤตจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่พ่อของเธอจะหามาให้หมั้นหมาย ถ้าหากหมอกฤตยอมยกเลิกงานหมั้น นั่นก็หมายความว่าต่อจากนี้พ่อของเธอจะไม่รบเร้าเรื่องนี้อีกต่อไป
แต่ตอนนี้คืออะไร.....บิดาของเธอกำลังผิดคำสัญญา
“คนนี้คนสุดท้ายจริงๆ พี่เขาเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศษ ลองไปเจอกันดูก่อนไม่เสียหาย พ่อจะไม่บังคับให้ปริมหมั้นกับพี่เขา แค่ไปทำความรู้จักกันก่อน“
เจ้าสัวเปรมชัยเอ่ยบอกอย่างใจเย็นเพราะกลัวว่าลูกสาวจะไม่ยอมง่ายๆ เขาเลี้ยงปรีชญามาตั้งแต่เกิด เขารู้ดีที่สุดว่าลูกสาวของตัวเองมีนิสัยอย่างไร
คนอย่างปรีชญาแม้จะดูหัวแข็ง แต่ถ้าใช้เหตุผลในการพูดคุยหญิงสาวก็ยอมที่จะรับฟัง แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตามที
”ก็ได้ค่ะ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งนะคะ ถ้าคุณพ่อตกลงพรุ่งนี้ปริมจะไป“
”ลูกต้องการอะไร?“
”ถ้าพรุ่งนี้ปริมยอมไปพบกับลูกชายของเพื่อนคุณพ่อ ต่อจากนี้คุณพ่อต้องเลิกพูดเรื่องงานกับปริมนะคะเพราะว่าปริมไม่อยากฟังค่ะ“
หญิงสาวยื่นคำขาดจากบิดา เธอจะทำตามความฝันของตัวเอง ความฝันที่ไม่มีใครรู้ หลังจากที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ปรีชญาจึงคิดว่าต่อจากนี้เธอจะเริ่มศึกษาการทำเสื้อผ้าต่ออีกสักหน่อยและหลังจากนั้น เธอจะเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองอย่างจริงจัง
“พ่อตกลง ถ้าปริมยอมไปพบพี่อาชากับพ่อ พ่อจะไม่พูดเรื่องทำงานกับปริมอีก“
เจ้าสัวเปรมชัยตอบกลับอย่างไม่ต้องคิดเพราะเขามั่นใจว่าอาชาจะสามารถเปลี่ยนแปลงลูกสาวไปในทางที่ดีได้ เขาเชื่ออย่างนั้น
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับ แต่ทว่าในใจนั้นต้้งแง่อยู่แล้วว่าถึงอย่างไรเธอก็จะไม่มีทางสนใจผู้ชายที่พ่อหามาให้ตัวเองเด็ดขาด เพราะคนอย่างเธอตั้งใจอย่างหมายมั่นว่าจะไม่แต่งงาน นั่นคืนหนทางรักษาความสุขของตัวเอง
หลายนาทีต่อมา....
“ฮึม ฮึ่ม ฮึม~”
หลังจากที่อาหารเช้าผ่านพ้นไป ปรีชญาก็เดินขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวเดินฮัมเพลงขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการทำต่อจากนี้
พรึ่บ!
มือเล็กเดินไปหยิบถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ตัวเองไปถล่มซื้อมาจากห้างเมื่อวานออกมาเปิดดู ก่อนจะใช้มือลูบไล้ไปทั่วเนื้อผ้าด้วยความอยากรู้และอยากศึกษาวัสดุแต่ละชนิดจากชุดที่ตัวเองสนใจอย่างเบามือ
“ผ้าแบบนี้ก็โอเคนะ แต่ดูเหมือนมันจะใส่ไม่ค่อยสบายเลย แต่ดีไซน์สวยมาก”
หญิงสาวบ่นพึมพัมกับตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบสมุดออกแบบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาพร้อมกับจดสิ่งที่ตัวเองต้องการลงไปด้วยความขมักเขม้น ต่อจากนี้เธอจะต้องทำให้ผู้เป็นพ่อภูมิใจในตัวเธอให้ได้ แม้ตอนนี้อายุของเธอจะย่างเข้ายี่สิบแปดแล้ว แต่ปรีชญาเชื่อว่าไม่มีอะไรช้าสำหรับการเริ่มต้นใหม่
ก่อนหน้านี้เธอรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไร เธอใช้ชีวิตตามใจตัวเองมาโดยตลอดบนกองเงินกองทองของผู้เป็นพ่อ แต่หลังจากที่เห็นว่าบิดาพยายามหาคู่หมั้นมาให้เธอ ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยๆหากเธอมีงานที่มั่นคงท่านก็คงไม่ต้องรู้สึกเป็นห่วง ประจวบเหมาะกับเธอไปเห็นบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำเสื้อผ้า นั่นทำให้ปรีชญาเริ่มรู้ตัวว่าเธออยากทำอะไร
“แม้จะช้าไปหน่อยแต่ก็ลองดู” หญิงสาวเอ่ยให้กำลังใจตัวเองก่อนจะนั่งทำงานของตัวเองต่อไป เธอได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะออกมาดี เพราะถ้าผลลัพธ์ที่ออกมาไม่น่าพอใจ บิดาของเธอคงหาทางจับเธอแต่งงานกับคนอื่นอีกเป็นแน่!
ซึ่งเธอจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด! เธอไม่อยากแต่งงาน ถ้าหากจะเเต่งก็ขอเป็นเธอเลือกเองว่าควรแต่งกับใคร
