ตอนที่ 10 ใส่ให้ฉันสิ
ตอนที่ 10 ใส่ให้ฉันสิ
พาขวัญรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าตรู่ เธอจึงรีบเก็บฟูกที่นอนแล้วกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วรีบกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อจะไปดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขายังมีไข้หรือไม่ จะได้บอกกับป้าพิมพ์ของเธอได้ถูก
แต่เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องของเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้อยู่บนนั้นอีกแล้ว เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังแว่วๆออกมาจากห้องน้ำทำให้รู้ว่าตอนนี้คนป่วยได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้ว
“อาบน้ำได้แล้ว คงหายป่วยแล้วสินะ”
เธอกำลังตัดสินใจจะออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เผยให้เห็นคนตัวโตที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดปมอย่างหมิ่นเหม่ ต่ำแสนต่ำจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว
พาขวัญกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับภาพผู้ชายที่แสนเพอร์เฟคตรงหน้า ลำตัวหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและซิกแพคเป็นลอนสวย ผิวพรรณขาวจัดที่มีหยดน้ำเกราะพราวไปทั้งร่างยิ่งดูเซ็กซี่ ผมที่เปียกลู่เปิดเปลือยใบหน้าคมให้ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจสาวน้อยเต้นกระหน่ำคร่อมจังหวะ เขาหล่อเหลือเกิน ทั้งยังเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ นิสัยหยิ่งยโสวางตัวเหนือคนอื่นนั่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดเธอเข้าไปใหญ่
“อะ เอ่อ ขอโทษค่ะ พั้นช์คิดว่าคุณยังนอนอยู่ เลยจะเข้ามาดูก่อนไปเรียนค่ะ”
“เข้ามาก็ดีแล้ว เอาเสื้อผ้ามาใส่ให้ฉันหน่อย วันนี้ฉันจะไปเคลียร์งานซักนิดนึง”
“คุณใส่เสื้อผ้าเองไม่ไหว แล้วจะไปทำงานได้ยังไงคะ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ ที่เธอเอ่ยขัดใจเขา แล้วที่เขาต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอหรือไง ให้ทำแค่นี้ทำมาเป็นอิดออด
“ฉันสั่งอะไรก็ทำเถอะน่า นี่ไม่คิดจะรู้สึกผิดบ้างเลยหรือไง เพราะเธอกระทืบเท้าฉันจนเต็มแรง ทำให้ฉันเจ็บจนขึ้นบ้านไม่ไหว นอนตากแอร์จนป่วย ยังจะมาปัดความรับผิดชอบอีกหรอ ใช้แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ ไหนบอกพร้อมจะตอบแทนผู้มีพระคุณไง”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเขาเอ่ยออกมาอย่างนั้น เธอคิดว่าเขาเมามากจนจำอะไรไม่ได้ ที่ไหนได้ เขายังจำได้หรอกหรือว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างเธอกับเขาบ้าง แต่จะโทษเธอฝ่ายเดียวได้อย่างไร ถ้าเขาไม่เข้ามาทำรุ่มร่ามให้เธอกลัว เธอคงไม่กระทืบเท้าเขาจนเจ็บแบบนั้น และเรื่องราวเหล่านี้ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณพีท คุณจำได้หรอคะ ตะ แต่พั้นช์ก็ไม่ได้ผิดคนเดียวซะหน่อย คุณมาลวนลามพั้นช์ก่อน”
“ฉันแค่แกล้งข่มขู่ให้เธอกลัว ว่าถ้าเธอแต่งตัวโป๊ๆแบบนั้น เธอจะเจอผู้ชายแบบไหน เอาจริงๆถ้าเป็นสถานการณ์ที่เธอจะโดนลวนลามจริงๆ เธออาจไม่โชคดีได้กระทืบเท้าไอ้หมอนั่นแล้วเอาตัวรอดไปได้แบบนี้”
ก็ว่าไปเรื่อย จริงๆก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนั้นกับเธอด้วยจุดประสงค์อะไร แค่รู้สึกไม่พอใจที่เธอแต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้ชายทั้งงานมองเหลียวหลัง มันหงุดหงิดจนต้องข่มขวัญยัยเด็กดื้อเงียบนี่เสียหน่อย ตอนนั้นเขาคิดแค่นั้นจริงๆ
“ใครจะไปรู้ล่ะคะ คุณเมา พั้นช์กลัวว่าคุณจะ..”
“จะทำอะไร ปล้ำเธอน่ะเหรอ บอกตรงๆนะ ฉันทำไม่ลงหรอกแบบเธอไม่ใช่สเปค เด็กก็เด็ก ผอมกะหร่องดูขี้โรค ผิวก็ขาวซีด ไม่เห็นมีอะไรดึงดูดซักอย่าง”
คนตัวเล็กเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ รู้หรอก ว่าไม่ใช่สเปค ไม่ได้สวยเซ็กซี่แบบแฟนของเขา แต่ไม่เห็นต้องมาดูถูกกันขนาดนี้เลย
“ถึงพั้นช์จะไม่ใช่สเปคคุณ แต่ก็มีผู้ชายอีกมากที่ชอบแบบพั้นช์ ขอบคุณที่หวังดีนะคะ แต่พั้นช์ดูแลตัวเองได้ ถึงยังไง วีก็ไม่ปล่อยให้พั้นช์โดนใครลากไปทำอะไรหรอกค่ะ”
หึ ใช่ ไอ้ปฐวีนั่นมันไม่ยอมให้ใครลากเธอไปทำอะไรหรอก เพราะมันนั่นแหละ ที่จะลากเธอไปขย้ำจนเหลือแต่กระดูกเสียเอง ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออก ว่าไอ้หมอนั่นมันชอบเธอขนาดไหน มองทีนี่แทบจะกลืนลงท้อง นี่ยัยเด็กนี่ไม่รู้เรื่อง หรือว่ามีใจกับไอ้หมอนั่นกันแน่
“เป็นแฟนกันหรือไง เธอยังไม่ถึงสิบเก้าดี ใจแตกซะแล้วหรอ นี่นะ เด็กดีของแม่”
เขาแค่นยิ้มหยันเธอ ดวงตาคมกริบมองกวาดตั้งแต่หัวจรดเท้า เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน แต่ทำไมเธอดูโตขึ้นกว่าแต่ก่อนรวดเร็วขนาดนี้ ทรวดทรงองค์เอวมันโค้งเว้าเร้าใจ เริ่มจะคอด จะผายจนน่าใจหาย
คนตัวโตกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อมองเร็วๆกวาดไปทั่วร่างงามแล้วไปสะดุดกับหน้าอกอวบใหญ่ ที่เมื่อคืนก่อนมันเบียดกันจนชิดภายใต้ชุดราตรีแสนสวยตัวนั้น
“จะเป็นอะไรกันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพั้นช์ค่ะ ป้าพิมพ์อนุญาตให้พั้นช์มีแฟนได้”
“หึ แก่แดด”
“ค่ะ พั้นช์ขอตัวนะคะ จะรีบไปเรียน พอดีนัดกับวีเอาไว้”
“เดี๋ยว ฉันสั่งให้เธอไปเอาเสื้อผ้ามาใส่ให้ฉันไง ทำไม หรือเธอไม่เห็นหัวลูกชายของผู้มีพระคุณของเธอแล้ว”
เธอจ้องหน้าเขาตาเขม็ง นี่แทบจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เธอกล้ามองหน้าเขานานๆแบบนี้โดยไม่ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่มีเสน่ห์และน่าดึงดูดนั้น
“ค่ะ”
เธอเดินไปยังห้องแต่งตัวของเขาที่มีตู้เสื้อผ้าแบบติดผนังขนาดใหญ่ โดยมีเขาเดินตามเข้ามาติดๆ ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาก็ต้องชะงัก เมื่อในนั้นนอกจากเสื้อผ้าของเขาที่แขวนเรียงไล่สีแล้ว ยังมีเสื้อผ้าของชัญญาภัค คนรักของเขาแขวนอยู่หลายตัวด้วย
“คุณจะใส่สีไหนคะ”
“เธอเลือกมาแล้วกัน”
เธอจึงเลือกหยุดชุดสูทสีเทาเข้มมาส่งให้เขาแต่เขากลับไม่ยอมรับ แถมยังยืนเอามือกอดอกมองเธออยู่แบบนั้น
ต้องใส่ให้จริงๆสินะ แค่เจ็บเท้า เป็นไข้ ไม่ได้เป็นง่อยเสียหน่อย ทำไมถึงต้องแกล้งเธอแบบนี้ด้วย
เธอหยิบเอากางเกงของเขาออกมาจากไม้แขวน กำลังจะย่อตัวลงนั่งใส่กางเกงให้เขา ก็ต้องหน้าแดงก่ำด้วยความอายเมื่อเขาเอ่ยขัดขึ้นมา
“ฉันยังไม่ได้ใส่กางเกงใน”
เธอเงยหน้ามองเขาทันที นี่ขนาดกางเกงชั้นใน เขาก็จะแกล้งให้เธอใส่ให้เขาหรือ
“อยู่ในลิ้นชักชั้นบน”
เธอจะต้องเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกางเกงชั้นในสีดำแบรนด์ดังออกมาแล้วนั่งลงคุกเข่าตรงหน้า แล้วใส่กางเกงชั้นในให้เขาโดยที่เธอหันหน้าไปมองทางอื่นตลอดเวลา
คนหล่อยิ้มมุมปากอย่างสมใจ ที่ได้แกล้งยัยเด็กที่พยายามจะแก่แดดนี่เล็กๆน้อยๆ
“ใส่กางเกงให้ด้วย”
เธอจึงต้องใส่กางเกงให้เขาตามบัญชาของคนเอาแต่ใจ เมื่อเธอดึงกางเกงขายาวเนื้อดีสีเทาเข้มของเขาขึ้นมาจนถึงสะโพก เขาก็ปลดผ้าขนหนูออกจากเอวทันทีจนมันล่วงลงไปกองกับพื้น
มือเล็กๆของเธอที่สั่นอยู่แล้ว สั่นขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อปลายหางตาเห็นว่าเขาปลดผ้าขนหนูลงไปกองที่พื้นแล้ว ทั้งๆที่เธอดึงกางเกงให้เขาได้ถึงแค่สะโพกเท่านั้น
เธอหลับตา กลั้นใจดึงเอวกางเกงขึ้นไปจนสุด แล้วหยุดอยู่แบบนั้น ไม่กล้าทำอะไรต่อ และไม่กล้าปล่อยมือไปจากเอวกางเกงตัวนั้นด้วย
“เสร็จแล้วค่ะ”
“รูดซิปสิ ติดกระดุมให้ด้วย”
“คุณพีท”
“เร็วๆ อยากให้ใครเข้ามาเห็นเรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือยังไง นอกจากแก่แดดอยากมีแฟนตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว ยังเป็นพวกชอบโชว์ด้วยหรือ”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทนให้เขาเหน็บแนมครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังยอมให้เขาจิกหัวใช้ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้ เธอเองก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
มือน้อยๆอันสั่นเทา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับที่ขอบซิปแล้วเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ในขณะที่สายตาของเธอก็ยังมองอยู่ที่อื่น แต่เลื่อนลงมาเท่าไหร่ก็ไม่เจอกับตัวซิปเสียที
คนตัวโตที่ตั้งใจจะแกล้งเขาผ่อนหายใจแรงๆหลายครั้ง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกหลายอึก ก็เธอเล่นลากมือลงมาเรื่อยๆแบบนั้นโดยที่ไม่ยอมมอง แล้วเธอจะเจอกับตัวซิปได้อย่างไร เขาจึงใช้มือใหญ่ที่สั่นนิดๆเหมือนกัน จับมือของเธอเอาไว้ไม่ให้ลากไปลึกกว่านี้อีกแล้ว
“เธอไม่มอง แล้วจะหาซิปเจอได้ยังไง พั้นช์”
“อะ เอ่อ คือพั้นช์”
“มองสิ แล้วรูดซิปให้ฉัน”
“พะ พั้นช์ว่าคุณทำเองดีกว่าค่ะ”
เธอกำลังจะดึงมือออกจากแนวซิปของเขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อมือใหญ่ของเขาที่จับมือของเธออยู่ ไม่ยอมให้เธอปล่อยมือไปไหน
“ปละ ปล่อยมือพั้นช์สิคะคุณพีท”
“รูดซิป”
เขาก้มลงมากระซิบชิดริมใบหูขาวของเธอ แถมเป่าลมร้อนๆให้รินรดต้นคอ จนขนอ่อนในกายสาวลุกซู่ไปทั่วร่าง
“คุณพีท”
“รูดซิปสิ”
มือใหญ่ที่จับมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง บังคับมือของเธอให้ลากแนบไปกับกางเกงของเขา จนมือเธอนั้นลูบไล้ผ่านตัวตนแข็งกร้าวของเขาจนเธอสะดุ้งโหยง
“อุ๊ย”
เธอก้มลงมองตามมืออย่างอัตโนมัติ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองพลาดไปแล้ว เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าที่มือของเธอกำลังลากไล้ผ่านไป มันคือส่วนนั้นของเขา ที่ใหญ่โตดุนดันเนื้อผ้าดีๆของกางเกงเขาออกมาจนแทบจะบดบังตัวซิปที่อยู่ปลายสุด
“ขะ คุณพีท ปล่อยมือพั้นช์ค่ะ”
เขาลากมือน้อยๆของเธอไปจนเจอตัวซิปจนได้ แล้วบังคับให้เธอรูดมันขึ้นมาอย่างยากลำบากจนสุด เพราะตัวตนใหญ่โตของเขามันดุนดันจนเธอแทบจะรูดขึ้นมาไม่ได้
เธอรีบสะบัดมือเขาออกอย่างแรงเหมือนต้องของร้อน เตรียมตัวจะผละหนี แต่เขาก็ไล่ต้อนจนแผ่นหลังบอบบางของเธอติดกับตู้เสื้อผ้าแถมยังใช้แขนทั้งสองข้างกักกั้นเธอเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
“ใส่เสื้อให้ก่อนสิ ยังแต่งตัวให้ฉันไม่เสร็จเลยนะ จะออกไปจากห้องนี้ได้อย่างไร”
เธอรีบคว้าเสื้อเชิ้ตมาสวมให้เขาอย่างรวดเร็ว ติดกระดุมให้จนเรียบร้อย แต่เขาก็บังคับจับมือของเธอให้สอดชายเสื้อเข้าไปในกางเกงของเขาอีกแล้ว
ขั้นตอนสุดท้าย เธอใช้มืออันสั่นเทาใส่เนกไทให้เขา เธอค่อยๆรูดมันขึ้นไปจนชิดคอ ในขณะที่คนตัวโตก็ก้มลงมามองใบหน้าหวานๆที่แดงก่ำของเธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์
เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด เขาก้มหน้าลงมาหอมแก้มของเธอแรงๆครั้งหนึ่ง ก่อนตั้งใจขยับปากไปประกบกับปากของเธอ แต่เหมือนเธอจะได้สติคืนมา จึงเบี่ยงหน้าหนีเขา เขาจึงแตะริมฝีปากของตัวเองได้แค่ที่มุมปากนุ่มๆของเธอเท่านั้น และนั่นมันก็ทำให้เขาได้สติคืนมาเหมือนกัน
“เอ่อ ขอบใจมาก”
เขาขยับกายถอยห่างออกมาจากเธอที่ตอนนี้ยืนแนบกับตู้เสื้อผ้าจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
“พั้นช์ ขอตัวนะคะ”
เธอรีบวิ่งออกจากห้องของเขาด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ เขาจะรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร