บท
ตั้งค่า

Chapter 8 ใจแลกใจ

"อืม..."

ผมครางในลำคอเพราะรู้สึกปวดไปทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ผมค่อยๆปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองเห็นภาพเรือนลางด้านหน้าเป็นพื้นสีขาวไปหมดพร้อมกับกลิ่นซึ่งผมคุ้นเคยดี ผมเข้าออกที่นี่บ่อยๆอยู่แล้ว

ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับระดับการมองเห็นให้ชัดขึ้นซึ่งที่นี่ก็ไม่พ้นโรงพยาบาลจริงๆด้วย

จำได้ว่าก่อนหน้านั้นผมประสบอุบัติเหตุอีกครั้ง...

'ฉันรักนายนะ...วายุ'

เสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง ผมได้ยินมันตอนที่ผมสะลึมสะลือ ผมฟื้นแล้วแต่แค่หลับตาร่างกายมันย่ำแย่มากในตอนนั้นบวกกับฤทธิ์ยาที่ได้รับเข้าไปทำให้แค่ลืมตาผมยังทำไม่ได้ เสียงหวานๆนั้นแว่วอยู่ข้างหู...มีคนบอกว่ารักผม

แอด~

"วายุ"

ผมหันไปมองทางต้นเสียงที่ได้ยิน มันดังมาจากห้องน้ำภายในห้องพักฟื้นนี้ นีน่าเดินออกมาเธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นผมลืมตาในสภาพยังเบลออยู่พร้อมกับพุ่งเข้ากอดผม

"นายฟื้นแล้ว ดีใจที่สุดเลยฉันเป็นห่วงนายมากรู้มั้ย"

ผมกระพริบตาพลางยกมือที่แทบจะไม่มีแรงขึ้นแตะต้นแขนเธอ

"อื้ม..."

ผมครางออกมาเบาๆ นีนาที่กอดผมแน่นมากจนแทบหายใจไม่ออกเพิ่งรู้ตัว เธอคลายอ้อมกอดออกจากผม

"ฉันนั่งเฝ้านายทั้งคืนเลยนะ ฉันกลัวแทบแย่"

เฝ้าทั้งคืน...งั้นเสียงที่ผมได้ยินคงเป็นเสียงของนีน่า

"เออใช่ ฉันต้องตามหมอ"

นีน่ายิ้มกว้างเมื่อผมยิ้มบางๆให้เธอพร้อมกับกดกริ่งเรียกหมอหรือพยาบาลให้มาดูอาการผมที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา

30 นาทีต่อมา...

หลังจากนั้นหมอก็มาตรวจอาการผม เขาบอกว่าผมปลอดภัยแล้วโดยรวมไม่เป็นอะไรมากปวดตามตัวเพราะฟกช้ำจากแรงกระแทก ส่วนศีรษะที่แตกก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเหลือแค่เอ็กซเรย์ดูอีกรอบแล้วก็พักฟื้นที่โรงพยาลสักสามสี่วัน

และตอนนี้ไอ้นาย ไอ้เต แล้วก็ไอ้ครามกำลังอยู่ในห้องของผม ส่วนนีน่าเดินไปส่งพ่อแม่ผมที่มาเยี่ยมและเพิ่งกลับไป

"ฉันว่าแกน่าจะไปดูดวงบ้าง เหมือนไม่ค่อยถูกโฉลกกับรถเท่าไหร่เลยว่ะ"

เตที่นั่งอยู่ข้างเตียงผมพูดขึ้นพลางหยิบส้มที่ปอกเปลือกแล้วเข้าปาก

"ไอ้นี่ ของเยี่ยมมั้ย"

แล้วก็ถูกไอ้นายผลักหัวอย่างแรงเพราะมันกินของเยี่ยมของผม

"ของตั้งเยอะ มันกินไม่หมดหรอก"

"ไอ้ตะกละเอ้ย"

"เสียดายของต่างหากเว้ย"

ผมที่นั่งพิงหัวเตียงมองพวกมันที่เถียงกันก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองครามที่นั่งเงียบๆอยู่บนโซฟา

และเหมือนมันจะรู้ตัวถึงได้เหลือบตาขึ้นมามองผมแล้วเราก็เงียบด้วยกันทั้งคู่

"..."

"เอ้อ เหมือนมึงจะมีเรื่องคุยกันมั้ย"

แล้วก็เป็นไอ้นายที่สังเกตุเห็นผมกับไอ้คราม มันพูดขึ้นทำให้ไอ้เตที่กำลังกินส้มอย่างเอร็ดอร่อยหยุดกินแล้วเงยหน้ามามองตาม

"พวกกูต้องออกไปมั้ย"

ไอ้เตพูดพลางชี้มือไปที่มันกับไอ้นายเป็นเชิงถามและผมส่ายหัว

"เปล่า ไม่มีอะไร...แค่เห็นไอ้ครามมันเงียบ"

ผมพูดได้ยินเสียงไอ้ครามถอนหายใจ มันวางโทรศัพท์ที่กำลังแชทหรือทำอะไรสักอย่างลงบนโต๊ะ

"เป็นอะไรมากมั้ย"

มันหันมาถามผม และผมตอบมัน

"ไม่"

"มึงปลอดภัย กูก็โอเคแล้ว"

"เหรอ...กูนึกว่ามึงมีอะไรจะพูด มากกว่านี้"

ไอ้ครามตวัดสายตามามองผมและผมมองตอบมัน รู้สึกเลยว่าการคุยกันของผมกับมันทำให้บรรยากาศมาคุไป

"อยากจะฟังอะไรจากกูล่ะ"

ครืด~

มันถามแต่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักฟื้นก็เปิดออกพร้อมกับนีน่าที่เดินเข้ามา เธอเหลือบตามองไอ้ครามที่ลุกขึ้นยืนทันทีพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

"เออ นีน่า มาไวจังเนอะ"

ไอ้เตเกาหัวแกรกพลางลุกขึ้นยืนอีกคน มันวางจานส้มไว้บนโต๊ะข้างเตียงด้วยใบหน้าหมดอารมณ์กิน

"พอดีนีน่าไปส่งพ่อแม่แค่ที่ลิฟต์น่ะค่ะ"

นีน่าตอบพลางเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆผมแล้วหันมายิ้มให้ผม

"เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย"

"อืม ก็ดี"

ผมตอบผ่านๆ นีน่าถามอาการผมทุกๆห้านาทีด้วยซ้ำ

"มึงนี่น่าอิจฉา มีคนเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้"

ไอ้นายพูดขึ้นเหมือนมันอยากจะสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นได้ไม่ยาก

"กูไปก่อนนะ"

ไอ้ครามพูดขัดขึ้น

"รีบไปไหนวะมึง"

ไอ้เตถามและมันตอบสั้นๆ

"มีเรียน...ไว้จะมาใหม่"

ผมมองมันที่กำลังจะเดินออกไป ผมกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนหน้าที่ผมจะขับรถชนผมกับมันเจอกันในตอนที่ผมอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง...ซึ่งเราไม่ได้เจอกันมานาน เธอโผล่มาพร้อมกับบังคับให้ผมจำเธอให้ได้ เธอเหมือนจะทำทุกวิถีทางให้ผมจำ ทุกครั้งที่เธอมองผมมันเหมือนในสายตาของเธอมีแต่ผม แต่ในขณะเดียวกันสายตาของไอ้คราม...ก็เหมือนจะมีแต่ผู้หญิงคนนั้น

'มันไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องคิดมากด้วยรู้มั้ย'

'ค่ะ '

ฉันกดส่งข้อความสุดท้ายไปให้พี่ครามก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายพลางถอนหายใจออกมา พี่ครามรู้ว่าฉันต้องคิดมากแน่ๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเขาถึงได้ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ฉันคิดมากจริงๆเรื่องที่วายุขับรถประสบอุบัติเหตุเมื่อวานนี้หลังจากที่เขาขับรถออกไปจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉันจริงๆ...

กึก~

ฉันละสายตาที่เหม่อลอยมามองตรงหน้า บาร์เทนดี้หน้าสวยยืนมองฉันพลางเลื่อนแก้วเครื่องดื่มส่งมาให้ฉัน

ตอนนี้ฉันนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่มีข้าวหอมเพื่อนของฉันยืนอยู่

'ข้าวหอม'หรือข้าว เป็นเพื่อนใหม่ของฉัน

"แกดูเครียดนะ"

ข้าวหอมพูดพลางมองหน้าฉันแล้วหลุบตาลงมองแก้วในมือเธอ

"สักหน่อยน่าจะดี"

ข้าวหอมรู้ว่าฉันไม่ค่อยดื่มนอกจากเวลาทำงานแต่วันนี้เธอเหมือนรู้ทันฉันก็เลยส่งเครื่องดื่มที่เธอผสมให้ฉันและฉันก็รับมันมาดื่มเช่นกัน

"..."

ฉันดื่มอยู่เงียบๆในหัวก็คิดอะไรมากมายไม่เลิก ฉันอยากจะไปเยี่ยมเขาอยากจะไปดูแลเขาในตอนที่เขาฟื้นแล้ว

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก..."

ข้าวหอมพูดเปรยๆขึ้น ฉันเลื่อนสายตาที่เหม่อลอยมองเธอข้าวหอมเหลือบมองฉันก่อนจะก้มหน้าผสมเครื่องดื่มต่อ

"ถ้าไว้ใจกันก็พูด"

พูดจบเธอก็ส่งแก้วเครื่องดื่มที่ผสมเสร็จแล้วมาให้ฉันแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินไปหารุ่นพี่ที่ทำงานร่วมกับเธอ

ฉันกับข้าวหอมรวมทั้งเพื่อนอีกสองคนเรารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันได้ประมาณแปดเดือนหลังจากที่ฉันกลับมาที่ไทยและเข้ามาทำงานที่นี่ ตอนแรกเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำจนกระทั่งฉันถูกใครก็ไม่รู้ที่ตั้งเพจเป็นแฟนคลับแบดเกิร์ลดึงฉันเข้าไปในแก๊งค์นั้นด้วย คือตอนนั้นแก๊งค์นี้มีแค่สามคนไง คือลูกโซ่ ยาหยีแล้วก็ข้าวหอม ส่วนฉันมาที่หลังเข้าแก๊งค์ไปแบบงงๆโดยการเริ่มต้นของแอดมินเพจนั้น ฉันยังจำข้อความที่โพสต์ใต้รูปฉันได้เลย

'ขอต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของแบดเกิร์ล สาวสวยแต่โลกไม่สวย ทำร้ายร่างกายรุ่นพี่จนบาดเจ็บสาหัส...'

ตอนแรกฉันก็ว่ามันตลก ไอ้รุ่นพี่นั่นก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมากด้วย แต่เรื่องที่ฉันทำร้ายเขามันก็เรื่องจริงเพราะฉันตบะแตกใส่รุ่นพี่ที่เข้ามาจีบฉันแล้วพอฉันไม่เล่นด้วยเขาก็เอาไปพูดถึงฉันเสียหายจนไม่เหลือชิ้นดี ยิ่งพอรู้ว่าฉันทำงานแบบนี้ก็เอาไปพูดว่าฉันขายตัว ตอนนั้นฉันยังไม่ชินและฉันถึงที่สุดแล้ว ฉันได้ยินกับหูก็เลยเดินตามเขาที่กำลังพูดถึงฉันอย่างเมามันกับเพื่อนของเขาเข้าไปในคลาสเรียนแล้วฟาดปากเขาด้วยแจกันดอกไม้จนหน้าแหก นั่นแหละฉันถึงได้กลายเป็นตัวร้ายทันทีแถมข่าวที่ออกมายังกลายเป็นว่าฉันเป็นพวกเก็บกดและไม่ยอมรับความจริง ฉันเจอกับสามคนนั้นครั้งแรกโดยบังเอิญเรามาเจอกันที่ผับตรงประตูหลังซึ่งเป็นทางเข้าออกของพนักงาน พวกเราสี่คนมาพร้อมกัน ยาหยี ข้าวหอม ลูกโซ่ มองหน้าฉัน ก่อนที่เราจะได้คุยกันเรื่องของเพจนั่น เจอกันก็ทักกันตามประสาแล้วก็เริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายฉันก็มารวมตัวอยู่กับพวกเธอในที่สุด

ส่วนนิสัยของฉัน หลายคนบอกว่ามันคล้ายระเบิดเวลาดีๆนี่เองเพราะฉันเป็นคนโมโหร้ายอันนี้ฉันรู้ตัวแต่ฉันจะอดทนเก็บไว้ให้ถึงที่สุดแล้วค่อยบึ้มเลยทีเดียว

"..."

ฉันนั่งมองข้าวหอมเงียบๆ จริงๆแล้วลึกๆจะเรียกว่าฉันยังไม่สนิทใจกับพวกเพื่อนใหม่พวกนี้ก็ได้ถึงจะอยู่ด้วยกันทำอะไรร่วมกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิทไปแล้วในสายตาทุกคน แต่ไม่มีใครเคยรู้ว่าฉันเจออะไรมาบ้าง ฉันเคยถูกเพื่อนหักหลังทุกคนรอบตัวที่เข้ามาหาฉันในตอนที่ฉันยังมีทุกอย่างทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่มีใครจริงใจกับฉันแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังให้ใจกับยัยเพื่อนชั่วนั่นไป แล้วยังไงล่ะ...ฉันก็ถูกหักหลังไง มันเจ็บมากนะ!

"ข้าว..."

ฉันเรียกเธอเมื่อข้าวหอมเดินกลับมาหาฉัน เธอเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ฉัน

"พอมีเวลาคุยกับฉันหน่อยมั้ย"

แต่ฉันก็อยากจะเปิดใจให้พวกเธอมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข็ด แต่คนเราไม่เหมือนกันทุกคน บางคนภายนอกอาจจะดูเงียบๆแต่ก็ร้ายมาก บางทีพวกนี้ที่ภายนอกดูแรงๆก็อาจจะดีกว่าก็ได้ อย่างน้อยๆพวกนี้ก็ไม่เคยต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างกับฉัน

"อืม..."

ข้าวหอมเท้าแขนกับบาร์แล้วเอียงคอมองหน้าฉันทำหน้าเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ทั้งๆที่สายตาเธอบอกอยู่แล้วว่าพร้อมเสมอ

"ทำไมจะไม่มีล่ะ เวลาสำหรับพวกแกฉันมีให้เสมอแหละ"

ข้าวหอมยิ้มกว้างด้วยใบหน้าจริงใจจนฉันรู้สึกดี ข้าวหอมจริงใจกับฉัน ลูกโซ่ก็ไว้ใจฉันเพราะเธอเองยังเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง ส่วนยาหยีก็ให้ใจฉันเธอแทบไม่มีอะไรปิดบังเลยด้วยซ้ำแถมยังพร้อมตบแทนพวกเราเสมอด้วย

แล้วทำไมฉันจะใช้ใจแลกใจกับพวกเธอไม่ได้ล่ะ...

"ขอบใจนะ"

ฉันพูดออกไปสั้นๆก่อนจะลุกจากเก้าอี้ทรงสูงแล้วเดินตามข้าวหอมไปที่ด้านหลังของบาร์ซึ่งเป็นห้องพักของพนักงาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel