บทที่3 - 1
สามวันต่อมา
“เจี๊ยบ ข้าวเช้าอย่าลืมกินนะ ไปทำงานก่อนล่ะ” เสียงหวานแว่วมาก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังขึ้นจิรชางัวเงียผงกหัวขึ้นก่อนจะทิ้งหัวหนัก ๆ ลงบนหมอนอีกครั้ง คริษฐาออกไปทำงานแล้วเหลือแต่เพียงเธอที่เพิ่งจะหลับไปตอนตีสี่
เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วที่แม่เพื่อนสาวที่วันนี้เป็นหม้ายแล้วจริง ๆ ทำข้าวเช้าไว้ให้และออกไปทำงานก่อนทั้งที่มีเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะได้เวลาเข้างานแต่ดูเหมือนวันนี้ยัยเพื่อนตัวยุ่งจะออกไปเร็วกว่าเมื่อวานเสียอีก
คริษฐาพยายามจะคึกคักและมุ่งมั่นทำงานทั้งที่จริง ๆ แล้วยังตัดเรื่องสามีออกไปไม่ได้เธอพอจะรู้ แหงล่ะ เมื่อสองวันก่อนไม่ได้แค่พูดเล่น ๆ นอกจากจะหย่ากันจริงจังแล้วยังได้ข่าวมาด้วยว่าไปต่อยหน้าคุณอดีตสามีถึงกลางที่ทำงาน...ที่ทำงานของตำรวจปราบปรามยาเสพติดเชียวนะ
คิดเรื่องเพื่อนแล้วจิรชาก็ปวดหัวจี๊ด หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งความง่วงยังคงไม่จางหาย ทั้งที่คิดจะลุกไปอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงานแต่พอมาคิดอีกทีหญิงสาวก็เปลี่ยนใจนอนต่อ ยังคงมีเวลาให้เธอได้เกลือกกลิ้งบนเตียงนุ่ม ๆ อีกนิดหน่อย นอนต่อสักนิดจะเป็นไรไป
เวลาต่อมา
เป็นที่รู้กันว่าการจราจรบนถนนแทบทุกสายภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ฯ นั้นค่อนข้างที่จะติดขัด หากมีธุระเร่งรีบก็จำเป็นต้องออกจากบ้านเช้าหน่อยไม่อย่างนั้นอาจจะต้องพบเจอกับรถที่ติดยาวเป็นพรืดจนทำให้ไปถึงที่หมายล้าช้ากว่าที่ตั้งใจ หรืออาจจะไปไม่ทันเลยก็ได้ ดั่งเช่นสถานการณ์ที่จิรชากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้...จากที่คิดว่าจะนอนแป๊บเดียวแต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับหลับลืมจนตื่นสายและมาเจอรถติดอยู่ตรงนี้
“จะทันมั้ยเนี่ย”
ไม่อยากจะคิดให้กลุ้มก็ต้องคิด ให้ตายสิเธอมีเวลาอีกแค่สิบนาทีกว่า ๆ เท่านั้นในการไปถึงที่ทำงานก่อนที่จะถึงเวลาเข้างาน
“เขียว เขียวสิเขียว” เสียงไม่สบอารมณ์พึมพำขณะที่ใบหน้านั้นเคร่งเครียดเมื่อเหลือบมองเวลาแต่แล้วก็เหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจไม่ให้จิรชาต้องมีประวัติเข้างานสายเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงมาเป็นสีเขียวหลังจากที่ค้างอยู่ที่สีแดงมานานจนคิดว่าไฟชำรุด เธอเกือบจะอารมณ์เสียแล้วเชียวที่เช้านี้อาจจะต้องไปทำงานสาย
ด้วยประวัติตรงต่อเวลาของเธอมันทำให้หญิงสาวไม่สามารถยอมให้ตัวเองสายได้
“มีเวลาอีกสิบกว่านาที สบาย” คนมีเวลาอีกสิบห้านาทีเอ่ยกับตัวเองขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากแยกไฟแดง การตรงต่อเวลาถือเป็นคุณสมบัติที่สถาปนิกพึงมี เธอไม่อยากจะไปสายแม้ว่าเช้านี้จะมีงานแค่ที่บริษัทไม่ได้มีธุระที่จะต้องไปพบปะกับลูกค้า
แต่ทว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายเสมอไป ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอย่างสบายใจสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
โครม! ติ๊ด!!!!
“เฮ้ย!!!” เสียงอุทานดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่รถโตโยต้ายาริสสีเทาดำแล่นฝ่าไฟแดงมาจากฝั่งขวามือมาเฉี่ยวด้านหน้ารถของเธอจนเป็นรอยยาวและขับหนีไป ทำเอารถที่กำลังจะเคลื่อนตัวไปพร้อมกับรถของเธอต้องเบรกกะทันหันก่อเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายกันไปอีกหลายคัน เสียงบีบแตรดังระงมไปทั้งแยก โดยเฉพาะจากด้านหลังที่ขับมาชนท้ายรถของจิรชาเข้าอย่างจัง
“ไอ้บ้าเอ๊ย” สถาปนิกสาวสบถอย่างหัวเสีย น่าโมโหกว่าลูกรักของเธอเป็นรอยและเกิดอุบัติเหตุขึ้นเพราะยาริสคันนั้นฝ่าไฟแดงก็คือก่อนจะมาเฉี่ยวรถของเธอจนมีอุบัติเหตุชนท้ายกันขึ้นหลายคันซ้อนรถคันนั้นเพิ่งจะชนมอเตอร์ไซค์วินจนล้มแล้วขับหนีมา
หญิงสาวก้มมองเวลาอีกครั้งอย่างนึกชั่งใจก่อนจะตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวและเหยียบคันเร่งขับตามไปในทันทีโดยไม่สนใจเสียงบีบแตรที่ดังระงม เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างไปทำงานสายกับปล่อยผ่านเรื่องไม่ถูกไม่ควรจิรชาเลือกได้โดยไม่ต้องใช้เวลาคิด เธอยอมไปสายดีกว่าปล่อยให้คนแบบนั้นลอยนวล ชนคนแล้วยังมาทำให้ลูกรักของเธอเป็นรอย มันต้องโดนเธออัดให้เละก่อนจะส่งตำรวจ
มือแข็งแรงบังคับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งขับตามรถคันก่อเหตุอย่างไม่ลดละ เป็นตายยังไงเธอก็ต้องจับตัวไอ้บ้านั่นมาต่อยสักทีสองที!!!
บรืน...
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ ฝันไปเหอะ” เธอพึมพำก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว มันเป็นความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดแต่จิรชาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ หญิงสาวคิดเพียงแค่ว่าจะต้องตามจับตัวเจ้าของยาริสคันนั้นมารับผิดชอบค่าเสียหายกับทุกเหตุการณ์ให้ได้
บนถนนที่ทอดยาวนอกจากรถของจิรชาและรถยาริสสีเทาดำแล้วยังมีรถที่วิ่งอยู่อีกหลายคัน ยาริสเป้าหมายแซงขึ้นหน้าทุกคันไปแล้วทว่ายังมองเห็นได้ชัดเจน หญิงสาวเพิ่มความเร็วแซงรถที่วิ่งอยู่ไปจี้ท้ายยาริสคันเป้าหมายอย่างเอาเรื่อง
ความจริงแล้วการจะตามให้ทันและขับจี้ยาริสที่ออกตัวมาก่อนมันค่อนข้างจะยากแต่ด้วยทักษะที่ได้รับการสั่งสอนมาจากพี่ชายซึ่งเป็นอดีตนักแข่งระดับแชมป์ทำให้จิรชาตามทันในที่สุด
เอี๊ยด...
เสียงล้อเสียดสีกับถนนอย่างรุนแรงดังเป็นระยะเมื่อมีการขับแซงกันไปแซงกันมา พอจิรชาขับแซงขึ้นไปได้นิดหน่อยอีกฝ่ายก็แซงกลับมานำในลักษณะท้าทายจนหญิงสาวนึกโมโห ตอนนี้เธออยากจะลากไอ้บ้านี่ลงมาอัดสักหมัดสองหมัดจริง ๆ พับผ่าสิ
