02 พี่ชอบนิ่มเหรอ
ห้องเรียน เวลา 16.55 น.
ครืด ครืด ครืด…
“ฮัลโหล” ใครไม่รู้โทรมา เป็นเบอร์แปลกแล้วฉันก็ดันกดรับ
(อยู่ไหนอ้วน) สรรพนามที่เอื้อนเอ่ยทำให้ฉันรับรู้ว่าใครโทรมา เพราะคนที่ชอบเรียกฉันว่าอ้วนด้วยน้ำเสียงแบบนี้มีแค่คนเดียว
“พี่เอาเบอร์นิ่มมาได้ยังไง”
(เสือก! ตอนนี้อยู่ไหน)
“แค่นี้นะคะ” ฉันว่าและกดตัดสาย โทรมาเพื่อหยาบ โทรมาแล้วด่า เป็นบ้าหรือไง
เขาโทรซ้ำเข้ามาอีก แต่ฉันเลือกที่จะเฉย จากนั้นก็เดินลงมาที่หน้าคณะ
ติ๊ง! ติ๊ง!
(KLOEM: รับสาย)
(KLOEM: อ้วน!!!!)
ฉันกดอ่านแล้วทำเฉย วันนี้ที่ห้องเรียนเป็นอะไรที่แย่มาก ฉันโดนมองด้วยสายตาที่เยาะเย้ย เพื่อนร่วมห้องต่างจับกลุ่มซุบซิบนินทา เพราะมีมือดีกดถ่ายคลิปที่ฉันโดนล้อ
เป็นความอับอายที่สุดในชีวิตฉันก็ได้มั้ง แต่ฉันก็ต้องเข้มแข็งและพยายามทำเฉย ไม่ใส่ใจ
“นุ่มนิ่ม” เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกเมื่อฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินก้มหน้าจะออกจากห้องเรียนหลังจากที่หมดชั่วโมง
“…” ฉันหันหน้าไปมองเจ้าของเสียง แล้วนิ่งเงียบ
“เราขอเดินไปด้วยสิ” เธอยืนฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินมาเคียงข้างฉัน
ฉันเงียบแล้วเดินออกมา ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่เดินข้าง ๆ ฉันไม่รู้ว่าเธอคนนี้ชื่ออะไร และฉันไม่คิดจะสนใจ เพราะฉันไม่คิดจะเชื่อใจคนที่จะมาเป็นเพื่อนอีก
บอกตามตรงว่าฉันเจ็บกับหมิวมาก ซึ่งวันนี้หมิวก็ย้ายไปนั่งที่อื่น และมองฉันด้วยสายตาเย้ยหยัน
ทั้งที่รู้จักกันมาตั้งสามเดือนแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงทำแบบนั้นได้ ฉันไม่เข้าใจหัวจิตหัวใจของคนซะจริง
“เราชื่อใบชา” ผู้หญิงที่เดินเคียงข้างบอกกับฉัน เธอเป็นคนตัวเล็ก เรียกว่าเตี้ยเลยก็ได้ ขนาดฉันอ้วนยังดูสูงกว่าเธอเลย
“เป็นเพื่อนกันได้ไหมนุ่มนิ่ม” ผู้หญิงตัวเล็กที่อ้างตัวว่าชื่อใบชา เธอเดินมาดักหน้าฉัน แล้วเธอก็พูดประโยคนี้ออกมา
ฉันมองหน้าเธอคนนั้นนิ่ง ๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เดินเบี่ยงเพื่อหลีกหนีเธอ
“เราแค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอนะนุ่มนิ่ม เราจะไม่ทำร้ายเธอแบบหมิวทำแน่นอน” ใบชายื่นมือมาจับแขนฉัน
“บ้ารึเปล่า ไม่เห็นที่ฉันเจอวันนี้เหรอ เธอจะอยากมาเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันทำไม หรืออยากจะแกล้งฉันแบบที่ทำหมิวงั้นเหรอ” ฉันหันไปตะคอกใส่ใบชา
“ไม่ใช่นะ ชารู้ว่านุ่มนิ่มรู้สึกยังไง ชารู้ว่าการโดนล้อมันเป็นยังไง ถ้านุ่มนิ่มสังเกต นุ่มนิ่มคงเห็นว่าชาโดนล้อตลอด แล้วก็ไม่มีเพื่อนเลย ชาแค่อยากเป็นเพื่อนกับนุ่มนิ่มจริง ๆ นะ” ใบชาเธอรีบอธิบายพร้อมกับเดินมาดักตรงหน้าฉันอีกครั้ง
“งั้นเหรอ งั้นก็ถอยสิ ฉันจะกลับบ้าน” ฉันพูดเอาแต่ใจ ในขณะที่อีกคนทำตัวน่าสงสาร เธอยืนน้ำตาคลอแล้วจ้องหน้าฉัน
“เอ้า! น้องอ้วนกับน้องเตี้ย เอ้ย! ใบชาของพี่ ยืนดราม่าอะไรกันครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อลิฟต์เปิดออก และมันเป็นกลุ่มของพี่ชอปเปอร์ กลุ่มที่ดูถูกเหยียดหยามฉันเมื่อเช้านี้
“ลงบันไดกันก็ได้เนอะชา” ฉันก้มหน้าลงพูดกับใบชาที่ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนฉัน จากนั้นฉันก็จูงมือใบชาให้เดินลงบันไดด้วยกัน
“นั่นคือกลุ่มที่ล้อนุ่มนิ่มเมื่อเช้าใช่ไหม” ใบชาถามเมื่อเราเดินลงบันไดมาด้วยกัน ฉันก็ไม่เข้าใจว่ายัยนี่จะมาวุ่นวายอะไรกับฉัน
“อืม” ฉันตอบและรีบเดินลงบันไดให้ไวที่สุด ในขณะที่โทรศัพท์มือถือก็สั่นไม่หยุด
“คนที่พูดว่านุ่มนิ่มกับเราเมื่อกี้ เขาเคยมาหลอกให้เรารัก เขาเอาจิ้นชาไป แล้วก็…” ใบชาเสียงสั่นเธอเหมือนอยากระบาย และเหมือนจะกลัวบางอย่าง
“ทิ้งเธอ” ฉันพูดแทน เพราะดูเหมือนเธอจะพูดออกมายาก
“ใช่ เขาพนันกับเพื่อนเขาน่ะ เอาความรู้สึกเราไปเป็นเครื่องเดิมพัน”
“เสียใจด้วยนะ”
“เราโดนหนักกว่านุ่มนิ่มเยอะเลยล่ะ เขาใจร้ายกับเรามาก หลอกให้เรารักแล้วก็เฉดหัวเรา หาว่าเราใจง่าย ทั้งที่เราแค่รักเขามากเกินไป” ใบชาเริ่มร้องไห้ เธอนั่งลงที่ขั้นบันไดแล้วก้มหน้าร้องไห้
“ก็เธอรักเขามากกว่าตัวเองจริง ๆ” บังเอิญว่าฉันปลอบใครไม่เป็น ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น
“ใช่ ตอนนั้นเราอยู่ ม. 5 พี่เขาอยู่ ม. 6 ตอนนั้นพี่เขากำลังจะใกล้จบ เขามาบอกว่าเราตรงสเปค เขาป้อนคำหวาน หลอกล่อจนเราตายใจ แล้วมันก็จบลงที่เรื่องอย่างว่า เขาให้เพื่อนตั้งกล้องในห้องน้ำของโรงเรียน แล้วก็เอาคลิปเราไปโอ้อวด พร้อมกับเฉดหัวเราทิ้งในวันปัจฉิมของเขา เราไม่รู้ว่าเขามาเรียนที่นี่ กว่าจะรู้ก็ย้ายไม่ได้แล้ว เราก็เลยเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ ไม่ทำตัวให้เขาขุดเรื่องในอดีต ขอโทษนะที่เอาเรื่องส่วนตัวมาเล่าให้ฟัง เราก็แค่คิดว่าเธอไว้ใจได้ หลังจากที่เราแอบมองเธอมาตั้งแต่ที่เธอเข้าเรียนที่นี่ เราอยากจะทักเธอตั้งนานแล้ว แต่เธอเห็นใส่ใจแต่หมิว เราก็เลยไม่กล้าทัก” ใบชาพยายามเช็ดน้ำตา
เธอดูน่าสงสารจัง นี่ฉันกำลังจะใจอ่อนอีกแล้วใช่ไหม ถ้าหากว่าเรื่องที่เธอเล่ามามันคือเรื่องจริง คงไม่พ้นฉันต้องเห็นใจเธอ และอาจจะเสียใจกับการให้ใจ แบบที่เคยให้หมิว
“ลุกเถอะ ฉันอายคน ถ้าเธอไม่ลุกฉันจะทิ้งเธอให้ร้องไห้อยู่ตรงนี้นะ”
“นุ่มนิ่มยอมเป็นเพื่อนกับเราเหรอ” เธอฉีกยิ้มกว้างทั้งที่ใบหน้ายังหลงเหลือคราบน้ำตา
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าให้ใจตอนนี้ก็คงจะไม่ไหวนะ ฉันไม่อยากไว้ใจใคร” ฉันบอกไปตามที่ใจคิด ไม่น่ามายืนฟังยัยนี่เล่าชีวิต
ดราม่าของตัวเลย ไม่งั้นฉันคงไม่รู้สึกสงสารแบบนี้
“ขอบใจนะ ปะ ไปกันเถอะ” ใบชายิ้มสดใสแล้วก็ลุกขึ้นมายืนข้างฉันจากนั้นเราก็เดินลงบันไดด้วยกันจนมาถึงหน้าตึก
“โทรศัพท์มึงมีไว้ทำอะไรอ้วน” พอฉันเหยียบบันไดขั้นสุดท้าย คำถามนี้ก็ดังขึ้นมา
ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นี่เขามาโผล่ที่คณะฉันได้ยังไง และนักศึกษาก็มองเขาเต็มไปหมด
“นุ่มนิ่มรู้จักเหรอ” ใบชาถามฉันแผ่วเบา
“มะ…”
“เลิกเวิ่นแล้วกลับบ้าน วันนี้คนที่บ้านไม่มารับ พี่ชายมึงสองคนติดกิจกรรม เดี๋ยวเพื่อนพี่ชายจะไปส่งเอง” เพื่อนของพี่ชายเดินมาจับมือฉันแล้วก็ลากฉันเดินออกมานอกตึก
“พี่คะ พี่มาลากเพื่อนหนูแบบนี้ไม่ได้นะ เพื่อนหนูไม่อยากไปกับพี่” ใบชารีบวิ่งมาตัดหน้าพี่เคลิ้มและฉัน แล้วเธอก็ต่อว่าพี่เคลิ้ม
โถ่ ใบชา เธอคงไม่รู้จักฉายาผู้ชายคนนี้ใช่ไหม ถึงได้เอาตัวเข้ามาเสี่ยงแบบนี้
“กลับบ้านไปน้อง นี่น้องสาวเพื่อนพี่ เพราะฉะนั้นก็เหมือนน้องสาวพี่ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ตั้ม ไอ้ตาม คณะวิศวะได้เลยว่าพวกมันมีน้องสาวชื่อนุ่มนิ่มไหม” พี่เคลิ้มมันบอกใบชา แล้วก็เดินลากฉันออกมา
พี่เคลิ้มพูดเสียงโคตรดัง และนักศึกษามองโคตรจะเยอะ
แบบนี้คนก็ต้องรู้หมดน่ะสิว่าฉันมีพี่ชายเป็นหนุ่มฮอตของคณะวิศวะ
วุ่นวาย พรุ่งนี้ฉันต้องวุ่นวายแน่นอน
เหตุการณ์บนรถ
“พี่ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย” ฉันโวยวายทันทีที่พี่เคลิ้มขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
นึกบ้าอะไรมาลากฉันที่หน้าตึก พรุ่งนี้ฉันคงตกเป็นเป้ายิ่งกว่าเดิม
“ก็แค่เห็นคนแชร์คลิปมึง กูก็เลยมารับก็แค่นั้น มึงจะได้ไม่ต้องแคร์ใคร”
“นิ่มเคยแคร์ใครที่ไหนล่ะ”
“มึงแคร์คนอื่นมาตลอดต่างหาก มึงไม่เคยแคร์ตัวเอง ชีวิตที่ผ่านมาของมึงถึงไม่มีความสุข ชอบกดชีวิตตัวเองให้ต่ำ”
“อย่ามาพูดเหมือนรู้จักนิ่มดีขนาดนั้น”
“กูรู้จักมึงมากกว่าที่มึงรู้จักตัวมึงเองอีก” พูดเหมือนรู้จักฉัน ทำเหมือนตามสืบเสาะชีวิตฉัน
หรือว่า…
“พี่ชอบนิ่มเหรอ”
“มึงอ่านนิยายมากไปเหรออ้วน”
“เกี่ยวอะไรกับนิยายที่นิ่มอ่าน”
“ก็มึงมันขี้มโนไง”
“!”