(1) บทนำ
บางเรื่องราวในชีวิตนี้ เราอาจจะกลายเป็นเพียงหมากในเกมให้กับใครบางคนโดยไม่รู้ตัว…
ยามค่ำคืนในตรอกข้างตึกร้างที่ไร้ผู้คนสัญจร เป็นสถานที่เหมาะสมแก่การกระทำต่อสิ่งผิดกฎหมาย และหนึ่งในความผิดนั้นก็คือการรุมทำร้ายร่างกายอย่างป่าเถื่อน
“พอ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของใครบางคนดังขึ้นสั่งลูกน้องตัวเองให้หยุดเท้าที่อัดใส่ใครบางคนที่นอนอ่อนระทวยอย่างไร้ทางสู้
ฝีเท้าแผ่วเบาก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย ทั้งตัวของเขามีเพียงสีดำดูกลืนไปกับความมืดสลัวราวกับมัจจุราชที่กำลังจะพรากชีวิตคน ทำให้ชายถูกกระทำไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้านั้นอย่างเต็มตาเพื่อจดจำ
“อย่ายุ่งกับเฟย์อีก” แล้วน้ำเสียงราบเรียบดูไร้อารมณ์ของเขาก็ดังขึ้นสั่งชายหนุ่มที่นอนกองบนพื้นออกไปอย่างไม่แยแส บอกให้รู้ว่าเหตุผลอะไรอีกฝ่ายถึงได้ถูกลากมากระทืบแบบนี้
“ฟะ...เฟย์อย่างนั้นเหรอ” คำถามนั้นดังขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกทำร้ายร่างกายอย่างไร้ทางสู้เพราะเรื่องของผู้หญิงที่เขากำลังคุยทำความรู้จัก
แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าโสดนี่ แล้วทำไม...
“เมียไม่รักดีของกูเอง” ชายในชุดดำตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่โทนเสียงค่อนข้างจะติดไปทางเย้ยหยันกว่าประโยคอื่น ราวกับว่าการกระทำนี้ของหญิงสาวเจ้าของชื่อเป็นเรื่องปกติไปแล้วก็ว่าได้
“ดะ...ได้ ถ้าฉันรู้ว่าเธอมีผัวแล้ว ฉันไม่มีทางยุ่งกับเธอแบบนี้” เขาตอบออกมาอย่างไม่คิดเลยว่านอกจากจะถูกผู้หญิงหลอกแล้วยังต้องมาเจ็บตัวเพราะผู้หญิงแบบนั้นอีก
สวยนอกเน่าในจริงๆ
“.....” ร่างสูงของชายผู้นั้นหันหลังเดินออกไปอย่างไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก เพราะเขาได้ทำสิ่งที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว การกระทำที่แสนป่าเถื่อนที่ต้องคอยจัดการกับผู้ชายที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับหญิงสาวเจ้าของชื่อ
เขาเดินจากไปพร้อมกับมุมปากที่กระตุกสูงขึ้นข้างหนึ่งด้วยความเย้ยหยันสะใจอย่างร้ายกาจแบบไม่มีใครเห็นมัน
“นพ บาสไปไหนเหรอ” เฟย์ หรือ เฟรญา เดินเข้าไปถามเพื่อนสนิทของชายหนุ่มที่เธอตามหาออกมาในทันที เพราะเธอติดต่อเขาไม่ได้หลายวัยแล้ว
“เธอไม่รู้เหรอ?” มานพถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
“รู้อะไร?” เฟรญาถามกลับอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายกลับมีท่าทีกับเธอแบบนี้ ทั้งที่ปกติก็พูดคุยกันเหมือนเพื่อนและคนรู้จักทั่วไป
“เพราะความแรดของเธอถึงทำให้ไอ้บาสมันเข้าโรงพยาบาล!” มานพตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรกับสิ่งที่รับรู้จากเพื่อน
“หมายความว่ายังไง!?” แน่ล่ะว่านอกจากจะไม่พอใจกับคำด่าของอีกฝ่าย แต่เธอก็ไม่เข้าใจด้วยว่าที่พูดหมายถึงยังไง
“อย่ามาตีหน้าซื่อหน่อยเลยเฟย์ เธอมันก็แค่ผู้หญิงสารเลวที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น!” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบแต่กลับพูดขึ้นราวกับว่าเบื่อหน่ายกับใบหน้าเสแสร้งนี้จึงด่าเธอออกมาอีกครั้ง
“พูดให้มันดีหน่อย ฉันกับนายไม่ได้รู้จักกันมากพอให้นายมาพูดหมาๆ แบบนี้...”
“แล้วก่อนจะด่าใครก็ช่วยพูดความจริงหรือหาความจริงให้ได้ก่อน!” เฟรญาย้อนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าเหมือนกันที่ถูกอีกฝ่ายด่าโดยไม่ได้รู้จักกันดี อีกทั้งเธอก็ไม่ได้ทำอะไรให้ด้วย
“หาความจริง? ถ้าฉันไม่รู้ความจริงแล้วจะกล้าพูดแบบนี้เหรอ...”
“มันยังมีความจริงอะไรให้ต้องหาอีก ในเมื่อผัวของเธอมันกระทืบไอ้บาสจนต้องนอนโรงพยาบาลมาสองคืนแล้ว!” ความไม่พอใจของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อประจานสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้เพื่อนเขาเดือดร้อน ประจานออกมาอย่างไม่สนใจว่าจะอยู่ในมหาลัยและมีคนได้ยิน
“ผัว? เฟย์มันมีผัวที่ไหน!” ปุณิกาพูดขึ้นให้อีกฝ่ายรู้ว่าเพื่อนของเธอไม่มีแฟนด้วยซ้ำแล้วจะมีผัวได้ยังไง
“ถ้าไม่ใช่ผัวแล้วมันจะทำไอ้บาสแบบนั้นทำไม อีกอย่างมันบอกไอ้บาสเองว่าเธอเป็นเมียไม่รักดีของมัน!” มานพบอกเล่าตามที่เพื่อนบอกให้หญิงสาวได้ฟังอย่างไม่พอใจ
“บาสอยู่โรงพยาบาลไหน” เฟรญาอยากถามอีกฝ่ายให้รู้เรื่องว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง
“จะไปหามันทำไม ขืนเธอไปมันคงถูกผัวเธอตามรังควานซ้ำอีก...”
“มันไม่อยากเจอเธอ และเธอก็อย่ายุ่งกับเพื่อนฉันอีก!” อีกฝ่ายตอบกลับเพื่อตัดบทสนทนาทันที
“งั้นนายควรจำไว้ให้ดีว่าเพื่อนฉันยังไม่มีผัว แล้วช่วยคิดหน่อยว่าใครจะไปกระทืบเพื่อนนายแล้วแอบอ้างว่าเป็นผัวเพื่อนฉันยังไงก็ได้!” ปุณิกาทิ้งท้ายไว้อีกครั้งก่อนจะพาเฟรญากลับออกจากคณะนี้ไปอย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด
“ผัวฉัน แล้วกระทืบคนอื่นเนี่ยนะ?” เฟรญาทวนเรื่องราวใหม่ที่ได้รับรู้ออกมาอย่างเหลือเชื่อว่าจะมีใครทำแบบนี้
“มันก็คงมีใครสักคนที่เกลียดแกแล้วสร้างเรื่องให้คนเข้าใจแกผิดนั่นแหละ แต่เราแค่ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร” ปุณิกาคิดว่าต้องเป็นแบบนี้แน่
“ก็เข้าใจทำดี” เฟรญาพูดขึ้นอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ต้องกลายเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้ แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ยังไงมันก็มีชื่อของเธอฝากฝังกับอีกฝ่าย
ใครกันที่ทำแบบนี้ แล้วทำไปเพื่ออะไรเธอต้องรู้ให้ได้