เขตคลั่งรัก พื้นที่ 1 : แดเนียล มัสชิโม่
(ลูก้า)
ณ คฤหาสน์ตระกูลมัสชิโม่
“จะบินไปจีนเลยเหรอก้า” เสียงหวานของแม่ทำให้เขาละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ หันไปให้ความสนใจยังผู้หญิงที่เขารักที่สุด
“ว่าจะไปญี่ปุ่นสักหน่อยครับ ไปหาลาเดลก่อน”
“ที่คัสก็จะพาฟี่ไปเที่ยวด้วยใช่มั้ย” แม่นั่งลงบนโซฟา ลูก้ายกแขนขึ้นกอดเอวบางแล้วเอียงหัวซบไหล่เล็กเอาไว้
“ใช่ครับ เราคิดถึงลาเดล”
“รักกันดีจังเลยนะ”
“อยู่ห่างกันนาน ๆ ก็คิดถึงไงครับ” มันก็แค่ข้ออ้างของเขา
“ไม่ได้สร้างเรื่องอะไรกันใช่มั้ย?” แม่หันมาสบตาเขา แล้วส่งยิ้มหวานมาให้
“ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย” ใครจะไปพูดความจริงได้ ว่าเขียนสัญญาหนี้ให้ไอ้เดลไปรับผิดชอบและจัดการปัญหาอยู่
แล้วยิ่งคนตรงหน้าคือ...แม่
“ทำแน่ ๆ เลย” เสียงของแม่นั้นหวานพอ ๆ กับรอยยิ้ม แต่ความรู้สึกที่เขารู้สึกมันกลับตรงกันข้าม
“จริงสิ ผมต้องไปรับน้องที่ร้านทำผม” เด็กหลงรักสีสันอย่างซินเซียเปลี่ยนสีผมทุก 3 เดือน ดีนะที่นึกขึ้นมาได้ว่าเซียไปทำสีผมใหม่อยู่
“ซินเซียขับรถไปเอง” และแม่ก็ดักทางเขาไว้อีกครั้ง สายตาจับผิดที่ยากต่อการหลุดรอด
“น้องพึ่งโทรมาเมื่อสักพักครับว่าให้มารับหน่อย ไปก่อนนะครับแม่”
ฟอด!
พูดจบก็โน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มแม่หนึ่งฟอดใหญ่ แล้วรีบลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที โดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาฝาแฝดอีกคนของตัวเอง
Luka : แม่สงสัยเรื่องที่เราจะไปหาไอ้เดล หลบให้ดีนะมึง
Lucas : เออ
คนเดียวที่ต้องปกปิดความลับเรื่องที่พวกเขาก่อขึ้นไม่ใช่พ่อที่อยู่ในฐานะบอสของตระกูล แต่เป็นแม่ที่เป็นนายหญิง พ่อยังไม่กล้าแล้วลูกจะมีใครกล้า
(1 อาทิตย์ต่อมา)
ณ คฤหาสน์ตระกูลมัสชิโม่ ประเทศจีน
หลังจากกลับจากญี่ปุ่นมาอยู่จีน เขาก็เริ่มปรับตัวได้เล็กน้อยในเรื่องของเวลา ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะเขาต้องดูแลมันเต็มตัว ต้องมาประจำที่จีนตามคำสั่งของพ่อ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไป ๆ มา ๆ ดูงานที่นี่สลับกับฝาแฝดอีก 2 คนหรือซินเซียน้องเล็กของบ้านอยู่แล้ว
“ไงคะบอส” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังนำหน้าขึ้นมา ก่อนที่ตัวจะปรากฏหน้าประตู
ลิอาน่า แอซเซอร์ ชื่อเล่น ชิเอล ญาติฝ่ายแม่ รองบอสของตระกูลแอซเซอร์ สาขาการดูแลประเทศจีน
“อือ” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ สายตาจดจ้องไปยังหน้าข่าวของประเทศจีน ณ ตอนนี้
“ทำไมไม่เป็นซินเซีย คิดถึงเซีย ~” ชิเอลเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงกันข้าม พร้อมวางเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ
“เป็นเซียเดี๋ยวก็พาน้องกูไปสร้างเรื่องอีก รายนั้นก็ใช่ย่อยดื้อฉิบหาย อีกอย่างเซียต้องดูแลที่อิตาลีอยู่ใกล้พ่อ แล้วนี่อะไร...มาก็มีงานเลย” นัยน์ตาคมมองไปยังสิ่งที่อยู่บนโต๊ะเพียงครู่เดียว แล้วกลับมาสนใจโทรศัพท์ในมือ พร้อมกับยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นวางพาดบนโต๊ะ
“เออ เดลบอกให้มึงจัดการไม่ใช่หน้าที่ของมันแล้ว ตอนนี้จัดการเรื่องที่มึงก่อไว้ให้ที่ญี่ปุ่นก็ปวดหัวมากพอ นี่คำบ่นที่กูพึ่งรับฟังมา”
“ปัญหาอะไร ช่วยให้ได้เข้าใกล้ผู้หญิงครั้งแรกต่างหาก” เขาพูดในขณะที่แบมือไปข้างหน้า แล้วชิเอลก็หยิบเอกสารบนโต๊ะมาวางให้บนมืออย่างรู้หน้าที่
“เอื้อมมาจะตายมั้ง”
“กูเป็นบอสของมึงนะ”
“เวลาส่วนตัว กูเป็นลูกพี่ลูกน้องมึงค่ะ” บรรดาเครือญาติของทั้ง 2 ตระกูล มีไม่มากนักแล้วยังเป็นรุ่นเดียวกัน พวกเราจึงค่อนข้างที่จะสนิทกันมากในระดับหนึ่ง แล้วเขาก็ไม่เคยถือตัวว่าเป็นบอสสักเท่าไหร่อยู่แล้ว
ไม่ชอบให้คนรอบข้างรู้สึกกดดันเมื่ออยู่ใกล้ตัวเอง
“ผลประโยชน์ของเราลดลงสามเปอร์เซ็นต์จากครั้งที่แล้ว เรียกคุยใหม่อีกทีเดี๋ยวไอ้เดลด่ากูอีก” ขาดทุนกับเสียผลประโยชน์ไม่ได้ซะด้วยไอ้นั่น เอกสารในมือถูกยื่นกลับไปให้ชิเอลจัดการต่อ
“ตาไวจัง ทำงานได้เทียบเท่าลาเดลแต่ชอบทำเหมือนไม่รู้เรื่องตลอด” ชิเอลบ่นพึมพำ จากนั้นก็หยิบงานไปเปิดไล่สายตาดู
“ก็ขี้เกียจ” เขาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
ไม่ใช่แค่ชิเอลจะรู้ แต่ครอบครัวของเขาต่างรู้ดีเช่นกัน ว่าระดับการทำงานของลูกแต่ละคนพอ ๆ กับลาเดล แต่เราแค่เชื่อมือมันมากที่สุด จึงให้คอยคุมพวกเราจากข้างหลังอีกที
“แล้วจะไปไหน”
“ไปเดินเล่นในจีนสักหน่อย ว่าง”
“อย่าไปหาเรื่องสนุกเล่นล่ะ” ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินออกจากห้องไป
“สั่งเป็นแม่เลย”
“ใครจะไปสั่งบอสได้ล่ะคะ...อย่าสร้างเรื่องนะไอ้เด็กเลว” เสียงเล็กตะโกนตามหลัง เธอรู้ดีว่าลูก้าเป็นพวกชอบเรื่องสนุกและไม่มีใครสั่งเขาได้ แม้กระทั่งแม่ของตัวเอง
ณ คลับหรูของจีน
เสียงเพลงและเสียงดนตรีดังแข่งกับเสียงพูดคุยรอบตัว ร่างสูงยืนอยู่บนระเบียงชั้นบนซึ่งเป็นโซน VVIP ในมือถือแก้วเหล้าแกว่งเบา ๆ สายตาจ้องมองไปยังกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่กำลังเต้นตามจังหวะเพลงกันอย่างเมามัน
“ก้าคะ” เสียงหวานเอ่ยด้วยสำเนียงภาษาจีน เรียกชื่อของเขาราวกับคนสนิทกัน แววตานิ่งเฉยเมื่อครู่ แปลเปลี่ยนเป็นแววตาขี้เล่น หันไปมองยังหญิงสาวที่เข้ามายืนริมระเบียงข้างกายเขา
“ครับ ซูลี่” เธอคือทายาทมหาเศรษฐีคนหนึ่งในจีน ที่เราบังเอิญเจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วจากนั้นเธอก็ตามติดเขาจนรู้สึกรำคาญ
“มาถึงจีนทำไมไม่บอกซูลี่เลยล่ะคะ”
“พึ่งมาถึง แล้วก็แค่แวะมาหาอะไรดื่มแก้อาการเจ็ทแล็กนิดหน่อยครับ”
“ซูลี่ให้คนของคุณพ่อตามดูว่าคุณบินกลับมาได้เป็นอาทิตย์แล้ว” ใบหน้าสวยบึ้งตึง เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังโกหกคำโต
“ติดตามผมเหรอครับ?” นัยน์ตาดุต้องมองหญิงสาวข้างกาย
“ถ้าไม่ตามจะรู้ได้ยังไงว่าคุณบินกลับมาแล้ว รอบนี้ธนาคารส่งคุณไปคุยงานหลายเดือนเลยนะ” เธอรับรู้เพียงว่าเขาทำงานเป็นพนักงานในธนาคาร ที่ดูแลด้านการติดต่อกับธนาคารต่างประเทศ จำเป็นต้องเดินทางอยู่เรื่อยและนั่นมันก็คือข้อมูลที่เขาสร้างขึ้นมาให้เธอรับรู้
“....” สิ่งที่เขาไม่ชอบคือการถูกแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของจากผู้หญิงเหล่านี้
“ลาออกจากธนาคารซะ แล้วมาทำงานกับบริษัทซูลี่ ก้าจะเอาเงินเดือนเท่าไหร่บอกมาเลย” เธอกอดแขนเขาแน่น ดวงตากลมช้อนขึ้นสบสายตาของเขาที่ก้มมองมา
“อย่าทำแบบนี้...อย่าตาม ไม่งั้นเราจะไม่ได้เจอกันอีก” พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“...ค่ะ” เสียงหวานขานรับแผ่วเบา ทั้งที่เธอมีมากกว่าเขาแต่กลับยอมอยู่ภายใต้อาณัติของเขาอย่างไร้การต่อรอง
“หลบ!” แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เขาก้มลงไปยังเบื้องหลัง
เพล้ง! โครม!
“เฮ้ย!”
หญิงสาวคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้าไปยังโซนโต๊ะด้านในสุดของคลับ แล้วใช้กระเป๋าในมือปัดขวดเครื่องดื่มสาดใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่คนเดียว จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงกันข้าม ยกเท้าถีบโต๊ะกระแทกกับเข่าของผู้ชายที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ทำให้เขาทิ้งน้ำหนักนั่งลงตามเดิม
“ฉันมาแล้ว ไอ้ลูกหมา” เมื่อเสียงเพลงปิดลงอัตโนมัติ ทำให้ทุกคนได้ยินคำพูดของเธอชัดเจน
“ต้าหลินนี่”
ชื่อที่ซูลี่กำลังพูดถึง เหมือนจะเป็นคนเดียวกับลูกสาวคนเล็กของตระกูล ‘จาง’ ที่กำลังเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศอยู่ในตอนนี้