บท
ตั้งค่า

ทลายหัวใจ - 6

ลิชาพาฉันไปซื้อของที่ห้างไม่ไกลจากยุกกี้คาสิโนเท่าไหร่ เราใช้เวลาเดินทางแค่สิบห้านาทีด้วยการเดินเท้า และใช้เวลาเดินซื้อของอีกประมาณค่อนชั่วโมงได้ หมดเงินไปเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆ ทยอยคืนมอม้าแล้วกัน

“หงส์เอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาหาเจ๊ที่โซนบาร์นะ ถ้ามาไม่ถูกลองถามเด็กๆ ที่แต่งตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟเอาก็ได้”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบลิชา ปลีกตัวเอาของเข้ามาเก็บในห้องนอนตามที่เธอบอก โชคดีที่ห้องเก็บของนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย

“เป็นไงมาไงถึงได้มากับคุณมอม้าได้ล่ะ” หลังจากเดินเข้ามาถึงโซนบาร์ลิชาก็เอ่ยถามฉันแทบทันที

“พอดีหงส์มีหนี้บุญคุณต้องทดแทนคุณยูกิ แล้วโชคดีเจอกับพี่มอม้า เขาเลยพาหงส์มาที่นี่แล้วก็ช่วยพูดให้ได้ทำงานที่นี่อีกแรงค่ะ” ฉันเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ลิชาฟัง เพราะตอนไปห้างพวกเรามัวแต่เดินเลือกซื้อของแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“เหมือนพรหมลิขิตเลยเนอะ ผู้หญิงตามหารักแท้”

“เจ๊คะ หงส์ว่ามันคนละเรื่องแล้วค่ะ หงส์บอกว่าจะมาตอบแทนบุญคุณไม่ได้ตามหารักแท้อะไรนั่นสักหน่อย” ฉันรีบอธิบายให้ลิชาฟังเพราะเธอกำลังจะเข้าใจเจตนาของฉันผิด

“ฮ่าๆ เออนั่นแหละ เจ๊พูดไว้เผื่อมันจะพลิกผลันยังไงล่ะ” ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความคิดที่แสนจะเลยเถิดของเจ๊แสนสวยตรงหน้า

“เด็กเส้นอีกแล้วเหรอ ครั้งนี้สวยนี่” เสียงแหลมๆ ของผู้หญิงปากแดงๆ ที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งโต๊ะที่บาร์เหล้าที่ฉันกับลิชานั่งอยู่ก่อนหน้าเอ่ยขึ้น

“น้อยๆ หน่อยคำพูดคำจา” ลิชาว่าให้ผู้หญิงปากแดงที่เพิ่งมาถึง เธอเบะปากพร้อมจ้องมองฉันตาเขม็ง “หวังว่าจะไม่ได้มาอ่อยคุณยูกิหรือคุณมอม้าหรอกนะ”

ผู้หญิงคนเดิมยังคงเอ่ยน้ำเสียงกระแหนะกระแหนใส่ฉัน

“ไม่มีการมีงานทำหรือไง ถึงได้มาเที่ยวแขวะชาวบ้านเขา” ลิชาว่าให้ผู้หญิงคนเดิม “เปล่า! ก็แค่เตือนว่าอย่าคิดไปอ่อยใครเขาเข้า เดี๋ยวจะตายไม่รู้ตัว” เธอพูดพร้อมกับมองหน้าฉันขมึง ทำเหมือนเกลียดอะไรฉันมากทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะเคยเจอกัน

“ก็ดีนะที่หัดเตือนคนอื่น! แต่ฉันว่าหล่อนควรจะบอกตัวเองมากกว่ามั้งยัยจ๋า เพราะคนที่คิดจะทำแบบนั้นก็คงมีแค่หล่อนกับสมุนของหล่อนเท่านั้นแหละ”

“เจ๊!!”

หลังจากที่ทั้งสองคนกำลังสาดคำจิกกัดกันอย่างเมามันส์ ฉันบังเอิญมองขึ้นไปบนชั้นลอยเห็นผู้ชายผมชมพูกำลังจ้องเขม็งลงมายังโต๊ะที่พวกเราสามคนกำลังมีปากเสียงกัน

“เจ๊มีอะไรให้หงส์ช่วยทำหรือเปล่า” ฉันรีบละสายตาจากยูกิที่มองลงมารีบเข้าไปเขย่าแขนลิชาให้เธอละความสนใจจากจ๋าที่กำลังเถียงกันอยู่

“คุณมอม้ามอบหน้าที่ดูแลคุณยูกิให้เธอไม่ใช่เหรอ เรื่องในคาสิโนเธอไม่จำเป็นต้องทำหรอก ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของตัวเองให้ดีก็พอ”

ลิชาเตือนฉันด้วยแววตาเป็นห่วง ฉันพยักหน้ารับคำเจ๊แกแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังห้องทำงานของเจ้านายที่เขาไม่ต้องการ

ก๊อกๆ

ฉันยืนเคาะประตูไม้สักอยู่สองสามที เพื่อรอเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้อง แต่จนแล้วจนรอดคนที่ฉันรู้ว่าเขาอยู่ในห้องก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา

‘ขอแล้วนะ ไม่ยอมตอบเอง อย่ามาว่าที่หลังแล้วกัน’

ฉันบ่นๆ กับตัวเองเสร็จ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของยูกิ เดินไปไม่ถึงสามก้าวก็ต้องหยุดเท้ากึก เมื่อรู้สึกว่าข้างหลังตัวเองมีวัตถุแข็งๆ จ่ออยู่

“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” น้ำเสียงแข็งๆ เอ่ยถามฉัน ทำให้ขนในกายลุกชันกับลมหายใจเยือกเย็นที่เป่ารดต้นคอตัวเอง

“หะ หงส์เคาะแล้ว แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ แต่ก็ถือว่าขอ... อ๊ะ!”

ฉันที่ยังพูดไม่ทันจบดี คนเยือกเย็นที่เอาปืนจ่อหลังฉันอยู่ก็ผลักไหล่ฉันไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเขาตามเดิม บรรยากาศกลับมาเงียบงันอีกครั้ง แต่กลับชวนขนลุกซู่เพราะมันเย็นยะเยือกเหมือนอยู่ในป่าช้าที่แสนจะวังเวง

“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ไอ้มอม้าสั่งให้ทำอะไรบ้างล่ะ” หลังจากที่ภายในห้องเงียบไม่นาน ยูกิก็เอ่ยออกมาน้ำเสียงนิ่งๆ ปนเย็นชา

“เที่ยงนี้คุณยูกิจะทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ” ฉันเอ่ยถาม คนถูกถามแทนที่จะตอบ เขากลับเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า จ้องหน้าฉันด้วยแววตาที่เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

“เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก?” เขาเอียงคอหน่อยๆ พร้อมกับเอ่ยแขวะฉันเสียงเรียบ

ฉันถึงกับอึ้งกับคำตอบของเขาที่สุดแสนจะกวนโอ๊ยสุดๆ

คนอุตส่าห์ถามดีๆ

“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปังกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที

[Yuuki’s part]

ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไร นี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็น

ผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ก๊อกๆ

“ขอเข้าไปนะคะ” ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนดังมาด้วย

แอ้ด~ ประตูไม้สักใบเขื่องของผมถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารที่คนตัวเล็กที่หน้าตามอมแมมยกเข้ามา

“สาบานว่ากินได้” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าตาของอาหารที่อยู่ในจานและมีฝาคลอบอยู่อีกที ที่ถามเพราะดูจากสภาพหน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเลอะซอสมะเขือเทศ และเศษหมูสับที่ติดผ้ากันเปื้อนเธออยู่ต่างหาก

“อย่าดูถูกฝีมือหงส์นะคะ รับรองว่าหมูสับสามรสของหงส์อร่อยเหาะ”

หงส์ยกจานข้าวในมือขึ้นสูงระดับไหล่ พร้อมกับการันตีเองคนเดียวว่าของที่ยกมานั้นอร่อย จากนั้นเธอก็เดินไปวางจานข้าวไว้ตรงโต๊ะรับแขกที่ผมมักจะใช้มันทั้งกินข้าว นั่งพักผ่อนคลายเครียดไปด้วย

“ต้องทานร้อนๆ ถึงจะอร่อย คุณยูกิวางมือจากงานแล้วมาทานเร็วๆ สิคะ”

ยัยนี่กล้าสั่งผม? ผมมองหน้าเธอแบบดุๆ แต่แทนที่หงส์จะกลัวเธอกลับยิ้มแฉ่งโชว์ฝันขาวสะอาดเรียงตัวสวยให้ผมแทน

ยัยนี่เป็นคนที่สองที่กล้าท้าทายอำนาจมืดของผม

ผมไม่อยากให้เธออยู่ในห้องนี้นานๆ เลยรีบเดินมากินให้เสร็จเธอจะได้เก็บจานแล้วออกจากห้องผมไปสักที

หมับ! ผมที่กำลังจะตักหมูสับอะไรสักอย่างที่ชื่อโคตรจะยาวของเธอเข้าปากก็ต้องหยุดชะงักมือค้าง เมื่อยัยตัวดี นั่งลงบนพื้นกระเบื้องข้างๆ โซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่

เธอจ้องมองหน้าผมตาแป๋ว ทำหน้าตาลุ้นอย่างหนักว่าอาหารเธอจะอร่อยอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า

“ลุก!” ผมสั่งเธอเสียงแข็ง พร้อมกับวางช้อนข้าวลงที่จานตามเดิม หงส์ทำสีหน้าตกใจ สะดุ้งตัวโหยงกับเสียงตะคอกเมื่อครู่

“ฉันบอกให้ลุก ใครใช้ให้เธอมานั่งจ้องคนกำลังกินข้าว ไม่มีมารยาท” ผมก่นด่าเธอพร้อมกับมองด้วยสายตาตำหนิ

“ขอโทษค่ะ ไม่เห็นจะต้องดุขนาดนี้เลย คนหรือหมากันแน่ ดุชะมัด” หงส์คงคิดว่าตัวเองก่นด่าผมเบามากสิท่า ถึงได้กล้าเปรียบว่าผมดุเหมือนหมา

“อย่าปีนเกลียว คิดว่าไอ้มอม้าให้ท้ายแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?” ผมว่าให้เธอเสียงดุอีกรอบ ครั้งนี้หงส์จ้องหน้าผมพร้อมกับทำหน้าเหวอๆ ปากพะงาบๆ เหมือนกับจะเถียงอะไรออกมาแต่ก็ต้องหุบปากลงตามเดิม

ผมใช้เวลากินข้าวฝีมือยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอยู่ประมาณสิบนาทีถามว่ารสชาติเป็นยังไง ก็พอกินได้ระดับหนึ่ง ดีกว่ากับข้าวมอม้าที่มันทำให้ผมกินทุกมื้อแทนแม่บ้านคนเก่าที่ผมเพิ่งไล่ตะเพิดไปก็แล้วกัน

“คุณยูกินอนในห้องทำงานด้วยเหรอคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของยัยเด็กตาสีฟ้ายังคงดังเข้ามารบกวนสมาธิการทำงานผมเป็นระยะๆ ไม่รู้จะมาวนเวียนอะไรในนี้ ไม่มีการมีงานอย่างอื่นทำหรือยังไงวะ

“ออกไปได้แล้ว ฉันต้องการสมาธิ” ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าตรงหน้า เลยไล่ให้เธอออกไปจากห้องทำงานนี้สักที

“ออกไปข้างนอกก็ถูกไล่เข้ามาในนี้ อยู่ในนี้ก็ถูกไล่ออกไปข้างนอก จะให้หงส์อยู่ส่วนไหนของที่นี่ไม่ทราบ” น้ำเสียงประชดปนน้อยใจนิดๆ ของหงส์ดังขึ้น

ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเธอกำลังยืนก้มหน้ามองเท้าน้อยๆ ที่สวมรองเท้าผ้าใบสีชมพู ใช้เท้าเขี่ยพื้นไปมา

เฮ้อ! ไม่รู้ทำไม เวลาเห็นท่าทางน้อยใจของเด็กคนนี้ทำให้ผมนึกถึงแก้มใสเมียไอ้กรุงโซลขึ้นมาตะหงิดๆ จะว่าไป ผมก็ไม่เห็นพวกนั้นมาเยี่ยมผมนานแล้วนะ

“เอาผ้าปูที่นอนฉันไปซักแล้วจะไปที่ไหนต่อจากนั้นก็ไป ไม่ต้องเข้ามาที่นี่อีกจนกว่าฉันจะเรียก” รำคาญที่จะมองหน้าผู้หญิงตรงหน้านานๆ เลยไล่เธอกรายๆ ด้วยการให้ไปทำความสะอาดห้องนอนตัวเองที่อยู่ห้องข้างๆ ห้องทำงานแห่งนี้

นี่แค่ไม่กี่วันที่เธอเข้ามาที่ยุกกี้คาสิโนของผม ก็ทำให้ผมปวดประสาทได้ขนาดนี้เชียว แล้วถ้าเธอยังคงอยู่ข้างกายผมแบบนี้เรื่อยๆ ผมไม่เป็นบ้าไปเลยเหรอวะ!

[End part]

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel