หวงก้าง 4/4
“พี่แอนค่ะ พ่อยังไม่เข้าร้านเหรอ” ฉันหันไปถามพี่พนักงานคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าแกเป็นใหญ่รองจากฉันกับพ่อเลยล่ะ เพราะพี่แอนทำงานอยู่กับร้านนี้มาหลายปีแล้ว เป็นที่ไว้ใจได้สำหรับฉันกับพ่อ
“มาแล้วค่ะ แล้วก็ออกไปแล้วด้วย” พี่แอนตอบ
“ว้า.. กะว่าจะได้เจอพ่อสักหน่อย” ฉันยิ้มให้พี่แอนอย่างใจดี พี่แอนก็ยิ้มใจดีตอบกลับมาเหมือนกัน
“น้องมิรินครับ” พี่เฟยเดินตามฉันมาด้วยอาการเหนื่อยหอบสุดๆ ใบหน้าพี่เฟยเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมด้านหน้า น่าเห็นใจจัง ฉันจึงเดินไปหยิบกล่องทิชชูที่หลังเคาเตอร์มาซับเหงื่อให้พี่เฟย ซึ่งพี่เฟยก็ยิ้มรับดีใจอย่างออกนอกหน้านอกตา พร้อมกับเหล่ตามองกลุ่มน้องชายฉัน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจทำใส่กลุ่มสี่หนุ่ม ไม่มีใครเขารู้สึกอะไรหรอก นอกจากเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับดุร้าวจนหน้าหวั่นใจ เมื่อเห็นดังนั้น ฉันจึงชักมือตัวเองออกจากใบหน้าของพี่เฟยทันที พร้อมกับยื่นกล่องทิชชูให้พี่เฟยจัดการซับหน้าเอาเอง
ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวสายตาแบบนั้นของโต้งด้วย ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เพียงแค่เขาส่งสายตาดุมาให้ฉันก็แทบจะซุกหน้าลงกับแผ่นดินอยู่ล่ะ ฉันมันขี้ขลาดจริงๆ
“พี่เฟยไปนั่งพักตรงนู้นก่อนก็ได้นะคะ” ฉันผายมือไปที่โซฟาตัวยาวในร้าน เพื่อให้พี่เฟยไปนั่งพัก
“ไม่เป็นไรครับ แค่ได้เห็นหน้ามิริน พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว” พี่เฟยตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มพิมใจมาให้ ฉันจึงส่งยิ้มบางๆ เป็นการตอบกลับ
“สำออย...”
แล้วเขาก็พูดขึ้นลอยๆ ฟังดูก็รู้ว่าเขาพูดใส่ใคร โต้งเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับพี่เฟยอย่างจงใจ ทำให้ฉันกับพี่เฟยต้องขยับหลบทางให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นิ!! นายมีปัญหาอะไรกับฉันเหรอ หรือเดือดร้อนแทนเพื่อน” พี่เฟยถามโต้ง พร้อมกับเหล่ตาไปมองที่ราเรซ พี่เฟยคงเข้าใจว่าที่โต้งหาเรื่องเขาเป็นเพราะว่าพี่เฟยมีเรื่องกับราเรซมาก่อน แต่ความจริงนั่น เปล่าเลย เขาก็เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ชอบมีเรื่องไปทั่ว
“อยากมีไหมล่ะ” โต้งเดินล้วงกระเป๋าหันหน้ากลับมาจ้องหน้าพี่เฟยด้วยท่าทางกวนๆ ตามสไตล์ของเขา
“ก็แค่ถาม” พี่เฟยตอบ พร้อมกับเดินเลี่ยงไปยังโซฟาตัวยาวอย่างเนียนๆ ดูก็รู้ว่าพี่เฟยกลัวโต้ง
“ไม่แน่จริงนี่ว้า” โต้งเหล่ตาไปมองพี่เฟยอย่างประเมินก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยท่าทางกวนๆ เหมือนเดิม
“จะมองอะไรนักหนา” ฉันบ่นเข้าให้
“ถ้าไม่อยากให้มองก็พูดมา จะได้เลิกมอง” โต้งจ้องหน้าฉันนิ่ง แววตาเขาดูจริงจังมาก จนฉันรู้สึกกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“ไม่ใช่แบบนั้น...”
และก็เป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาของเขา ความรู้สึกเหมือนกับว่า...ไม่อยากให้เขาเลิกมองอย่างนั้นแหละ
“ถ้าไม่อยากให้เลิกมอง ก็เงยหน้าขึ้นมา”
แล้วฉันก็บ้าจี้เงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา ร่างสูงขยับเข้ามาชิดตัวของฉัน พร้อมกับเอื้อมมือหนามาจับปอยผมของฉันให้ไปทัดที่หลังหู สายตาของโต้งดูอ่อนโยนและอ่อนหวานในเวลาเดียวกัน เสียงหัวใจของฉันเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง ทำไมตาของโต้งสวยจัง ฉันชอบแววตาแบบนี้ น่ามองจัง...
“น้องมิรินครับ!! ชุดนี้เป็นไงบ้าง”
ฉันถึงกลับสะดุ้งสุดตัว เมื่อพี่เฟยเรียกถาม นี่ฉันเผลอสบตากับเขาอีกแล้วเหรอเนี้ย พี่เฟยเดินเข้ามาแทรกกลางพร้อมกับใช้ไหล่กระแทกหน้าอกของโต้งหนึ่งทีไม่แรงมาก เพื่อให้เขาขยับถอยห่างจากฉัน ซึ่งโต้งก็ยอมถอยแต่โดยดี
“ก้างจริงๆ” เสียงร่างสูงบ่นพึมพำเบาๆ แต่ว่าฉันได้ยินนะ และพี่เฟยก็ได้ยินด้วย
“ใครเป็นก้างมิทราบ” พี่เฟยถามโต้งอย่างเอาเรื่อง
“จะให้พูดตรงๆ ไหม” เขาไม่ตอบคำถามของพี่เฟยแต่กลับหันมาถามฉันแทน ถ้าตอบไปตรงๆ ก็ได้มีเรื่องกันแน่ๆ
“เฮ้ย! ฉันถามนาย นายก็ตอบฉันดิ” พี่เฟยยังไม่ยอมง่ายๆ โต้งเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานเหมือนกลับพยายามข่มอารมณ์ไว้ ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าพี่เฟยด้วยแววตาที่พร้อมจะมีเรื่องทุกเมื่อ
“ก็มึงไง..” น้ำเสียงที่เขาพูดออกมามันทำให้คนฟังถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
“ไอ้เด็กเมื่อวานซื่น กล้าดียังไงมาพูดจาหยาบคาย ห๊ะ!” พี่เฟยเริ่มพูดเสียงดัง ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาดูเสื้อผ้าในร้านของฉันต่างก็หันมามองด้วยความตกใจ
“แล้วไง กูต้องเคารพมึงป่ะ” คำพูดของโต้งเริ่มแรงขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่า เขาเริ่มโมโหจริงๆ แล้ว
“ไอ้..” พี่เฟยกัดฟันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาชี้หน้าโต้งด้วยความโมโห
“ชี้หน้ากูเนี้ย พร้อมแดกตีนแล้วใช่ป่ะ” โต้งเดินเข้าหาพี่เฟยทันที พี่เฟยถึงกับผงะถอยมายืนอยู่หลบหลังของฉัน ทีงี้ล่ะทำเป็นกลัว ยั่วอารมณ์เขาแล้วก็หลบซะงั้น
“ไอ้โต้งๆ ๆ” เลโอวิ่งเข้ามาขว้างหน้าโต้งไว้ พร้อมกับดันร่างหนาให้เดินไปห่างๆ ฉันกับพี่เฟย
“นิสัยเสียจริงๆ ไอ้เด็กพวกนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนรึไง ก็แบบนี้ล่ะน่า ชอบใช้เงินเลี้ยงลูกกันซะส่วนใหญ่” พี่เฟยพูดขึ้น
"พี่เฟย!!" ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่เฟยอย่างตกใจ พร้อมกลับเอ่ยชื่อเขาเสียงดุ เพื่อให้เขาหยุดพูด แต่พี่เฟยกลับแสดงสีหน้าไม่เข้าใจซะงั้น
โต้งหันตัวกลับมาทันที เลโอก็ไม่สามารถขว้างเขาไว้ได้อีกต่อไป ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมกับกระชากตัวฉันให้พ้นทางก่อนที่เขาจะปล่อยหมัดใส่หน้าพี่เฟยเต็มแรง
พลัว!!! ร่างของพี่เฟยร่วงลงไปกับพื้นทันที
“โอ๊ย!! ช่วยด้วยๆ ๆ ไอ้เด็กนี่มันจะฆ่าผม” พี่เฟยร้องโวยวายลั่น ทำให้ลูกค้าในร้านของฉันแตกตื่นต่างก็วิ่งหนีออกจากร้านไปตามๆ กัน
“โต้ง!!” ฉันเดินเข้ามาพลักอกเขาไปหนึ่งที แต่เขาก็แค่เซนิดเดียวเอง ทำไมเขาไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้างนะ
“เป็นอันตพาลรึไง ทำไมชอบใช้กำลังนัก เพราะแบบนี้ไง มิรินถึง....” คำพูดที่เหลือถูกกลืนลงไปพร้อมกับก้อนสะอึก เมื่อเจอกับสายตาที่แสนเจ็บปวดถูกส่งมาให้ฉันโดยตรง มันทำให้ฉันจุกจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“...ถึงไม่เลือกโต้งใช่ไหม”
ฉันมองหน้าโต้งด้วยความตกใจที่เขาพูดต่อประโยคได้ตรงกับที่ฉันคิดและไม่ยอมเอ่ยออกมาเมื่อกี้
“ถ้ามันอึดอัดนัก โต้งหยุดก็ได้... แต่ช่วยให้ความเป็นธรรมหน่อย เพราะโต้งไม่ผิด...” เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากร้านของฉันไป พร้อมกับเพื่อนอีกสามคน
ฉันยืนมองตามร่างสูงจนลับสายตา ที่ฉันดุเขา เป็นเพราะฉันอยากให้เขาใจเย็นกว่านี้ ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา สงสัยฉันคงจะสื่อสารผิดไป เลยทำให้เขาคิดว่า...ฉันโทษเขา
“โอ๊ยยยย มิรินครับ เจ็บมากเลย”
เมื่อฉันล่ะสายตาจากโต้ง พี่เฟยยังนั่งอยู่กับพื้นเหมือนเดิม แถมยังร้องเรียกความสนใจอีก ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างขอความเห็น บัวตองได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับมองพี่เฟยอย่างประเมิน ประมาณว่า...พี่เฟยเล่นใหญ่ไป อันนี้ฉันเห็นด้วย เขาไม่ได้ชกหนักขนาดที่ต้องร้องโอดโอยไม่หยุดขนาดนั้นสักหน่อย
“ลุกไหวไหมคะ” ฉันเดินเข้าไปพยุงพี่เฟยให้ลุกขึ้น เพราะฉันคงทำเป็นใจดำไม่ได้ เพราะเหตุมันเกิดในร้านของฉัน พี่เฟยพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ดูก็รู้ว่าแกล้ง แขนหนาโอบไหล่ฉันแน่นเมื่อฉันเข้าไปพยุง บัวตองจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงอีกข้างเมื่อฉันส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
ในตอนนี้ใจของฉันมันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วล่ะ มันกำลังกังวลกับคำพูดของร่างสูงที่พึงเดินออกจากร้านไปก่อนหน้านื้ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาซะงั้น ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี้ย
.
.
.