EP.2 A BAD DREAM
ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กจากกระโปรงนักเรียนลายสก๊อตออกมา เพื่อซับหยดน้ำตาบนใบหน้าของแม่อย่างเบามือ
แม้จะไม่เข้าใจปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกท่าน แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกเศร้าและหดหู่เหลือเกิน ฉันเชื่อว่า คำว่าหย่า หรือเลิกกัน มันไม่มีแค่พ่อและแม่ที่เจ็บปวด เพราะว่าคนกลางอย่างฉันก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน... ฉันควรทำยังไง ฉันรักทั้งพ่อและก็แม่มากๆ
" คุณแม่คะ " ฉันพยายามจะปลอบแม่ให้ได้มากที่สุด เพราะท่านเอาแต่เงียบและขับรถต่อไปทั้งน้ำตาของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกผู้ชายที่รักมากที่สุด นอกใจ...
"อย่าร้องไห้เลยนะคะ " ฉันพยายามจะปลอบแม่ทั้งที่ตอนนี้ตัวเองร้องไห้หนักกว่าแม่ซะอีก
" ไม่มีพ่อแล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ" ฉันกอดแขนแม่และลูบแขนของเธอเบาๆ เพื่อหวังให้เธอใจเย็นลง
และมันได้ผลตรงที่เธอค่อยๆถอนเท้าออกจากคันเร่งรถ ทำให้หน้าปัดความเร็วค่อยๆลดลงๆ
จนมาถึงเลข 120...80 รถที่ขับเคลื่อนไปด้วยความเงียบและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของความเศร้าโศก
เรายังคงขับรถต่อมาเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงร้องไห้เบาๆของแม่ ที่ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน
..........
...............
แสงไฟสาดส่องเข้ามาด้านในรถ สว่างจ้า
" แม่คะ...ระวัง!!!! "ฉันกรี้ดร้องลั่นอย่างหวาดกลัว
รถคันใหญ่โต สูงกว่ารถของเราเกือบสองเท่า กำลังพุ่งหน้าตรงมาทางรถของเรา
"เอวา..." แม่เองก็ตกใจสุดขีดไม่ต่างกัน เนื่องจากรถพ่วงคันดังกล่าวแซงขึ้นเขามาทางโค้งและทำให้เราไม่สามารถจะหลบไปทางไหน ได้เลย..
ภายในเสี้ยววินาทีเดียวนั้น..ฉันกลัวจนไม่มีสติใดๆ ส่วนแม่ที่รู้ว่าเราหลบไม่พ้น ท่านหันมามองหน้าของฉันนิ่งๆทั้งน้ำตา
" แม่ขอโทษนะ" สิ้นเสียงนั้น ทุกอย่างในรถก็ดับลง...
ฟุบ... แอ๊ด..... เอี๊ยด.....โคร้ม....!!!!!
โคร้ม.... ตึกตั๊ก.....!!!!!
" แม่ แม่กรี้ด" ฉันยังคงกรี้ดร้องหาแต่แม่ ในขณะที่รถหมุนๆแรงปะทะที่ทำเอาฉันถูกถุงลมนิรภัยตีอัดเข้าที่ใบหน้าและอกจนจุก...
" แม่.." ฉันเรียกหาใครบางคนที่เงียบนิ่งไป ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา..
ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง หลังจากที่รถของเราพลิกคว่ำ
" ออกจากรถไปลูก " แม่พูดด้วยเสียงที่หอบเหนื่อยและ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด เพราะศีรษะของท่านกระแทกเข้ากับกระจกหน้า
แม่ดันตัวของฉันออกจากรถ จากประตูฝังของฉัน
" แม่ขา..." ฉันพยายามเรียกหาท่าน เพราะว่าเจ็บระบมไปทั้งตัวจนแทบไม่อยากขยับ
แต่แม่ก็ยังใช้กำลังทั้งหมด ดันตัวของฉันออกมา
หลังจากที่ฉันออกมาพ้นจากรถ ฉันก็พยายามจะดึงมือของแม่ออกมาด้วย
แม่ของฉันแทบไม่มีแผลใดๆเลยภายนอก ท่านโทรตามรถพยาบาลและคอยกอดปลอบใจฉันอยู่ตลอดเวลา แม่หันรถฝั่งคนขับรับแรงกระแทกจากรถบรรทุกคันใหญ่นั้นแบบเต็มแรง
เพื่อให้ฉันได้รับความเจ็บปวดน้อยที่สุด รถสุดหรูคันละหลายสิบล้านพังยับเยินกลายเป็นซากเหล็ก... แต่สิ่งที่พังและไม่สามารถเอากลับมาได้อีกเลยก็คือ..... ร่างกายของแม่ฉันเอง
" แม่รักหนูมากนะเอวาลีน รักมากจริงๆ " นั้นคือเสียงของแม่ที่พร่ำบอกกับฉันข้างๆใบหู
" แม่จ๋า..แม่" ฉันเรียกหาท่านด้วยความกลัว เพราะเห็นจมูกและใบหูของท่านมีเลือดออกมาทั้งสองข้าง
ท่านอดทนจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จับมือของฉันส่งขึ้นรถพยาบาล...
เลือดที่ออกทั้งปากจมูกและใบหูเนื่องจากแม่โดนชนเข้าเต็มๆ จนทำให้ร่างกายด้านในช้ำและเลือดออกในช่องปอด และสมอง
ทันทีที่ฉันหมดสติ แม่ก็ล้มลง ก่อนที่ฉันจะรู้ภายหลังว่า...
แม่ได้จากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย.....
_______________________
" แม่อย่าทิ้งหนูไป แม่!!! "
" เอวา เอวา" เสียงของใครบางคนปลุกให้ฉันตื่นจากฝันร้ายเรื่องเดิมๆ
ฉันหลับตาขึ้นมาทั้งน้ำตา ก่อนจะมองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนเดิมและคนเดียวที่ฉันรู้จักดีมากที่สุดในชีวิต
" แอลตัล " ฉันบ่นๆก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนและหันไปมองหน้ามันอย่างงัวเงียๆ
" นี่มันกี่โมงแล้ว ? " แอลตัลเอ่ยถามและโชว์หน้าปัดนาฬิกามันมาทางฉัน
" จะกี่โมงกี่ยามแล้วทำไม? " ฉันตอบไปและหาวว๊อดๆ ใส่หน้ามันไปที
แต่พอมองไปรอบๆ มันคือห้องนอนของมันนี่น่า
" ห้องมึง? " ฉันสำรวจไปรอบๆ
" ก็เออดิ แค่ลากสังขารตัวเองกลับห้องก็ลำบากพอละ"
" ยังต้องมาแบกมึงกลับมาด้วยอีก กูไม่แรงไปส่งมึงถึงห้องนอนมึงหรอกนะ " แอลตัลบ่นๆ และมองออกไปนอกหน้าต่างนั้น
เพราะว่าห้องนอนของเรา หน้าต่างตรงกันพอดี และบ้านเราทั้งคู่นั้นอยู่ข้างกันนี่แหละ
ฉันกับไอ้แอลตัลเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่า เราเกิดโรงพยาบาลเดียวกัน หมอทำคลอดคนเดียวกัน และเกิดห่างกันแค่เดือนเดียวเท่านั้น โดยที่ฉันถือกำเนิดเกิดก่อนมัน ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของแอลตัลก็เป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉัน
และนั้นทำให้เราจำเป็นต้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก
" วันนี้เปิดเทอม ไปร่ำไปเรียนซะบ้างเถอะน่า "
" สมองมึงยิ่งไม่ค่อยมีรอยหยักอยู่" แอลตัลมันขี้บ่น และบ่นๆอย่างน่ารำคาญมากถึงมากที่สุด
" มึงว่ากูโง่เหรอ ไอ้แอลตัล? " ฉันลุกจากที่นอนอย่างจงใจหาเรื่อง
" ฮื้อ รถขนเหล้าไปคว่ำในปากมึงเหรอเอวาลีน กินหรืออาบ??"มันถามก่อนจะเอามือปิดจมูก
" หนักหัวมึงรึไง? " ฉันบ่นๆ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงทันที
" อาบน้ำแปรงฟัน ซะเดี๋ยวกูให้แม่บ้านไปเอาชุดนักเรียนที่บ้านมึงมาให้ " แอลตัลพูดก่อนจะเดินออกไป
ฉันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนะ เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมานอนบ้านมัน
หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องเพื่อลงมาทานอาหารเช้า ร่วมกับ พ่อและแม่ของแอลตัล ซึ่งรู้จักฉันดีกว่าใคร
"มากินข้าวก่อนไปเรียนสิลูกๆ " พ่อของแอลตัลกวักมือเรียนฉันกับแอลตัลให้ไปนั่งที่โต๊ะ
" ของโปรดคุณหนูเอวาลีนเลยนะคะ ป้าแววเตรียมไว้ให้" ป้าแวว พี่เลี้ยงของแอลตัลเดินถือ มักกะโรนีซุปเห็ดที่ฉันชอบมาให้กับมือ
" ช่วยแก้อาการแฮงค์ได้ด้วยนะคะ ป้าอุ่นมาร้อนๆเลย" ป้าแววกระซิบกระซาบข้างๆหูของฉัน
" ขอบคุณนะคะ " ฉันยิ้มอย่างมีความสุข
" เราสองคนนะ โตๆกันแล้วนะลูก " แม่ของแอลตัล หรือคุณน้าอารีย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง
แต่น้ำเสียงของท่านยังไงก็ใจดี๊ใจดีอยู่ดีนั่นแหละ
" จะพากันกลับมานอนเตียงเดียวกัน ห้องเดียวกันแบบนี้ แม่ว่ามันดูไม่ให้เกียรติ เอวาลีนเกินไปนะ " น้าอารีย์หันมาพูดและมองฉันสลับกับแอลตัล
" แม่ครับ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรมันนะครับ " แอลตัลยกมือขึ้นสองข้างและส่ายหน้าอย่างรุนแรงกับแม่ของเขาทันที
" แต่ก็ไม่แน่ว่า มันจะปล้ำผมรึเปล่า? " แอลตัลพูดอย่างขำขัน
" นี่แอลตัล!!! " ฉันแยกเขี้ยวใส่หน้าอย่างหมั่นไส้ความมั่นหน้าของมันจริงๆ
" กูไม่ได้ตาบอดนะเว้ย ไอ้บ้า " ฉันพูดเบาๆกับแอลตัล และเริ่มใช้เท้าตีกันไปมาใต้โต๊ะอาหารเช่นเคยๆ
" พอกันทั้งคู่เลย เราสองคนเนี้ยนะ " น้าอารีย์ส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด
" ทำตัวเหมือนตอนเป็นเด็กไม่เปลี่ยนเลยนะ อายุสิบแปดกันแล้วนะลูก ไม่ใช่แปด " น้าอารียังคงดุ และสั่งสอนพวกเราสองคนต่อไป
หลังจากเราทั้งคู่ทานมื้ออาหารเช้าอย่างเร่งรีบ เพื่อแข่งกับเวลา การไปโรงเรียนในวันแรกแล้วนั้น...
ฉันเดินมาขึ้นรถของแอลตัล เพราะว่าเราเรียนโรงเรียนเดียวกัน
และไปเรียนพร้อมกันมาตั้งแต่จำความได้ และมันคงเป็นความเคยชินที่ทำมาจนถึงปัจจุบัน
@บนถนนที่รถติดไม่เคยเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานคร
" มึงยังฝันร้ายอยู่อีกเหรอวะ? " แอลตัลหันมาถามฉันด้วยเสียงห้วนๆตามสไตล์ของมัน