บท
ตั้งค่า

6

บริเวณโถงที่มีไว้รับรองผู้คนและขายอาหาร ฟ่านอวี้เหยายังสวมชุดเจ้าสาว มีเสื้อคลุมตัวหน้าทับไว้อีกชั้น กวาดตามองภาพต่างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

“ทหารพวกนั้น อยู่ในกองทัพจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“คงอยู่ในช่วงกลียุคจริงๆ เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”

ฟ่่านอวี้เหยาว่า มองไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อีกฝ่ายกำลังจะถูกหิ้วออกไปสร้างความสำราญให้แก่ทหารถึงสามคนด้วยกัน

“น่ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ถ้าหากทหารพวกนี้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างในบ้านเมือง จะมีเรื่องเลวร้ายเพียงใด”

จิ่งหรูถาม และหัวใจของฟ่านอวี้เหยาหดเกร็ง…

“ข้าก็หวังว่า จะมีคนที่มีอำนาจมากกว่าปู้หว่านถิง สามารถกำราบความเหิมเกริมของเขาได้”

“โอ้ คุณหนู อย่าเอ่ยชื่อเขาแบบนั้นสิเจ้าคะ บ่าวแค่ได้ยินก็ตัวสั่น ฉี่แทบราด ยังจำได้เลยว่า เขานั่งบนหลังม้าตัวใหญ่ และฟาดแส้ใส่คุณหนูจนบาดเจ็บ”

“บางทีข้ากับเขา คงเคยสร้างกรรมเวรไว้ร่วมกัน”

หญิงสาวเอ่ยแล้ว ภาพบางอย่างก็หมุนสลับไปมา หลายหนนางรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง นอกจากนั้นยังมองเห็นเรื่องราวในภายภาคหน้า และก็อดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า อีกไม่นานนับจากนี้ นางอาจต้องประสบหายนะครั้งใหญ่ จนแทบเอาชีวิตไม่รอด

“เรารีบเข้านอนเถิด ข้าคิดว่าพักผ่อนเอาแรงให้มากๆ พรุ่งนี้เช้าการเดินทางคงลำบากมิน้อย”

และทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ฟ่านอวี้เหยากล่าว เรือนนอกสกุลเซียวห่างจากเมืองโยวมากพอสมควร เส้นทางนั้นก็ซับซ้อน เป็นทั้งป่า ต้องผ่านช่องเขา อีกทั้งเมื่อใกล้ถึงที่หมายก็เกิดเรื่องชวนให้น่าหวาดหวั่น

“มิใช่่ทหารเป็นแน่ ดูอย่างไรก็เหมือนพวกที่ปลอมตัวมา พวกมันต้องการตรวจค้น รถม้าที่ผ่านจุดนี้ทุกคัน…แม่บ้านถาน ทางที่ดี เราเปลี่ยนเส้นทางเถิด”

เด็กหนุ่มที่บังคับรถม้าแจ้งเรื่องที่เขาประเมินแล้วก็เห็นว่าไม่ปลอดภัยกับถานลู่ ด้วยมีการแอบอ้าง และปลอมตัวเป็นทหารของปู้หว่านถิง ทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกก่อกบฏนั่นเอง

ถานลู่ได้ยินแล้วกลับชักหน้า และส่งเสียงโต้ตอบเขาผ่านช่องระหว่างคนขับ และห้องโดยสารด้านใน

“เหลวไหล อย่างไรฮูหยินน้อยนางนี้ ต้องไปถึงเรือนนอก และใครหน้าไหนก็ตรวจค้นรถสกุลเซียวไม่ได้”

เมื่อถานลู่กล่าวอย่างนั้น แต่ชายชราที่เป็นคนงานดูแลทั้งม้า และรถคันนี้ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มตะโกนบอกว่า

“แม่บ้านถาน เราเลือกใช้เส้นทางอื่นได้ ข้าบอกตั้งแต่ต้นแล้ว หากเลี่ยงการเข้าใกล้หุบเขา และป่าทึบย่อมดีที่สุด แต่เจ้าดึงดันจะมาให้ได้ บอกว่าเป็นทางลัด แต่ดูเอาเถิดอันตรายรออยู่ข้างหน้าแล้ว หรือว่าแท้จริง เจ้ารับเงินคนอื่น และมีแผนร้ายต่อฮูหยินน้อยผู้นี้!”

พอชายสูงวัยกล่าวจบ จู่ๆ ลูกธนูก็พุ่งมาแล้วปักทะลุหัวไหล่เขา!

จากนั้น ช่องระหว่างห้องโดยสารและขับควบคุมรถม้าถูกปิดอย่างเร็ว และถานลู่ก็รีบเอ่ยขึ้น

“ชุดเจ้าสาว ของท่านควรถอดออกเสีย หากไม่อยากตาย” ถานลู่บอกฟ่านอวี้เหยา แต่คนที่ตั้งใจมาเป็นเจ้าสาวของเซียวเจี้ยนอี้ ไฉนจะยอมทำได้ นางมาถึงเมืองโยว ไม่ได้เข้าห้องหอ ยังต้องมาอยู่เรือนนอก ตอนนี้ถูกคำสั่งจากแม่บ้านบอกให้นางเปลี่ยนชุด

“แม่บ้านถาน ข้าจะบอกอีกหน ข้าแต่งเข้าสกุลเซียว ยามนี้แม้ยังไม่ได้เข้าหอ แต่ข้าเป็นคนของเซียวเจี้ยนอี้แล้ว อีกอย่างเจ้าเป็นเพียงแม่บ้าน ไฉนถึงได้พูดจาไม่เคารพข้า”

ฟ่านอวี้เหยา ดูเหมือนนุ่มนิ่ม แต่นางได้รับการศึกษาดี ไม่ได้ปัญญาทึบ อาจบอบบางไปบ้าง หากอย่างไรนางนั้นสู้คน

ในขณะที่มีหลายสิ่งให้ต้องขบคิดหนัก ฟ่านอวี้เหยาก็ปวดที่แผลขึ้นมาอีก และนางเหมือนจะสลบไปในยามนั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่รถม้าจอดลงเสียดื้อๆ ฝ่ายคนขับรถม้า ไม่พูดพล่ามหรือบอกกล่าวอัดใด พอกระโดดลงรถม้าได้ เด็กหนุ่มวิ่งหนีเข้าป่าเสียอย่างนั้น

ถานลู่ ฉุนเฉียวอย่างหนัก นางต้องรับผิดชอบสิ่งใดที่มากเกินตัวเยี่ยงนี้หนอ

จากนั้นนางก็ออกจากรถม้า คิดหาทางรอดบ้าง ด้วยนางรู้ว่าฟ่านอวี้เหยา มิใช่มีเพียงแค่ฐานะฮูหยินน้อยสกุลเซียว ทว่ายังเป็นลูกสาวของหมอฟ่าน ที่ถูกขุนนางกังฉินหลอกยืมมือ และใส่ร้ายว่าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ (ฉางอ๋อง) ซึ่งนางก็ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง เพื่อส่งตัวฟ่านอวี้เหยาให้อีกฝ่าย

“คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ”

เสียงของจิ่งหรูฟังแล้วก็ตื่นตระหนก ยามนี้รถม้าจอดสนิท ทั้งแม่บ้านถู คนขับรถม้าต่างหายหัวไปหมด

สาวใช้เปิดหน้าต่าง มองไปด้านนอก เห็นทหารหลายสิบนายอยู่ไม่ห่างนัก ซึ่งนางมีไหวพริบอยู่บ้าง ทหารหลายนายแต่งตัวไม่ถูกต้อง ทั้งมีหนวดเครารุงรัง ประเมินด้วยสายตาก็คิดว่าอาจเป็นโจรสวมรอย

“มือสังหารหรือ…”

นางแค่คาดการณ์ไปเท่านั้นเอง

“คุณหนู ฟื้นเถอะเจ้าค่ะ ภัยมาถึงตัวแล้ว”

จิ่งหรูเขย่าร่างเจ้านายของตน ทว่าบาดแผลที่หญิงสาวได้รับจากแส้ ทำให้นางเป็นไข้ แม้จะได้ยาลดการติดเชื้อ และสมานแผลพร้อมกับห้ามเลือด ทว่านางที่เดินทางไกลมาจากเมืองหลวงทั้งยังแพ้อาหาร พักผ่อนก็น้อย สุขภาพจึงไม่สู้ดี

กระทั่งจิ่งหรูแน่ใจว่า หากปล่อยไว้เช่นนี้ คงไม่มีทางรอดกันทั้งสองคน สาวใช้จึงตัดสินใจแน่วแน่ นางถอดชุดเจ้าสาวซึ่งเป็นเสื้อคลุมตัวนอกของฟ่านอวี้เหยาออก แล้วเปลี่ยนให้ตน ส่วนเสื้อผ้านางสวมให้ฟ่านอวี้เหยา แต่ใส่ได้เพียงลวกๆ เท่านั้น ด้วยมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ

จิ่งหรูตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกระโดดลงไปพื้นเบื้องล่าง แล้วเปิดขวดยาอันเป็นสารกระตุ้นให้ม้าตื่นตัว ม้าร้องอยู่สามสี่ครั้ง ก็เตรียมโผนทะยานไปข้างหน้า

“ทะ ท่านลุง ช่วยส่งคุณหนูของข้าไปยังที่ปลอดภัยได้หรือไม่” ชายสูงวัยที่เป็นผู้ช่วยคนควบคุมรถม้า เขายังพอมีแรงเฮือกสุดท้าย จึงยิ้มให้จิ่งหรู

“คุณชายรอง ให้ข้าพาฮูหยินน้อย ไปให้ถึงเรือนนอก… นี่คือคำสั่งที่ข้าได้รับ”

“ฝากท่านลุงด้วย คุณหนูเป็นคนดี จะต้องไม่เป็นอันตราย ส่วนท่านลุง…” จิ่งหรูมองที่ธนูที่ปักอยู่หัวไหล่อีกฝ่าย บาดแผลฉกรรจ์ทีเดียว เลือดก็ไหลไม่หยุด

“ไว้ใจได้ แม้ตายเป็นผี ฮูหยินน้อยก็จะถึงเรือนนอก”

ชายชรากล่าวจบรถม้าก็เปลี่ยนเส้นทาง และเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนู… อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ในมือคนพวกนั้น บ่าวโง่เขลาทำได้เพียงเท่านี้” จิ่งหรูว่าแล้ว นางซึ่งสวมชุดเจ้าสาวก็มองไปยังกลุ่มทหารที่บ่ายหน้าเข้ามา ก่อนรีบออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel