ตอนที่ 8 หนังสือลับจากมือมารดา2
เหลียงซูเมิ่งเมื่อมองตามจนเห็นท่านแม่ของนางแล้วเหล่าสาวใช้ผู้ติดตามทั้งหลายพากันเดินห่างจากไปไกลจากเรือนของนางแล้วจึงได้กลับเข้าห้องด้านใน
เนื่องด้วยติงหยู่ไม่อยู่ ยามนี้ในห้องด้านในนี้จึงเหลือเพียงนางเพียงคนเดียว สาวใช้ในเรือนของนางคนอื่นๆต่างคอยท่าอยู่เพียงห้องด้านหน้าเท่านั้นไม่ได้เข้ามาที่ห้องด้านในกับนางด้วย
เหลียงซูเมิ่งนั่งลงที่เตียงนอนของตนอีกครั้งก่อนจะหยิบห่อผ้าและหนังสือสามเล่มที่วางอยู่บนเตียงไม่ไกลขึ้นมาวางเอาไว้บนตัก นางเลือกหนังสือเอาไว้หนึ่งเล่มส่วนอีกสองเล่มที่สองถูกนางนำไปวางไว้ข้างกายเช่นเดิม
“เป็นหนังสือแท้ๆแต่กับไม่มีชื่อหนังสือได้อย่างไร” นางเอ่ยขึ้นกับตัวเองพลางลูบปกหนังสืออย่างพอใจ
หนังสือที่ท่านแม่นางให้ล้วนแล้วแต่ล้ำค่าเป็นแน่แท้ นางคิดก่อนจะเปิดหนังสือขึ้นอย่างยินดียิ่งที่จะได้ยลยิ่งเนื้อหาภายในเล่มเสียที เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วหน้าแรกของหนังสือกับเป็นรูปวาดของภาพห้องนอนแห่งหนึ่งซึ่งวาดได้งดงามยิ่งนัก มีตัวอักษรสามคำถูกเขียนเอาไว้อย่างสวยงามด้านขวาของภาพด้วย ตัวอักษรเหล่านี้ทำเอานางต้องขมวดคิวเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนัก
วสันต์หวานล้ำ
ดูจากชื่อหนังสือแล้วไม่รู้ว่าด้านในจะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับฤดูวสันต์อย่างไรกัน อาจจะเป็นเรื่องเล่าของผู้มากความรู้น่ายกย่องสักคนเป็นแน่แท้
เมื่อคิดว่าตนอาจจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้มือบางก็พลิกหน้าหนังสือหน้าต่อไปในทันทีด้วยความตื่นเต้นในใจ
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังสือหน้าต่อไปกลับทำเอานางแทบหยุดหายใจ หนังสือที่แต่เดิมอยู่ในมือของนางยามนี้ถูกนางสะบัดตกลงไปอยู่ด้านล่างเตียงเสียแล้ว
หนังสือนี่มันหนังสืออะไรกัน ใยภายในกับมีภาพชายหญิงไร้อาภรณ์ติดกาย แถมยังกำลังทำท่าทางประหลาดยิ่งในภาพเช่นนั้นเล่า!!!
วสันต์หวานล้ำ
วสันต์หวานล้ำอย่างนั้นหรือ
นางทวนชื่อหนังสือในใจก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าที่แท้ วสันต์หวานล้ำเล่มนี้คือหนังสือตำราภาพวังวสันต์ (ตำราภาพวาดวังวสันต์คือหนังสือภาพวาดการเสพสังวาสระหว่างชายหญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรากามสูตรของจีน คำว่าวสันต์หมายถึงฤดูใบไม้ผลิ นิยมใช้เพื่อเปรียบเปรยกับความรักของชายหญิง)
ซูเมิ่งที่ยามนี้ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย โชคดีที่ติงหยู่ไม่ได้อยู่ด้วยไม่เช่นนั้นยามนี้นางคงไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าอย่างไรกับเหตุการณ์หน้าตกใจที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้
นางทำใจอยู่ครู่หนึ่งจึงได้รีบหยิบหนังสือที่นางสะบัดจนตกไปอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วจึงนำหนังสือทั้งสามเล่มนี้ห่อเก็บเข้าไปในห่อผ้าเช่นเดิม ก่อนที่จะรีบร้อนเก็บเจ้าห่อผ้าห่อนี้เอาไว้ในหีบใส่ของใบหนึ่งซึ่งอยู่ลึกที่สุดของใต้เตียงนอนของนาง
เมื่อซ่อนของเสร็จเรียบร้อยนางจึงได้นั่งลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพียงแค่ซ่อนของลึกลับสิ่งนั้นทำเอานางเสียพลังไปมากจริงๆ ท่านแม่นางก็ช่างกระไรนักใยต้องส่งหนังสือเช่นนี้มาให้นางตั้งแต่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัวเล่า
นางรู้ดีว่าหนังสือพวกนี้ถูกส่งให้ด้วยความหวังดีจากท่านแม่ของนาง นางก็ว่าแล้วว่าท่านแม่ของนางมีท่าทางแปลกไปกว่าปกติ
ไม่น่าเล่าจึงเอ่ยให้นางค่อยๆดูค่อยๆเรียนรู้
ท่านแม่ท่านคิดว่าข้าจะกล้าเปิดมันดูอีกหรือเจ้าคะ
คิดไปคิดมาก็อดจะใจเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนกไม่ได้เมื่อคิดไปว่าเรื่องในหนังสือตำราภาพวังวสันต์ที่แสดงความสนิทชิดเชื้อยิ่งระหว่างชายหญิง ภายหน้าตัวนางเองก็อาจจะต้องทำการสนิทชิดเชื้อเช่นนั้น
ใบหน้างามยังคงแดงเพิ่มขึ้นอีกเมื่อในหัวเริ่มมีความคิดน่าเขินอายเพิ่มยิ่งขึ้น นางรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดน่าอายของตน ไม่นางจึงเริ่มควบคุมตัวเองได้ แต่เมื่อสายตากวาดมองไปเจอต้นจวี๋ฮวาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักก็ทำให้หน้าของนางบังเกิดความร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครา
ครั้งนี้นางรีบเรียกเหล่าสาวใช้ที่รอท่าอยู่ที่ห้องด้านหน้ารีบเขามาช่วยนางหาน้ำชาสงบใจมาให้ดื่มสักถ้วย จึงดีขึ้นมากประจวบเหมาะกับติงหยู่กลับมาพอดีนางจึงให้ติงหยู่รีบจัดการนำผ้ามาให้นางเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้านอนในทันที
คืนนี้น้ำชาสงบใจก็ดื่มแล้วเทียนก็ดับแล้ว แม้ร่างกายนางจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บางจากการตื่นตระหนกจนเกินไป แต่กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็กินเวลาไปเกือบจะถึงครึ่งคืนเลยทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้นเหลียงซูเมิ่งตื่นสายนิดหน่อยเนื่องมาจากเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ไม่ง่ายนัก
“คุณหนูวันนี้คุณหนูใหญ่ให้คนมาแจ้งว่าจะกลับมาที่บ้านนะเจ้าคะ”
ติงหยู่เอ่ยบอกกับนางในระหว่างที่นางกำลังกางแขนให้สาวใช้ผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมด้านนอกให้นาง
“พี่ใหญ่จะมาถึงเวลาใดเล่า นางได้ให้คนมาแจ้งเอาไว้หรือไม่”
“แจ้งเอาไว้เจ้าค่ะ เห็นบอกมาว่าจะมาถึงก่อนมื้อกลางวันเพื่อมาให้ทันทานมือกลางวันกับคุณหนู”
“ดียิ่ง เช่นนั้นเจ้าก็ให้คนครัวเตรียมอาหารที่พี่ใหญ่ชอบเอาไว้สองสามอย่างก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการให้เดียวนี้”
