5 ขอกอดได้ไหม
ของขวัญ...
"คอไปโดนอะไรมาลูก" ฉันเดินเข้ามาในห้องนอนของคุณย่าซึ่งท่านกำลังเลือกหนังสือเพื่อให้ฉันอ่านให้ท่านฟังแต่พอท่านเงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องมาที่ฉันอย่างพิจารณาท่านคงสังเกตเห็นรอยแดงที่ลำคอของฉันเพราะเมื่อครู่นี้คุณอุษาบีบคอจนฉันแทบหายใจไม่ออกคุณอุษาสั่งห้ามให้ฉันไม่ให้พูดเรื่องที่คุณเอมอรท้องและกำลังจะไปทำแท้งแต่ถึงไม่บอกฉันฉันก็ไม่คิดที่จะพูดให้ใครฟังอยู่แล้วถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสงสารเด็กที่อยู่ในท้องของคุณเอมอรก็ตาม ฉันคิดว่าฉันอาจจะต้องทำบุญให้กับแกเพราะถือว่าฉันรับรู้เรื่องของแกแล้ว ฉันคงจะทำได้เท่านี้จริงๆคงช่วยอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
"เอ่อ คือเมื่อกี๊ขวัญโดนแมลงกัดน่ะค่ะก็เลยเกาจนเป็นรอย" ขวัญขอโทษนะคะที่ต้องโกหกคุณย่า ฉันพูดคนเดียวในใจและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโกหกท่านเพราะหลายต่อหลายครั้งที่ฉันถูกทำร้ายแต่ฉันไม่บอกใคร จะว่าฉันโง่ก็ได้แต่ฉันไม่อยากให้คุณย่าเป็นห่วงอะไรที่ฉันทนได้ฉันก็จะทนทนให้ถึงที่สุดเพราะตอนนี้ท่านก็แก่มากแล้วมีโรคประจำตัวหลายโรคอะไรที่ทำให้ท่านไม่เป็นทุกข์เป็นกังวลฉันก็ยินดีที่จะทำเพื่อให้ท่านสบายใจ
"อย่าคิดว่าย่าไม่รู้นะ"
".........." ฉันทำได้แค่ก้มหน้าเพราะไม่กล้าสู้หน้าท่าน ฉันละอายใจที่โกหกท่าน
"ย่าขอโทษนะลูกที่ปกป้องขวัญไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงย่าจะทำทุกวีถีทางเพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีและทำให้ขวัญมีความสุขมากกว่านี้ถ้าวันนึงย่าไม่อยู่แล้วย่าจะต้องหาคนมาดูแลเราแทนย่า"
สงคราม....
"พี่กลับมาแล้วนะเราอยู่ไหนไม่มารับพี่" ผมโทรหาเอมอรคู่หมั้นของผมทันทีที่ลงจากเครื่องผมกับเอมเราไม่เจอกันเลยถึงสี่ปีเต็ม ถามว่าคิดถึงไหมก็มีบ้างเพราะเราสนิทกันตั้งแต่เด็กแถมยังหมั้นกันแล้วด้วยเราหมั้นกันก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อที่หมั้นเพราะน้าอุษาขอร้องผมซึ่งผมก็ยอมหมั้นเพราะถึงยังไงซะผมก็ต้องแต่งงานกับเอมอยู่ดีมันคือข้อตกลงของพ่อผมกับพ่อเอมที่สัญญากันเอาไว้ตั้งแต่ผมกับเอมอรยังเล็ก แต่ถ้าถามว่าผมคิดถึงเอมทุกวันจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไหมก็ไม่นะเฉยๆมากกว่าเพราะอยู่ที่โน่นผมก็คั่วหญิงไปเรื่อยใครเข้ามาแล้วผมถูกใจก็ลากขึ้นเตียง จนไอ้ชนะศึกพี่ชายผมมันบ่นว่าผมทำตัวเหมือนคนโสดไม่มีคู่หมั้น ผมก็เถียงมันนะว่าแค่หมั้นยังไม่ได้แต่งเพราะฉะนั้นผมจะเอากับใครก็ได้ผมจะหยุดก็ต่อเมื่อผมแต่งงานแล้วเท่านั้น
"คือตอนนี้เอมติดธุระสำคัญกับแม่น่ะค่ะกลับไปรับพี่ไม่ทันเอมโทษด้วยนะคะพี่คราม"
"แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเดี๋ยวพี่ไปหา"
"เอ่อ คือตอนนี้เอมอยู่เกาหลีค่ะ"
"ห๊ะ เกาหลี ไปทำไมที่โน่นแล้วทำไมไม่บอกพี่"
"คือเอมมากระทันหันค่ะพี่ครามพี่ครามอย่าโกรธเอมนะคะ"
"หึ พี่คงไม่สำคัญกับเอมแล้วสินะ" ผมทำเสียงเหมือนน้อยใจ คือผมก็พูดไปงั้นแล่ะเพราะเอาจริงก็ดีใจนะที่เอมไม่อยู่ไทยเพราะคืนนี้ผมนัดเพื่อนสมัยเรียนไปเที่ยวผับด้วยกัน
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ พี่สำคัญกับเอมเสมอ เอางี้นะคะไว้เอมกลับไปเอมจะไถ่โทษพี่ด้วยการเอาใจพี่ทั้งคืนเลยรับรองพี่ต้องหายงอนเอมแน่ แต่ตอนนี้เอมขอวางสายก่อนนะคะ คือเอมต้องรีบไปทำธุระกับแม่ก่อนน่ะค่ะ ไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะคะ"
"โอเคครับไว้เจอกันนะ" ผมยิ้มอย่างพอใจเมื่อรู้ว่าเอมจะไม่อยู่หนึ่งอาทิตย์
"โทรหาคู่หมั้นอยู่ใช่ไหมเจ้าลูกชาย"
"ครับพ่อ แต่เอมไม่อยู่เธอไปเกาหลี" ผมพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจหรือเสียใจที่เธอไม่ได้มารับพร้อมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์
"ไปเกาหลีทั้งที่รู้ว่าเราจะกลับมาจากอังกฤษนี่นะ เป็นคู่หมั้นภาษาอะไร"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยพ่อไม่อยู่ก็ดีเพราะคืนนี้ผมจะออกล่าอย่างสบายใจไม่มีใครโทรตาม"
"อะไรออกล่า"
"มันจะออกไปเที่ยวไปล่าหาสาวๆสวยๆไงครับพ่อ" เป็นไอ้ชนะศึกพี่ชายผมเองครับที่คอบคำถามพ่อ
"เพลาๆมั่งนะเรื่องผู้หญิง นี่ประเทศไทยทำอะไรก็หัดไว้หน้าพ่อหน้าแม่บ้างไหนจะคู่หมั้นเราอีก"
"ผมรู้ว่าควรทำยังไงผมไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งหรือกินแบบเปิดเผยหรอกน่าพ่อสบายใจได้ ว่าแต่ทำไมแม่ไม่มารับผมล่ะ" ผมถามหาแม่เมื่อเห็นว่ามีแค่พ่อที่มารับผม
"แม่เราน่ะเหรอ มัวแต่จัดงานเลี้ยงอ้อนรับเราอยู่ที่บ้านน่ะสิไม่ยอมปล่อยให้ใครทำเลยจัดการคนเดียวหมด ดีนะที่มีหนูขวัญมาช่วย"
"เดี๋ยวนะพ่อ หนูขวัญ?? ยัยเด็กกาฝากลูกเมียน้อยลุงเขตน่ะเหรอ"
"ทำไมเรียกน้องแบบนั้น หนูขวัญน่ะน่ารักจะตายอีกทั้งยังนิสัยดีมากๆด้วยแม่เราทั้งรักทั้งเอ็นดู"
"ของขวัญมาช่วยแม่จัดงานที่บ้านเหรอครับพ่อ" ผมหันไปมองไอ้ชนะศึกที่มันมีท่าทีกระดี๊กระด๊าออกหน้าออกตาด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่ายัยเด็กกาฝากนั่นช่วยจัดงานอยู่ที่บ้าน
บนรถ...
"พ่อยัยขวัญเป็นยังไงบ้างผมไม่เจอตั้งห้าปีป่านนี้คงโตเป็นสาวแล้วสินะ"
"อื้มตอนนี้ก็ยี่สิบแล้วเรียนครูด้วยนะ" ดูพ่อจะภูมิใจเหมือนกับว่ายัยนั่นเป็นลูก
"ผมจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆขวัญจะชอบนั่งเล่นคนเดียวเอาตุ๊กตามาวางเรียงกันให้เป็นนักเรียนแล้วตัวเองเป็นคุณครู"
"น้องบอกว่าอยากเป็นครูอนุบาลคุณย่าก็เลยส่งให้เรียนครู"
"พี่กับพ่อจะพูดเรื่องยัยเด็กกาฝากนี่อีกนานไหม"
"ทำไมนายมีปัญหาอะไรฉันจะคุยกับพ่อเรื่องของขวัญ"
"พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบยัยนั่น เลิกพูดถึงซะทีเหอะ"
"อะไรกัน จนถึงป่านนี้นายก็ยังไม่เลิกเกลียดขวัญอีกเหรอวะ"
"ผมจะเกลียดยัยนั่นไปจนวันตายนั่นแล่ะ"
"หึเกลียดแบบไหนระวังจะได้แบบนั้นนะไอ้ลูกชาย"
"พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไง พ่อคิดว่าผมจะคิดอะไรยัยนั่นงั้นดิ"
"ก็ไม่แน่" ผมขี้เกียจเถียงพ่อก็เลยหยิบมือถืออกมาเพื่อแชทถามพวกเพื่อนๆว่าคืนนี้จะไปเจอกันที่ไหน
ของขวัญ....
ตอนนี้ฉันมาช่วยอากานดาจัดโต๊ะอาหารและช่วยท่านทำขนมเพื่อเลี้ยงต้อนรับลูกชายทั้งสองคนของท่านที่กลับมาจากอังกฤษซึ่งอันที่จริงแล้วพี่ชนะศึกเรียนจบมาได้สองปีแล้วแต่อากานดาขอให้เขาอยู่ดูแลคุณสงครามเพราะเกรงว่าจะเรียนไม่จบเนื่องจากว่าคุณสงครามชอบเที่ยวกลางคืนท่านกลัวจะลุกไปเรียนไม่ไหวก็เลยให้พี่ชนะศึกอยู่ดูแลที่นั่นจนกระทั่งคุณสงครามเรียนจบแล้วถึงได้กลับมาพร้อมกันซึ่งวันนี้ฉันก็มีของขวัญเล็กๆน้อยให้พี่ชนะศึกด้วยส่วนคุณสงครามฉันไมไ่ด้เตรียมอะไรให้เพราะฉันรู้ว่าเขาคงจะไม่ต้องการของๆฉันเขาเกลียดฉันจะตาย และที่ฉันเรียกพี่ชนะศึกว่าเพราะตั้งแต่เด็กพี่ชนะศึกจะบังคับให้ฉันเรียกเขาว่าพี่ห้ามเรียกว่าคุณเด็ดขาดซึ่งฉันก็เรียกเขาติดปากว่าพี่มาตลอด พี่ชนะศึกเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและคอยปกป้องฉันไม่ให้ฉันถูกรังแกจากคุณสงครามและพี่สาวของฉันเอง จนกระทั่งพี่ชนะศึกไปเรียนต่อฉันก็เหมือนตัวคนเดียวไม่มีใครเล่นด้วยแถมยังถูกแกล้งบ่อยๆ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของเขาเป็นการกลับมาในรอบหกปี หกปีที่ฉันไม่ได้เจอหน้าเขาเลยฉันก็เลยทำของขวัญเล็กๆน้อยๆให้แม้มันจะไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรแต่ฉันก็เต็มใจที่จะทำนั่นก็คือการถักผ้าพันคอเพราะนี่ก็เข้าหน้าหนาวแล้ว คือฉันรู้มาจากอากานว่าพี่ชนะศึกจะไปดูแลกิจการไร่ชาที่เชียงใหม่แทนอากองทัพซึ่งที่อากาศหนาวมากๆฉันก็เลยถักผ้าพันคอไว้ให้ และที่ฉันสามารถมาช่วยอากานได้เพราะช่วงนี้คุณเอมอรกับคุณอุษาไม่อยู่ทั้งสองคนไปต่างประเทศซึ่งฉันก็รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรทำไมถึงไปกะทันหัน
"ทำไมยังไม่กลับมากันอีกนะ" อากานดาบ่นพร้อมกับชะโงกมองไปหน้าบ้านท่านคงกำลังรอที่จะเจอหน้าลูกชายทั้งสองของท่านที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปีจนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามจอดอากานรีบจับมือฉันเดินออกไปที่หน้าบ้านทันที
"มากันแล้ว อาตื่นเต้นจังเลยหนูขวัญ" ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของท่านเพราะมือของอากานเย็นมาก สักพักประตูรถก็เปิดออกคนที่เดินลงมาคนแรกคืออากองทัพ จากนั้นก็ตามาาด้วยพี่ชนะศึกพอเขาหันมาเจอฉันกับอากานเขาก็รีบวิ่งมาหาแล้วกอดอากานดาแน่น
"คิดถึงแม่จังเลยครับ"
"แม่ก็คิดถึงเรา" ทั้งสองคนกอดกันด้วยความคิดถึงก่อนที่พี่ชนะศึกจะหันมามองหน้าฉัน
"พี่ก็คิดถึงเราด้วยนะของขวัญ" พี่ชนะศึกเอ่ยทักฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งฉันก็ยิ้มตอบพร้อบกับยกมือไหว้เพราะพี่ชนะศึกอายุมากกว่าฉันหลายปี
"ขอกอดทีได้ไหม"
"เอ่อ ไม่ดีมังคะ"
"555พี่พูดเล่นใครจะกล้ากอดโตเป็นสาวแล้วนะเรา" พี่ชนะศึกพูดแล้วเอามือมาขยี้ผมฉันจนยุ่งไปหมด
ปึ้ง!!! เสียงประตูปิดพร้อมกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างประตูพอฉันหันไปมองก็ปรากฏว่าเป็นคุณสงครามที่มองมาทางฉันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร