ตอนที่ 4 เงื่อนไขในพินัยกรรม
“อะไรนะคะพ่อ”
ธารารินชะงักมือที่กำลังห่มผ้าให้ผู้เป็นพ่อ แทบไม่อยากจะเชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน ถ้าพ่อไม่ป่วยจนเบลอ ก็เป็นเธอที่หูฝาดจากการโหมงานหนักเพื่อการประกวดออกแบบเครื่องเพชรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
“น้ำมานั่งคุยกับพ่อก่อน”
ธาราจับมือลูกสาวคนเดียวที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต ให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
“น้ำหูฝาดไปใช่ไหมคะพ่อ ที่พ่อจะให้น้ำ..”
“น้ำไม่ได้หูฝาด พ่อจะให้น้ำแต่งงานกับคุณปัณจธร อธิพัฒน์โภคิน จริงๆ”
นามสกุลที่คุ้นหูในแวดวงธุรกิจซึ่งเคยได้ยินบ่อยๆ ยังไม่น่าตกใจเท่าเจ้าของชื่อและนามสกุลนี้เพิ่งส่งดอกกุหลาบสีชมพูช่อโตให้เธอทุกวัน แถมเธอก็ยัดมันลงถังขยะทุกวันเช่นกันแม้ว่ามันจะสวยมากมายแค่ไหนก็ตาม
มันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอเดาไม่ผิด ที่หมอนี่ตั้งใจเข้ามาจีบเธอเพราะอยากได้ที่ดินเหมือนกับนายเทวานั่นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพ่อของเธอถึงหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายพันธุ์นั้นจนยกเธอใส่พานถวายให้เขาไปง่ายๆ แบบนี้
“มันเกิดอะไรขึ้นคะพ่อ พ่อรู้ใช่ไหมว่านายนั่นอยากได้ที่ดินบนเกาะของเรา”
“พ่อรู้”
“แล้วทำไมพ่อถึงจะยกน้ำให้เขา แบบนี้ไม่เท่ากับยกที่ดินให้เขาไปฟรีๆ หรือคะ”
“ใครบอกว่าพ่อจะยกน้ำให้เขาฟรีๆ สินสอดทองหมั้นตระกูลนั้นเขาก็คงจัดมาให้สมหน้าสมตา”
“ไม่ใช่เรื่องสินสอดสิคะ น้ำหมายถึงเรื่องที่ดินที่เขาอยากได้”
“นั่นก็ไม่ฟรี น้ำลองอ่านพินัยกรรมที่พ่อให้เมืองแก้ไขให้ล่าสุดก่อน”
เขาชี้ไปที่ลิ้นชักข้างเตียง ภายในบรรจุซองเอกสารสีน้ำตาลซึ่งเป็นร่างพินัยกรรมที่ยังไม่ทันได้มีการลงนามใดๆ ทั้งนั้น
พินัยกรรมฉบับนี้ จัดทำขึ้นมาตอนที่ข้าฯ นายธารา รัศมีธารา ยังมีสติครบถ้วนทุกประการ ซึ่งเนื้อหาในพินัยกรรมเป็นเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ได้แจ้งแก่ผู้รับมรดกไว้ก่อนแล้วและมีการทำสัญญายินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดในพินัยกรรมไว้ด้วยแล้วหนึ่งฉบับ
หากข้าฯ ถึงแก่กรรม หุ้นส่วนทั้งหมดของข้าฯ ในบริษัทรินธาราจิวเวลรี่ หุ้นส่วนในบริษัทอื่นๆ บ้าน ตึกแถว คอนโดมิเนียม รถยนต์ เครื่องเพชร เงินฝากในธนาคาร ทองคำ ที่ดินที่ข้าฯ ถือครองกรรมสิทธิ์ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแจกแจงรายละเอียดทรัพย์สิน ข้าฯ ขอยกให้กับนางสาว ธาราริน รัศมีธารา บุตรสาวของข้าฯ ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
ยกเว้น ที่ดินบนเกาะที่ภูเก็ตจำนวน 200 ไร่ ให้เปลี่ยนเป็นชื่อของ นางสาวธาราริน ทันทีที่นางสาวธาราริน แต่งงานกับนายปัณจธร อธิพัฒน์โภคิน โดยมีข้อแม้ว่า นางสาวธาราริน ต้องอนุญาตให้ นายปัณจธร นำที่ดินผืนนี้ไปสร้างเป็นรีสอร์ตได้ โดยต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไข ดังนี้
1. รีสอร์ตแห่งนี้ต้องไม่ทำลายธรรมชาติ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนจนเกินไป
2. รีสอร์ตแห่งนี้ต้องช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการเป็นแหล่งงานและกระจายรายได้ให้กับชาวประมงและชาวบ้านในการจัดกิจกรรมร่วมกับทางรีสอร์ต
3. ที่ดินผืนนี้จะยังเป็นชื่อของนางสาวธาราริน แม้รีสอร์ตจะสร้างเสร็จสมบูรณ์จนเปิดให้บริการแล้ว ดังนั้น หากระหว่างนี้เกิดการหย่าร้างกันของคนทั้งคู่ สิ่งก่อสร้างบนที่ดินผืนนี้จะตกเป็นของนางสาวธารารินในทันทีโดยไม่มีการฟ้องร้องแบ่งสินสมรสใดๆ ทั้งสิ้น
4. แต่หากในกรณีที่คนทั้งคู่มีทายาท ที่ดินผืนนี้จะเปลี่ยนเป็นชื่อของนายปัณจธร ทันทีที่นางสาวธารารินคลอดบุตรคนแรก
5. ทั้งคู่สามารถหย่าร้างกันได้ตลอดเวลา แต่ต้องเป็นความยินยอมของคนทั้งคู่เท่านั้น
6. หากมีการหย่าร้างเกิดขึ้นหลังจากที่ที่ดินตกเป็นชื่อของนายปัณจธร นายปัณจธรต้องเปลี่ยนชื่อเจ้าของที่ดินผืนนี้และยกหุ้นในส่วนของตนเองในรีสอร์ตแห่งนี้ ให้กับทายาทคนแรกของทั้งคู่ในทันที
7. หากเกิดเหตุไม่คาดคิด ทำให้นางสาวธาราริน เสียชีวิตก่อนที่ทั้งคู่จะมีทายาท ที่ดินและสิ่งก่อสร้างบนที่ดินผืนนี้ รวมทั้งทรัพย์สมบัติอันได้จากมรดกในพินัยกรรมฉบับนี้ จะตกเป็นของการกุศลดังรายละเอียดแนบท้ายพินัยกรรมฉบับนี้ทันที โดยสามีตามกฎหมายได้เซ็นชื่อตามสัญญาให้การยินยิมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ผู้ที่จะได้รับมรดกทั้งหมดเบิกตากว้างกับข้อความในร่างพินัยกรรมของผู้เป็นพ่อ แม้เธอจะไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลยกับการแต่งงานในครั้งนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมพ่อจะต้องให้เธอแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นด้วย
“เงื่อนไขที่มีแต่เสียเปรียบแบบนี้ เขาจะยอมแต่งเหรอคะ ถ้าพ่ออยากขายที่ดินผืนนั้นให้เขาจริงๆ พ่อขายก็ได้ค่ะ น้ำไม่ได้จะใช้ที่ผืนนั้นทำอะไรอยู่แล้ว ที่ดินที่พ่อสะสมให้น้ำมันก็เยอะจนผู้หญิงตัวคนเดียวไม่รู้จะเอาไปทำอะไรหมด น้ำไม่ได้เสียดายของนอกกาย ถ้าเขาเอาที่ดินไปแล้วทำประโยชน์ให้ชาวบ้านได้ด้วยก็ดีนะคะ แต่ทำไมน้ำต้องแต่งงานกับเขาด้วยล่ะ มันไม่เกี่ยวกับน้ำสักนิด”
“พ่อรู้ ว่าต่อให้พ่อตายไป น้ำก็อยู่ได้”
คำพูดของคนเป็นพ่อตอกย้ำสิ่งที่เธอกำลังกลัวที่สุด เธอกุมมือข้างที่ไม่ได้มีเข็มน้ำเกลือของพ่อแน่นๆ มองใบหน้าซูบซีดอิดโรย ร่างกายผ่ายผอม ดวงตาแสนเศร้าและเต็มไปด้วยความกังวลตลอดเวลาแล้วก็ใจหาย
“ไม่ค่ะพ่อ น้ำอยู่ไม่ได้ ไม่ได้แน่ๆ พ่ออย่าทิ้งน้ำไปนะ”
“มันห้ามไม่ได้หรอกลูก ถ้าเลือกได้ พ่อก็อยากอยู่กับน้ำไปนานๆ แต่ในเมื่อพ่อเลือกไม่ได้ ความตายมันมารอพ่ออยู่ในอีกไม่นานนี้แล้ว ก่อนพ่อจะไป พ่ออยากให้น้ำแต่งงานมีครอบครัว มีคนที่พ่อวางใจว่าเขาจะดูแลหัวใจของพ่อได้ พ่อถึงจะนอนตายตาหลับ หมดห่วงในตัวของน้ำ”
“แต่นายคนนั้นเขาไม่ใช่คนดีอย่างที่พ่อคิด เขาเจ้าชู้จะตาย น้ำเกลียดผู้ชายอย่างเขาที่สุด พ่อก็รู้”
“เขาไม่ได้แย่อย่างที่น้ำคิดหรอกนะลูก พ่อเป็นผู้ชายด้วยกัน พ่อดูออก อีกอย่างต่อให้เขายอมแต่งงานกับน้ำเพราะที่ดินผืนนั้น แต่น้ำก็เห็นว่าเงื่อนไขของพ่อ เขาไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่ข้อเดียว แต่เขาก็ยังตกลงที่จะดูแลน้ำให้พ่อ”
“แต่น้ำ..”
“โรคนี้มันทำให้พ่อทุกข์มาก พ่อเจ็บไปหมดทั้งตัว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แต่พ่อทั้งห่วง ทั้งกังวลในตัวน้ำ พ่อตายตาไม่หลับแน่ถ้าเป็นแบบนี้ แต่ถ้าน้ำมีคนดูแล พ่อจะสบายใจ พ่อจะหมดห่วง พ่อจะอยู่ในที่ที่พ่อสบายใจสบายกาย คอยมองน้ำลงมาจากที่ไกลๆ อย่างมีความสุข”
น้ำตาใสหยดไหลอาบแก้มนวล ธรรมชาติกำลังจะพรากพ่อของเธอไปตามวาระแล้ว แต่ท่านยังกังวลกับเธอมากขนาดนี้ ตลอดชีวิตที่เธอเติบโต เธอมีแต่พ่อเท่านั้น เธอทำให้ท่านได้ทุกอย่างแม้แต่จะให้แลกลมหายใจกันในตอนนี้เลยก็ตาม เพราะฉะนั้น การสละความสุขส่วนตัวเพื่อแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ทำไมเธอจะทำเพื่อพ่อของเธอไม่ได้
“ตกลงค่ะพ่อ น้ำจะแต่งงานกับเขา”
“พ่อดีใจที่น้ำตอบตกลง พ่อสบายใจแล้ว ขอบใจมากนะลูก พ่อเชื่อว่าเขาจะดูแลน้ำได้ดี ขอแค่น้ำยอมเปิดใจเรียนรู้เขา”
“หึ คงไม่ต้องเรียนรู้อะไรหรอกค่ะ เห็นหน้าครั้งเดียวก็รู้ไปถึงไหนๆ ว่านายนั่นมันแย่แค่ไหน ทั้งเจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ แล้วก็เป็นคนบ้าด้วย เผลอๆ อาจไม่ได้ทำหรอก รีสอร์ตน่ะ คงได้เปลี่ยนที่นอนเป็นโรงพยาบาลศรีธัญญาแทน”
คนตัวบางนึกค่อนขอดคนที่กำลังจะมาเป็นสามีของตัวเอง ที่เธอว่าหมอนั่นเป็นคนบ้าท่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะคนบ้าเท่านั่นแหละ ที่จะยอมแต่งงานทั้งที่ตัวเองไม่ได้เปรียบอะไรเลยในสัญญาและพินัยกรรมฉบับนี้
ใช่ เขามันคนบ้า คนบ้าชัดๆ ที่ยอมตกลงรับปากอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่าจะแต่งงานกับเธอ หลังจากทนายความของว่าที่พ่อตาส่งร่างพินัยกรรมและร่างสัญญาต่างๆ มาให้
ปัณจธร หยิบกระดาษร่างสัญญาขึ้นมาดูอีกครั้งแล้วแค่นยิ้มขำ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอะไรเข้าสิงให้เขายอมทำตามเงื่อนไขบ้าๆ ที่อย่างไรเขาก็เสียเปรียบทุกประตู เพียงเพื่อให้ได้ที่ดินผืนงามมาทำรีสอร์ต
ทั้งที่เขาสามารถหาที่ดินผืนงามที่เจ้าของเต็มใจจะขายให้เขาอีกกี่ผืนก็ได้ แถมต่อให้โปรเจคนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ดังหวัง ธุรกิจในเครืออธิพัฒน์โภคินก็มากมายจนไม่รู้จะเก็บเงินกันไว้ที่ไหนหมด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะดิ้นรนให้ตัวเองลำบากเพื่ออะไร
“หึ หย่าก่อนมีลูก ที่ดินและรีสอร์ตปลิว หย่าหลังมีลูก ทุกอย่างเกี่ยวกับรีสอร์ตนี้ตกเป็นชื่อลูก เมียตายก่อนมีลูก สมบัติทุกอย่างรวมทั้งที่ดินและรีสอร์ตที่เราลงทุนไป ตกไปเป็นของการกุศลทันที จะได้ที่ดินกับรีสอร์ตเป็นของตัวเองจริงๆ ก็ต่อเมื่อมีลูกและอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเท่านั้นสินะ แล้วก็เสือกตอบตกลง กูนี่มันบ้าชัดๆ”
เขาส่ายหน้าระอาตัวเอง แล้วโยนกระดาษปึกนั้นลงบนเตียง ก่อนจะกระโจนขึ้นไปนอนหงาย มองเพดานห้องด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
แต่ในสมองดันมีแต่ภาพใบหน้าสวยงามของลูกสาวเจ้าของที่ดินที่ส่งยิ้มหยันให้เขาในคืนนั้น อยากจะรู้นักว่าภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ห่อหุ้มร่างกายบอบบางนั้นเอาไว้ ด้านในของเธอจะสวยงามเหมือนที่เขาจินตนาการหรือเปล่า
ปัณจธรสะดุ้งโหยง เมื่อรู้สึกตัวก็สะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องลามกกับว่าที่เจ้าสาวแสนสวยของตัวเอง
ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าเธอจะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่า เพราะดันมาเห็นเขาอยู่กับสาวในคืนนั้นเข้าเต็มตา เห็นทีว่าพรุ่งนี้เช้าเขาคงต้องทำคะแนนกับว่าที่เจ้าสาวอีกครั้ง ผู้หญิง ต่อให้หยิ่งแค่ไหน ถ้าลองเจอผู้ชายที่ทั้งหล่อและร่ำรวยอย่างเขาตามตื๊อ ไม่นานเธอเหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนใจ และเขาจะยอมให้เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามตื๊อเป็นคนแรกและคนเดียวในชีวิตเลย