ตอนที่ 1 - 1 คุณหนูรองสกุลซู
“เจ้า…มิได้บาดเจ็บตรงที่ใดใช่หรือไม่” เสียงของซูเยว่คงดังมาจากทางด้านหลัง เขาฝ่าทหารฝ่ายตรงข้ามเข้ามาหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านพี่…ท่านรีบไปจัดการแม่ทัพฝั่งนั้นช่วยท่านพ่อเถิดเจ้าค่ะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” หญิงสาวบอกพี่ชายโดยไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่นิด สองมือของนางยังคงจับทวนแน่น ยกขึ้นตวัดลงฟาดฟันไปยังข้าศึกศัตรู คนแล้วคนเล่าที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายเพราะนาง ทว่านางกลับหาได้ใส่ใจไม่
ซูเยว่คงได้ยินน้องสาวบอกเช่นนั้นจึงห้อม้าเร่งรุดไปยังที่บิดาอยู่ สองพ่อลูกช่วยกันจัดการแม่ทัพและรองแม่ทัพของฝั่งตรงข้าม จนในที่สุดกองทัพทหารของตระกูลซูก็ได้รับชัยชนะ เพราะแม่ทัพและรองแม่ทัพของแคว้นต้าเยี่ยนถูกท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพซูสังหารจนสิ้นใจภายในสามกระบวนท่า ครั้นสิ้นแม่ทัพแล้วมีหรือที่เหล่าทหารกล้าของอีกฝ่ายจะหลงเหลือกำลังใจที่จะสู้ต่อ บ้างก็ล่าถอยบ้างก็หลบหนี กองทัพตระกูลซูไล่ต้อนทหารของพวกแคว้นต้าเยี่ยนจนเตลิดกลับดินแดนของตนแทบจะไม่ทัน
เสียงโห่ร้องดีใจของทหารฝั่งเมืองโหย่วถิงดังกึกก้อง คุณหนูรองตระกูลซูได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพธิดาประจำกองทัพ เพราะนอกจากนางจะทำให้เหล่าทหารกล้ามีขวัญกำลังใจแล้ว คำทำนายของนางยังช่วยให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิม ไม่ยอมแพ้ต่อข้าศึกศัตรูที่บุกมาโจมตีอีกด้วย ท่านกุนซือได้แต่อึ้งงัน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณหนูรองเคยกล่าวออกมานั้นจะเกิดขึ้นจริงอีกครา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานถึงสองปีนี้ก็ถึงเวลาจบลงเสียที
ซูเยว่ซินใช้เวลาอยู่ในกองทัพร่วมกับบิดาและพี่ชายนานถึงสองปี จวบจนวันสุดท้ายที่สงครามสงบลง หากเป็นในชีวิตก่อน นางนั้นไม่เคยคิดที่จะลงสู่สนามรบด้วยตัวนางเองเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าคนที่เคยตายมาแล้วหนหนึ่งเช่นนาง ยังจะไปกลัวอะไรกับการตายอย่างมีเกียรติอีก
“วันพรุ่งนี้ก็กลับจวนกันได้แล้วนะเจ้าคะ”
ชิงหลวนกล่าวออกมาในขณะที่เก็บสัมภาระของคุณหนูรองใส่หีบใบใหญ่ เสื้อผ้าอาภรณ์ของซูเยว่ซินนั้นต่างจากคุณหนูตระกูลทั่วไป นอกจากอาภรณ์ที่มีแต่สีดำและสีแดงแล้ว ก็หาได้มีสีอื่นปะปนไม่ เครื่องประดับก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าสาวรับใช้บางคนเสียอีก เห็นทีกลับไปนางคงต้องบอกนายหญิง ว่าคุณหนูใช้ชีวิตไม่เหมือนกับสตรีทั่วไป ให้นายหญิงช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับให้คุณหนูเสียใหม่
“อืม…ใกล้จะได้ย้ายที่อยู่ใหม่กันอีกแล้วสินะ” ซูเยว่ซินสางผมของตนพลางพึมพำออกมา
ชิงหลวนหาได้ฟังประโยคหลังที่คุณหนูกล่าวออกมาไม่ เพราะนางมัวแต่สนใจเก็บสัมภาระอยู่ ตัวนางนั้นดีใจยิ่งนักที่จะได้กลับไปยังจวนตระกูลซูเสียที หากมิใช่เพราะต้องอยู่คอยรับใช้คุณหนูรอง มีหรือที่นางจะอยากอยู่ในค่ายทหารที่มีแต่กลิ่นอับของเหล่าบุรุษที่ไม่ชื่นชอบการอาบน้ำเช่นนี้ การมาอยู่ที่นี่นานถึงสองปีทำให้ชิงหลวนไร้ความรู้สึกตื่นเต้นยามที่ได้พบเจอพวกบุรุษไปเลย
สาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซินเร่งมือเก็บสัมภาระจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ปรนนิบัติคุณหนูรองให้เข้านอน ก่อนที่นางจะออกไปนอนยังกระโจมส่วนตัวของนางซึ่งอยู่ติดกัน ทิ้งให้ซูเยว่ซินที่แสร้งนอนหลับเปิดเปลือกตาออกมองความมืดอยู่เพียงลำพัง นางพยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่นางเคยประสบพบเจอมาในชีวิตก่อน อีกไม่นานตระกูลซูจะได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท พระราชทานจวนหลังใหม่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงให้ ตระกูลซูจึงต้องย้ายจากเมืองชายแดนโหย่วถิงไปยังเมืองหลวง
ในงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ หลังจากพิธีปักปิ่นของนางเพียงแค่เจ็ดวัน นางจะรับเทียบเชิญจากกู้ฮูหยิน และได้พบกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ที่แฝงตัวเข้ามาทำทีอยากสนิทสนมกับนาง ด้วยความที่ชีวิตก่อนยังไม่มีสหายข้างกายเลยสักคน ทำให้นางเผลอเปิดใจให้อีกฝ่ายได้เข้ามา และหลังจากที่นางได้เป็นสหายกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ยังไม่ทันถึงสามเดือน นางก็ได้พบกับผู้ชายสารเลว ทั้งสองเป็นคู่รักที่ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูล
คนหนึ่งลูกอนุอีกคนก็เป็นลูกอนุไม่ต่างกัน เพราะสถานะต่ำต้อยทว่าจิตใจกลับใฝ่สูง อยากจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ทั้งสองจึงจงใจเข้าหาคุณหนูรองจากจวนแม่ทัพที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเช่นนาง แม่ทัพที่มีอำนาจอยู่ในมือ ผู้ใดในเมืองหลวงต่างก็ให้ความนับถือยำเกรงบิดาของนาง ในครานี้นางจะไม่ให้คนพวกนั้นได้สมหวังอีก
นางจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นวันที่กู้มู่หรงน้องสาวต่างมารดาของกู้อี้เหวิน เด็กสาววัยสิบสามที่เป็นน้องแท้ๆ ของกู้มู่เฉิน มีเรื่องกับหลูเจียงหลี เพราะเป็นบุตรีของภรรยาเอก ทำให้กู้มู่หรงมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง และไม่ค่อยชอบสตรีที่เสแสร้ง นางเป็นเด็กที่ชอบสังเกตผู้คนจากการพูดจา มีหลายประโยคที่กู้มู่หรงกล่าวเหน็บแนมหลูเจียงหลี ที่ได้รับเทียบเชิญมาเพราะสนิทกับกู้อี้เหวิน พี่ชายต่างมารดา ซึ่งเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งจะมารู้ในภายหลังเช่นกัน
วันนั้นอีกฝ่ายจงใจใส่ร้ายคุณหนูสามสกุลกู้ว่า เด็กหญิงคิดที่จะผลักนางให้ตกน้ำ แต่ทว่าพลาดท่าทำให้คุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่เดินสวนทางกันตกน้ำไปแทน แท้จริงแล้วเป็นฝีมือสาวรับใช้ของหลูเจียงหลี ที่เป็นฝ่ายลงมือแทนเจ้านาย คราแรกนางคิดจะผลักกู้มู่หรงให้ตกลงไปในน้ำ แต่เป็นคุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่ไม่ระวัง เดินสวนทางแทรกเข้ามาพอดี ทำให้เป็นฝ่ายที่ต้องตกลงไปน้ำแทน
เหตุการณ์ในครานั้นทำให้กู้มู่หรงถูกลงโทษ และทำให้คุณหนูทั้งสองตระกูลไม่ชอบหน้ากัน แม้แต่นางเองในครานั้นก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจ ในนิสัยของคุณหนูสามสกุลกู้ จวบจนได้ออกเรือนไปกับกู้อี้เหวิน นางกับกู้มู่หรงก็ไม่เคยเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ไม่มีวันใดที่คุณหนูสามสกุลกู้จะไม่หาเรื่องให้นางต้องเดือดร้อนเลยสักวัน นี่ก็คงจะเป็นแผนการของชายหญิงสารเลวคู่นั้นมาตั้งแต่แรก พวกเขาไม่ต้องการให้นางเป็นมิตรกับผู้ใดเลย
ในครานี้ซูเยว่ซินจึงคิดที่จะผูกมิตรไมตรีกับคุณหนูสามสกุลกู้ และคุณหนูใหญ่สกุลเจียง นางจะช่วยไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้ใดอีก ไม่ว่าจะเป็นกู้มู่หรงหรือเจียงซีหรูก็ตาม และผู้ที่นางเลือกเมินเฉยในครานี้ ก็คือหลูเจียงหลี สตรีร้ายกาจที่ไม่ควรเข้าไปผูกไมตรีด้วยตั้งแต่ต้น ชีวิตก่อนนางเคยเลือกเส้นทางใด ชีวิตนี้นางขอเลือกเดินอีกเส้นทาง นางจะไม่มีทางกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้คนพวกนั้นชักจูงนางได้อีก
“จะไม่มีวัน...ที่พวกเจ้าได้สมหวังเป็นแน่ ชีวิตก่อนข้าเคยได้รับสิ่งใดจากพวกเจ้ามา ข้าก็จะตอบแทนสิ่งนั้นกลับไปให้พวกเจ้าเช่นเดียวกัน”
รอยยิ้มเยือกเย็นเผยออกมาจากเจ้าของดวงหน้างาม น้ำเสียงที่พึมพำออกมากลับฟังดูแล้วให้ความรู้สึกเยือกเย็น บ่งบอกให้รู้ว่า ผู้ที่เพิ่งพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ภายในใจของนางนั้นเจ็บช้ำมากเพียงใด