บทที่ 6
“เรื่องนี้พูดเล่นไม่ได้นะน้ำหวาน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผม หนูคงโดนจับปล้ำจนร้องไห้น้ำตาแตกไปนานแล้ว”
ได้ยินเขาพูดแบบนั้นภัควรินทร์ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด เธออยากมีความทรงจำดี ๆ กับผู้ชายสักคน เพราะชาตินี้คงถูกจำกัดอิสรภาพจนหาแฟนไม่ได้ แค่ขอนอนค้างกับเพื่อนยังต้องอ้างเหตุผลมากมาย เรื่องจะให้มีเพศตรงข้ามในชีวิตคงไม่ต้องหวัง
“หนูไม่ได้ต้องการให้คุณมารับผิดชอบ ไม่ได้อยากให้คุณมาเป็นแฟน หนูแค่อยากมีประสบการณ์เหมือนเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าจูบแล้วจะรู้สึกยังไง…”
เพื่อนของภัควรินทร์ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนั้นก็จริง แต่อย่างน้อยทุกคนก็เคยจูบแล้วทั้งนั้น ในขณะที่เธอยังไม่เคยแม้แต่จะหอมแก้มใคร
“หนูอยู่กับคุณแล้วรู้สึกดี ถ้าได้จูบกับคุณคนแรกจะต้องเป็นความทรงจำที่ดีแน่ ๆ แต่ถ้าหนูไปลองกับคนอื่น หนูกลัวว่าเขาจะทำให้หนูรู้สึกแย่ อุ้ย!” ภัควรินทร์อุทานเบา ๆ เมื่อเขาเอนตัวเธอลงนอนและทาบทับร่างสูงใหญ่ตามลงมาอย่างใจเย็น
“แค่จูบเดียวนะ” เขากระซิบเสียงทุ้มน่าฟัง
“ค่ะ…อื๊อออออ”
ภัควรินทร์หัวใจเต้นรัวเพราะจูบของเขา มันดุเดือดกว่าที่เธอเคยเห็นในภาพยนตร์ ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการใช้ปากแตะปากเบา ๆ แต่เป็นการสอดลิ้นหยอกเย้า สลับกับรุกเร้าร้ายกาจ บางจังหวะก็ขบเบา ๆ ทำให้สติที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดแตกกระเจิง ควบคุมร่างกายตัวเองแทบไม่ได้ กระทั่งวงแขนเล็กกอดตอบเขาแน่นก็ยังไม่รู้ตัว
“คุณธาร?” เธอท้วงเสียงสั่นเมื่อมือใหญ่เลื่อนเดรสตัวสวยจนหลุดออกจากไหล่ ขยับอีกแค่นิดเดียวความอวบอิ่มก็จะถูกเชยชมด้วยสองตาของเขา และเป็นไปได้ว่าอาจจะเลยเถิดไปไกลมากกว่านั้น
“อยากให้ผมหยุดไหม?” เขาถามเสียงสั่นพร่า
“หนูไม่ได้อยากเสียตัว” ใจหนึ่งเธออยากรู้อยากเห็น แต่ลึก ๆ ก็แอบกลัว “แต่หนูไม่อยากให้คุณหยุด…”
“งั้นผมจะทำให้หนูมีความสุขแบบไม่ต้องเสียตัว แต่หนูต้องสัญญากับผมก่อน”
“สัญญาอะไรคะ?” ภัควรินทร์ทั้งเมาและงง ไม่เข้าใจว่าต้องสัญญาเรื่องอะไร แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะมีความสุขได้แบบไม่ต้องเสียตัว
“หลังจากคืนนี้ไปหนูมีผมได้แค่คนเดียว อยากได้อะไรก็บอกผม แล้วหลังเรียนจบ…”
“คุณพูดเหมือนจะให้หนูเป็นเด็กในสังกัด เหมือนพวกเด็กเสี่ย…อื๊อออ”
ภัควรินทร์ประท้วงเสียงอู้อี้เมื่อเขาปิดปาก ลงโทษเธอด้วยวิธีการอันแสนหวาน และพอได้รับอิสระก็รีบโอดครวญออดอ้อน ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้จูบตอบเขาอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน
“คุณจูบหนูจนปากบวมหมดแล้ว”
“จะได้เข็ด ไม่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก”
ธีรักษ์ดุเธอเบา ๆ ก่อนมอบจูบหวามอารมณ์เพื่อปลอบประโลม ขณะรูดซิปด้านข้างของเดรสตัวสวย ไม่นานเรือนร่างบอบบางก็เหลือเพียงแพนตี้สีหวาน ส่วนบราที่สวมอยู่นั้นหายไปนานแล้ว
“คุณมือไวจัง…” ภัควรินทร์เขินจนต้องหลับตา ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่เขากำลังจะทำ
สายตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับร่างกายตนเองเปลือยเปล่า ร้อนวูบวาบเหมือนเป็นไข้ ริมฝีปากแห้งผาก สติที่มีอยู่น้อยนิดพร่าเลือน รู้สึกทั้งอับอายและตื่นเต้น และยังจำได้ชัดเจนว่าไม่ได้เอ่ยขัดในตอนที่เขา…เริ่มสัมผัสเธอ
ภัควรินทร์ไม่ได้ห้ามยามเขาฟัดอกอวบของเธอจนชอกช้ำ มีเพียงเสียงครางหงุงหงิงที่ผลักดันให้ทุกอย่างเลยเถิด มือหนาบีบบั้นท้ายของเธอ สลับกับลูบไล้ต้นขาด้านในจนหน้าท้องแบนราบหดเกร็ง ตอบสนองความวาบหวามที่พุ่งโจมตีไม่หยุดหย่อน ยามเขาทาบริมฝีปากลงบนหน้าท้อง ลากลิ้นเปียกชื้นหยอกเย้าทุกจุดอ่อนไหว เธอก็เริ่มหอบหายใจถี่กระชั้น หลับตาพริ้มอย่างพ่ายแพ้ เว้าวอนให้เขายุติความทรมานนี้เสียที
เธอมั่นใจแล้วว่าเขาเป็นคนใจดี เพราะทันทีที่คำร้องขอหลุดออกจากปาก ธีรักษ์ก็รีบเปลี่ยนเป้าหมาย ขยับขึ้นมาจูบเธอแรง ๆ อีกครั้ง ก่อนเกี่ยวเอาปราการชิ้นสุดท้ายลงและ…บดนิ้วลงมา
“ผมใจเย็นไม่ได้แล้ว ช้ากว่านี้ผมคงทำหนูเจ็บแน่ ๆ”
“อ๊ะ! หนูเจ็บนะคะ…”
ความมึนเมาและความง่วงทำให้ภัควรินทร์ควบคุมเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ จำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรไปบ้าง รู้เพียงว่าได้ยินเสียงเขาพึมพำเรียกเธอว่าน้ำหวาน หวานสมชื่อ บางจังหวะก็รู้สึกเจ็บตึงเพราะความคับแน่นถูกรุกล้ำ เธอไม่ได้รู้สึกแย่กับมัน แต่พรึงเพริดไปกับทุกสัมผัสซาบซ่านที่เล่นงานเธอจนต้องครางเสียงหวาน ปลายเท้าเหยียดเกร็ง หัวใจเต้นโครมคราม สุดท้ายก็กระตุกเบา ๆ หมดแรงและแทบจะหลับไป
“หลังจากนี้หนูจูบใครไม่ได้แล้วนะ น้ำหวาน”
“ค่ะ จูบใครไม่ได้แล้ว…”
“หนูเป็นของผมแล้วนะ” เขาจูบแก้มเธอและกระชับอ้อมกอดให้แน่นเสียยิ่งกว่าเดิม
“ค่ะ หนูเป็นของคุณธาร…”
ภัควรินทร์จำได้ราง ๆ ว่าตอบเขาไปแบบนั้น คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงติดใจจนไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ และถ้าเขาอยากสานสัมพันธ์ เธอก็ยินดีที่จะตอบรับ แต่ตอนนี้เธอเมาจนจำอะไรไม่ได้ พูดออกมาแทบไม่เป็นคำ ซ้ำความอ่อนนุ่มยังเจ็บแสบจนน่ารำคาญ เธอจึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งนี้ค่อยคุยกันให้เข้าใจอีกที
น่าเสียดายที่ยามตื่นขึ้นมาในช่วงสาย ภัควรินทร์กลับพบว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงตามลำพัง…
