บทที่ 1
“งานนี้เงินดีมากๆ เลยนะเตย รับรองว่าคุ้มค่ามาก”
มือเรียวเคลือบปลายเล็บด้วยสีแดงกำมะหยี่ วางซองเอกสารลงตรงหน้าหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน เย้ายวนตา นัยน์ตาคมเฉี่ยวฉายประกายหวานระยับขณะช้อนตามองหน้าคนพูด แม้ว่าเธอจะแต่งกายง่ายๆ ด้วยเสื้อไหล่ล้ำโชว์ไหล่ขาวนวลสีดำสนิท และกางเกงยีนสีเข้มขาเดฟ เน้นรูปร่างอรชรอวบอิ่ม เรือนผมยาวดัดถูกม้วนเป็นมวยง่ายๆ ปล่อยลูกผมบางส่วนลงมาเคลียไหล่มนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมันก็ดูเซ็กซี่เย้ายวนสายตาชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเธอ ให้มองจ้องเแทบจะเป็นตาเดียว
“งานอะไรล่ะรอบนี้ ไอซ์”
เตยหรือ กวิสราเปิดผนึก ก่อนจะล้วงเอาเอกสารด้านในออกมา รายละเอียดของ ‘งาน’ ทำให้เจ้าตัวย่นคิ้ว พลางส่ายหน้าช้าๆ
“งานแบบนี้อีกแล้วเหรอกไอซ์ ความจริงแล้วไม่อยากรับเลยจริงๆ นะ ถ้าค่าจ้างมัน...”
กวิสราทำมือประกอบคำพูดไปด้วย แล้วหลิ่วตา ทำเอาผลิดาที่นั่งมองหน้าหญิงสาวอยู่อมยิ้ม จึงพูดเสียงสูงอย่างหมั่นไส้
“แหม...งานนี้ไม่ใช่ไก่กาหรอกนะ เตย ระดับเราหามาให้ ไม่มีทางทำงานเปลืองตัว ค่าแรงถูกแน่ๆ จ้ะ”
“ก็ต้องกันไว้ก่อนแหละ ไม่ได้งกอะไรหรอกนะไอซ์ เพียงแต่ถ้าให้เราไปทำอะไรที่เสี่ยง และผิดศีลธรรมแบบนี้ มันก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย กับความรู้สึกผิดในใจของเรา”
หญิงสาวทำเสียงแผ่ว เหมือนคนกำลังรู้สึกผิดนักหนา อีกฝ่ายสุดจะทนกับท่าทางมีจริตของเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันเป็นอย่างดี มือบางเลยขยับเอื้อมไปใกล้ลำแขนเรียวพลางหยิกเอาหมับ เล่นเอากวิสราร้องโอ๊ย! แล้วโอดเสียงอ้อนๆ
“เจ็บนะไอซ์ มาหยิกกันทำไม”
“หมั่นไส้น่ะสิ อย่ามาทำท่าแบบนี้กับเราเลยนะยะ แม่มดร้ายอย่างหล่อนน่ะ รู้ไส้รู้พุงหมดแล้วย่ะ มารยาของหล่อนกี่ขดๆ ทำไมเราจะไม่รู้”
ขณะที่พูดไป ผลิดาก็ทำหน้าตาทำตาค้อนเพื่อนไปด้วย แถมทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนกวิสราต้องหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ผีเห็นผีใช่ไหมล่ะ อิๆ ไอซ์ก็แม่มดร้ายเหมือนๆ เราน่ะแหละ ว่าแต่ว่า งานนี้กี่หลัก จะได้คิดทบทวนว่ามันคุ้มไหมกับความรู้สึกผิดของเราที่ต้องแลกกับงานแบบนี้”
“พูดยังกับว่างานก่อนๆ หน้านี้มันเป็นงานดีๆ ยังงั้นแหละ ยายเตย ฟังพูดเข้าน่าตีจริงๆ ผิดอะไรกันย่ะ ฉันเห็นหล่อนนะออกจะมีความสุขเวลาทำงาน เสร็จแล้วก็เอาแบ็งค์ไปนอนกอด”
“พูดนิดหนึ่ง จะได้ดูดีไง” กวิสราอมยิ้ม พลางเลิกคิ้ว ถามย้ำในเรื่องที่อยากรู้ที่สุดอีกรอบ
“ว่าแต่เท่าไหร่ โยกโย้จริงๆ เลย คนยิ่งอยากรู้อยู่ด้วยสิ”
“หกหลัก” ผลิดาตอบ คนฟังถึงกับทำตาโตแล้วเริ่มนับนิ้วทันที ผลิดาเห็นอาการนั้นของหญิงสาวก็ตอกย้ำคำตอบอีกรอบ
“หกหลัก แล้วก็เลขที่เยอะที่สุด เลขเก้า”
“หา! หกหลัก ก็แสน เก้า...โอ้...เก้าแสน!”
“ชูว์ อย่าเสียงดังสิเตย”
ผลิดาจุ๊ปากห้ามเพื่อนสนิท ตอนนี้กวิสราหน้าแดงไปหมดด้วยความตื่นเต้น เธอคาดไม่ถึงเลยว่างานครั้งนี้จะมีคนใจป้ำยอมจ้างมากขนาดนี้
“ก็มันตกใจนี่นาไอซ์หัวใจเราจะวายอยู่แล้ว ใครจะไปนึกว่ามีคนจ้างเราให้ไปทำทีเป็นชู้กับสามีตัวเองแล้วแบล็คเมล์ให้เงินตั้งเก้าแสน”
“ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันล่ะ สามีของยายคนนี้คงจะสุดทนจริงๆ หรือไม่ก็คงจะอยากได้สินสมรส ตามแบบคนรวยน่ะแหละ พวกคนมีเงินนี่ชอบทำอะไรกันแปลกๆ แต่ก็ดีนะเตย เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกคนรวยนี่แหละ มันทำให้เรามีเงินใช้แบบนี้”
“นั่นสิ”
กวิสรายักไหล่ จำนวนเงินมหาศาลที่ได้รับรู้ว่างานของเธอจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ มันทำให้หัวใจของเธอพองคับอก เก้าแสน...เงินจำนวนมากขนาดนี้ มันเพียงพอกับการที่เธอไม่ต้องทำงานแบบนี้ไปอีกตลอดกาล เธอจะบอกลางานนี้เสียที
“จบงานนี้แล้วเราก็คงจะเลิกแล้วนะไอซ์ เงินขนาดนี้เราเอาไปทำร้านขายของเล็กๆ ได้สบายเลย จะได้ไม่ต้องเอาตัวเข้าแลกอีกแล้ว”
“อะไรกันน่ะ เตย” ฟังเพื่อนสนิทพูดแล้วผลิดาก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ
“โอ๊ย! ลงเลิกอะไรกัน บริษัทสร้างความร้าวฉาน จำกัด ของเราน่ะ ต้องคงอยู่ต่อไปนะเพื่อน ถือเสียว่าเราทำบุญกับผู้หญิงที่ต้องการเลิกกับสามีแต่หาชู้ให้สามีไม่ได้ไง คิดอะไรมาก งานง่ายๆ เงินดีๆ หาได้ที่ไหนอีก จะไปหลังขดหลังแข็ง หางานทำให้เหนื่อยไปทำไมกัน”
“ไม่แล้วล่ะ เราไม่อยากให้น้องสาวรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”
กวิสราพูด นัยน์ตาคมเฉี่ยวเป็นประกายอ่อนละไมเมื่อคิดถึงหญิงสาวหน้าหวาน ท่าทางบอบบาง กณิกา น้องสาวสุดที่รัก ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ ซึ่งถ้าเกิดรู้ว่าพี่สาวมีอาชีพลับๆ ทำงานแบล็คเมล์คนอื่นแบบนี้ กณิกาคงจะรับไม่ได้ และสูญสิ้นความศรัทธาในตัวเธอ ซึ่งมันทำให้กวิสรายอมรับไม่ได้ ถ้าต้องถูกน้องสาวมองด้วยสายตารังเกียจ
“อะไรๆ ก็น้องสาว น้องสาว เคยห่วงตัวเองบ้างไหมน่ะ เตย เฮ้อ...ตามใจ เราว่าอย่าพึ่งเป็นงานสุดท้ายเลย รับอีกสักงานสองงานเถอะ ตอนนี้น่ะ รู้ไหมว่าพวกเราสองคนเริ่มจะมีชื่อเสียงในหมู่ภรรยาหลวงที่ต้องการเลิกสามีแล้วนะยะ โกยเงินกันไว้ก่อนเถอะ น้องตองผู้ใสซื่อและตั้งหน้าตั้งตาเรียนของเตยน่ะ จะมารู้อะไรได้เล่า แล้วอีกอย่างงานของเราสองคนก็เป็นความลับกันสุดๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่มีใครปูด ก็ไม่มีทางจะรู้ การเก็บรักษาสถานะภาพตัวตนของตัวเองให้เป็นความลับน่ะ สำคัญสำหรับเราสองคนอยู่แล้วนี่นา”