บท
ตั้งค่า

6.ครอบครอง

ประตูห้องทำงานของอาติยะถูกเปิดออกด้วยมือของบอดี้การ์ดคนสนิท วาติเน่เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าแองเจิ้ลและอาติยะ

“ต้องขอโทษที่มารบกวนเวลาพักผ่อน คุณสองคนคงรู้ว่าผมมาคุยเรื่องอะไร” ร่างสูงเดินไปนั่งบนเก้าอี้รับแขกตรงข้ามกับอาติยะ

“ผมอยากจะขอความกรุณาจากบอสเรื่องไผ่หวาน เว้นไว้สักคนเถอะครับผมขอร้อง”

“อะไรกันคุณอาติยะ ในสายตาคุณ ผมเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” วาติเน่บอกเสียงเรียบ แววตาที่มองมาเย็นชาและมีอำนาจสะกดคนทั้งสองให้นิ่งฟัง

“เราสองคนรักไผ่หวานเหมือนลูกคนหนึ่ง อยากให้แกมีชีวิตที่ดี เจอคนดีๆ ที่รักแกอย่างจริงใจ”

“แล้วคนอย่างผมไม่ดีตรงไหนแองเจิ้ล”

“ไม่ดีตรงที่นายใหญ่แบล็กกาล่า มีผู้หญิงมากมายจะเลือกใครก็ได้ พอเบื่อแล้วก็สลัดทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ คู่หนึ่ง ซึ่งเราสองคนทนเห็นลูกของเราเป็นอย่างนั้นไม่ได้” แองเจิ้ลเอ่ยเสียงนุ่มนวล ดวงตาฉายแววห่วงใยและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องหญิงสาว

“ยังมีผู้หญิงที่สาวและสวยกว่าไผ่หวานให้บอสได้เลือกอีกมากมาย ปล่อยนังไผ่หวานของเราสักคนเถอะครับ” อาติยะบอกอย่างขอร้องอยู่ในที

“ผมไม่จำเป็นต้องฟังคำขอร้องของคุณสองคน ผมนิสัยเสียอยู่อย่าง ต้องการอะไรต้องได้ด้วยสิ” สิ้นคำของนายใหญ่

แองเจิ้ลถึงกับทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง อาติยะลุกพรวดขึ้นมองชายหนุ่มเหมือนไม่เคยเห็น บอดี้การ์ดสองคนของวาติเน่ที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับเข้ามาใกล้พร้อมจะปกป้องเจ้านายหนุ่ม

“ผมสาบานถ้าคุณทำอะไรให้ไผ่หวานเจ็บช้ำน้ำใจ ผมจะตามจองล้างจองผลาญพวกคุณไปตลอด” อาติยะบอกด้วยน้ำเสียงน่ากลัว

ร่างสูงลุกขึ้นยืน ริมฝีปากหนายิ้มแถมหยันกับคำขู่ของผู้ปกครองของมัลลิกา

“ทุกอย่างในชีวิตของวาติเน่ มาจิสันจะเป็นของมัลลิกา คทารักษ์ทั้งหมด รวมทั้งตัวและหัวใจพร้อมกับใบทะเบียนสมรส แค่นี้คงทำให้คุณสองคนสบายใจขึ้นมาบ้างว่าผมจะไม่ทำให้ลูกสาวของคุณสองคนเสียใจ” พูดจบห้องทั้งห้องก็เงียบกริบเป็นนาน ทั้งแองเจิ้ลและอาติยะสบตากันอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

นิโคได้แต่ยิ้มอยู่ด้านหลัง อดแปลกใจไม่น้อยที่เจ้านายหนุ่มยอมผู้หญิงตัวเล็กๆ มากมายขนาดนี้ หรือว่านี่เป็นอานุภาพของความรักอย่างที่คนเขาว่ากัน

“บอสอย่าบอกนะครับว่าได้นังไผ่หวานมันแล้ว” อาติยะถามอย่างหมดแรงทรุดนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ สายตาจ้องมองใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่าย

“ผมมีวิธีของผมที่จะทำให้มัลลิกายินยอมทั้งกายและใจ แต่คงต้องให้คุณสองคนร่วมมือด้วย” วาติเน่ไม่ตอบคำถามนั้นเพราะคำพูดของเขาชัดเจนอยู่แล้ว ถึงตอนนี้มัลลิกายังไม่ได้เป็นของเขา แต่เขาคงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้นานนักหรอก รอให้เธอคุ้นเคยกับเขามากกว่านี้อีกหน่อยเท่านั้นเอง…

หลังเจรจากับผู้ปกครองของมัลลิกาแล้ว วาติเน่ก็เข้าไปทำงานที่มาจิสันกรุ๊ปจนกระทั่งบ่ายจึงมารับหญิงสาวที่โรงเรียนสอนดนตรีแทมมี่ลีลาศ

ร่างสูงยืนกอดอกมองร่างบางในชุดรัดรูปสีดำแนบติดกับเรือนร่าง เผยให้เห็นสัดส่วนของคนสวมใส่ว่างดงามเพียงใด ที่เอวคอดมีผ้าแพรสีน้ำตาลผืนเล็กผูกเอาไว้ ผมหยักศกพลิ้วไหวไปตามจังหวะเพลง ใบหน้านวลเนียนแย้มยิ้มกับลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างสดใส จนวาติเน่มองเรือนร่างที่พลิ้วไหวอย่างไม่รู้เบื่อ

“พี่วาตมาทำอะไรที่นี่คะ” เสียงสดใสของแทมมี่ มาจิสัน เจ้าของโรงเรียนสอนดนตรีแห่งนี้ เอ่ยทักทายพี่ชายคนเดียวที่ร่วมลงทุนก่อตั้งความฝันของเธอให้เป็นจริง ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายอย่างคิดถึง

“ก็แอบมาดูกิจการน่ะสิว่าเป็นยังไงบ้าง” เขาบอกพลางโอบไหล่น้องสาวอย่างเอ็นดู

“หลบสาวๆ มาใช่มั้ยคะ”

“รู้ดียัยตัวยุ่ง” มือใหญ่ยีผมสลวยของน้องสาวเบาๆ

“คุณปู่บ่นหาพี่วาตหลายวันแล้วนะคะ เนี่ยว่าจะให้ลุงอิริทไปตามพี่มาพบ” วาติเน่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินน้องสาวบอก เกือบสัปดาห์แล้วที่เขาไม่ได้กลับบ้าน ส่วนใหญ่จะพักที่คอนโดมากกว่าเพราะสะดวกและเป็นส่วนตัว

“บอกปู่ด้วยแล้วกัน พรุ่งนี้เย็นๆ พี่จะไปหา”

“แล้วนี่กำลังยืนมองอะไรอยู่เอ่ย” แทมมี่มองตามสายตาพี่ชาย เห็นมัลลิกากำลังสอนอยู่ในห้องจึงยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน ก่อนจะชี้นิ้วไปหาพี่ชาย

“อย่านะคะคนนี้หวง ทั้งเก่งทั้งสวย หาคนเต้นเก่งๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด” วาติเน่ยิ้ม ยกมือยีหน้าผากมนไปมาอย่างรักใคร่

“ถ้าพี่ยุ่งเราจะห้ามได้เหรอ หรือถ้าผู้หญิงเขาเต็มใจแทมมี่ก็ห้ามไม่ได้”

“ไม่มีทางหรอก แทมมี่รู้จักคุณไผ่หวานมาหลายปี รู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง” แทมมี่บอกเสียงหวานก่อนจะมองเลยไหล่กว้างไปยังบารอนที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย…ยี้! อีตาทึ่มบารอนมาทำไม

“หวัดดีครับคุณวาติเน่” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ไม่ยอมเอ่ยทักทายบารอน ซึ่งเป็นนักธุรกิจจากประเทศแถบทะเลทรายมาขยายฐานธุรกิจในเมืองไทย

“แทมอย่าเสียมารยาทสิ”

“ไม่เป็นไรครับ” บารอนมองใบหน้างอนๆ ของคนที่เขาแอบมีใจให้ เห็นแววตาดุๆของเธอส่งมาก็รู้ว่าคงโกรธเขาแล้วที่ทำให้ถูกพี่ชายต่อว่า

“หวัดดีก็ได้” แทมมี่ทำสีหน้าปั้นปึ่งให้บารอนแล้วเดินกระแทกส้นรองเท้าเข้าไปในห้องทำงาน วาติเน่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับน้องสาว ก่อนจะหันมาทักทายบารอนตามประสาคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน

“มีใจให้ยัยจอมขี้งอนก็ยังงี้แหละบารอน พาไปทานไอศกรีมหน่อยก็หายแล้ว ไปง้อเขาหน่อย คงงอนที่นายไม่มาหาหลายวัน” วาติเน่เอ่ยอย่างรู้ใจน้องสาว บารอนกล่าวขอบคุณชายหนุ่ม

“เขาไม่มีใจให้ซะหน่อยตื๊ออยู่นั่นแหละ” แทมมี่ใบหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนี

“มารับยัยแทมไปไหน” เสียงทรงอำนาจของวาติเน่ถามขึ้น ดวงตาคมเข้มมองหนุ่มเลือดทะเลทราย ที่ขอยื่นใบสมัครเป็นน้องเขยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก วาติเน่รู้จักบารอนในนามของเจ้าของโรงแรมหรูหลายแห่งในเมืองไทย และอยู่ดีๆ ก็เห็นตามตื๊อน้องสาวของเขา

“มารับเธอกลับบ้านครับ หวังว่าคุณวาติเน่คงไม่ว่าอะไร”

“รถมาจิสันก็มารับทุกวันอยู่แล้ว คงไม่ต้องรบกวนนายกระมัง” วาติเน่ยิ้มน้อยๆ ส่งให้ สายตามองอีกฝ่ายอย่างประเมิน

“ผมเต็มใจ วันก่อนเจอคุณที่แบล็กกาล่าแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไร ว่างๆ คงได้ไปดื่มด้วยกัน แต่วันนี้ดูท่าทางยัยแทมคงไม่เต็มใจเท่าไร” วาติเน่ยิ้มเยาะก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของน้องสาว ปล่อยให้ว่าที่น้องเขยยืนอยู่เพียงลำพัง บารอนเป่าลมออกจากปากเบาๆ ท่าทางพี่ชายอย่างวาติเน่ มาจิสัน คงหวงน้องสาวไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นหมายถึงว่าเขาต้องเจอก้างชิ้นโตอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel