ตอนที่ 3 ไม่อาจเอื้อม
ปราลีลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าบ้านก็ต้องปรายตามองไปยังสวนข้างคฤหาสน์ที่กำลังจัดงานเลี้ยงกันวุ่นวายไปหมด ก่อนจะเบะปากแล้วเดินกลับขึ้นตึกไปโดยไม่ได้เห็นเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจากมุมตึกมองตามเธอไม่วางตา
“เอ๊ะ ทำไมยัยปายยังไม่ลงมาอีก งานจะเริ่มแล้ว พี่น้อยหน่าช่วยขึ้นไปตามให้หน่อยสิคะ”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง”
รินรดา ชะเง้อมองลูกสาวที่ปกติไม่เคยสายให้เสียมารยาท แต่วันนี้ทุกคนมากันครบจนนั่งประจำที่หมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้เงา
“คงจะงอนพี่ ทั้งพี่ทั้งเจ้าแปงบังคับหลายเรื่อง”
ปรินทร์ ส่ายหน้าทั้งรักทั้งระอา แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะใจแข็งเพราะไม่อยากให้ลูกสาวเสียคน
“ดีแล้วค่ะพี่ปรินซ์ ถ้าไม่บังคับเลยยัยปายก็จะเสียคน โตขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เรื่อง ยาหยีขอโทษนะคะที่สั่งสอนลูกไม่ดี”
“คิดมากครับที่รัก ยาหยีทำดีที่สุดแล้ว ลูกเราก็เลี้ยงได้แค่ตัว ยัยปายก็ถูกพี่ตามใจตั้งแต่เด็ก ถ้าจะโทษต้องโทษพี่ครับ”
มือใหญ่กุมมือเล็กของเมียรัก ไม่อยากให้เธอโทษตัวเอง เพราะเธอทำหน้าที่ของแม่ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ลูกสาวกลับมีนิสัยต่างจากคนเป็นแม่ราวฟ้ากับเหว
“คุณปายคะ เสร็จหรือยังคะ ป้าเข้าไปได้ไหม”
น้อยหน่า แม่บ้านเก่าแก่เคาะประตูเรียกเจ้านายที่ตนเลี้ยงดูมาด้วยความรักตั้งแต่เด็ก เธอก็เป็นอีกคนที่ตามใจเจ้าหญิงตัวน้อยคนนี้มากจนเสียเด็ก
“เสร็จแล้วค่ะป้าน้อยหน่า”
นางฟ้าคนสวยเปิดประตูห้อง น้อยหน้ากวาดตามองร่างงามด้วยความภูมิใจที่เจ้านายตัวน้อยซึ่งตนเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก รักราวกับลูกในไส้ สวยงามไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนไม่มีที่จะให้ติ
“สวยสุด ๆ ไปเลยค่ะ คุณปายของป้า”
“ขอบคุณค่ะ แม่ให้มาตามสินะคะ”
“ใช่ค่ะ ทุกคนมากันครบแล้ว”
“ครบแล้วก็น่าจะกินกันไปเลย ขาดแค่ปายคนเดียวไม่เห็นเป็นไร แค่กินข้าวเย็น ไม่เห็นต้องซีเรียสจนใช้ป้าน้อยหน่าขึ้นมาตามปายให้เหนื่อยเลยนะคะ”
คนสวยประคองแม่บ้านเก่าแก่ลงไปข้างล่าง ริมฝีปากอวบอิ่มก็บ่นตลอดทาง
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณปาย วันนี้มากันเกือบหมดตระกูลเลยนะคะ ตอนนี้ขาดแค่คุณปายคนเดียวค่ะ”
ปราลีเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับการเล่นใหญ่ของพ่อ แค่เด็กในบ้านเรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของอเมริกาด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ไม่เห็นต้องเห่อเบอร์นี้
“นี่พ่อเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือคะ”
“คุณผู้ชายท่านก็ภูมิใจของท่านค่ะ ดินมันเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่เคยทำให้คุณ ๆ ผิดหวังเลย”
น้อยหน่าอดที่จะภูมิใจในเด็กกำพร้าที่เธอเองก็เห็นมาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกไม่ได้ สงสารในชะตาชีวิตที่อาภัพ แต่ความกำพร้าก็ไม่ได้ทำให้แผ่นดินทำตัวเกเร เขาเป็นเด็กรักดี สมควรแล้วที่จะมีอนาคตดี ๆ รออยู่ข้างหน้า
“ค่ะ ๆ ตอนนี้อะไรก็ดิน ๆ ๆ ทุกคนลืมปายไปหมดแล้ว”
คนสวยทำหน้างอ ก่อนหน้านี้เธอยังเป็นจุดศูนย์กลางของครอบครัว มีแต่คนรักและตามใจ แม้จะถูกบ่นบ่อย ๆ แต่เธอก็ยังเป็นคนสำคัญ
แต่นี่แค่เด็กนั่นกลับมา ทุกคนก็เอาแต่ชื่นชมลูกไอ้เป็ดกันไม่ขาดปาก น่าหมั่นไส้ชะมัด
“ใครจะลืมคุณปายคนดีของป้าได้ลงคอล่ะคะ ยังไงคุณปายก็เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“มีแค่ป้าน้อยหน่าคนเดียวที่ยังให้ปายเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้แม้แต่ปู่กับย่าก็เห่อเด็กนั่นกันหมด”
“ไม่หรอกค่ะ อย่าคิดมากสิคะ ยังไงคุณท่านก็ต้องรักคุณปายที่สุดอยู่แล้ว เชื่อป้านะคะ”
“เชื่อก็ได้ค่ะ”
ปราลีเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่วงท่ามั่นใจ ทุกสายตาจับจ้องมายังเธอด้วยความรักและชื่นชมเหมือนเดิมจนต้องอมยิ้มมุมปาก
เธอพนมมือไหว้อาทั้งสามรวมทั้งอาสะใภ้ แล้วเดินมานั่งประจำที่ของตนก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อสบประสานสายตากับชายหนุ่มรูปหล่อซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ดับความประหม่า ใครจะคิดว่าเด็กในบ้านที่เดินตามเธอต้อย ๆ เหมือนลูกเป็ด โตขึ้นมาจะหล่อเหลาและน่ากินได้ขนาดนี้
ใบหน้าเรียว หน้าผากกว้างกำลังเหมาะรับกับคางเหลี่ยมมนกำลังดี คิ้วเข้มพาดอยู่เหนือดวงตาคมกริบแสนมีเสน่ห์ที่ไม่ได้มีแว่นสายตามาบดบังเหมือนตอนเด็ก ๆ จมูกโด่งจัด ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงสดราวผลเชอร์รี่ ผิวพรรณขาวสะอาดราวกับผิวผู้หญิง
ผมรองทรงไถข้างสั้นจัดแต่งทรงทันสมัย เรือนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อภายใต้ชุดสูทสีดำทั้งตัวนอกตัวในที่ไม่ได้ใส่เนกไทและเสื้อเชิ้ตสีดำนั้นปลดกระดุมลงมาหลายเม็ดทำให้เขาดูหล่อเหลากร้าวใจสุด ๆ
ไม่ต่างกันกับเขาที่จ้องมองผู้หญิงตรงหน้าไม่วางตา เรือนร่างงดงามเย้ายวน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ในชุดเดรสรัดรูปเปิดไหล่สีขาว กระโปรงยาวกรอมเท้า แหวกขึ้นสูงจนน่าหวาดเสียว
ใบหน้าสวยหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบาขับความงามตามธรรมชาติ ผมยาวสยายสีน้ำตาลอ่อนดัดม้วนลอนตรงปลายยิ่งทำให้เธอดูหวานปนเซ็กซี่จนเขาใจสั่น
เขารู้ว่าเธอสวย ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของเธอประทับอยู่ในหัวใจเขาเสมอมาจนถึงวินาทีนี้ แต่ไม่คิดว่าเพียงสิบปีที่เขาจากเธอไป เธอจะเติบโตและสวยงามได้ขนาดนี้
“อ้าว จำกันไม่ได้หรอกหรือ ดิน นั่นยัยปายไง ที่นายเดินตามต้อย ๆ ตั้งแต่เด็ก”
ปารเมศทำลายความเงียบนั้นด้วยการแนะนำคนที่รู้จักกันอยู่แล้วให้รู้จักกันอีกครั้ง
“เอ่อ สวัสดีครับคุณปาย”
แผ่นดินกระแอมแก้เก้อแล้วพนมมือไหว้ลูกสาวผู้มีพระคุณที่อายุมากกว่าเขาถึงสี่ปี ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้างดงามไม่วางตา
“สวัสดี”
เธอตอบรับเขาเพียงเท่านั้นแล้วก็นั่งลงประจำที่ คลี่ผ้าเช็ดปากวางบนตัก ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งก็เห็นว่าเขามองเธออยู่ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“ที่ปู่เชิญทุกคนมาวันนี้ก็เพื่อต้อนรับดินกลับบ้านและมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของดิน เก่งมากนะดิน”
ปราบ ผู้เป็นร่วมโพธิ์ร่มไทรของบ้านกล่าวต้อนรับเด็กซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของลูกชายคนโตของตนเอาไว้ ลำพังแค่ส่งเสียเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มันยังน้อยไป ไม่เพียงพอต่อบุญคุณในครั้งนั้นด้วยซ้ำ
“ขอบคุณมากครับ คุณท่าน”
แผ่นดินพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ของบ้านที่มีเมตตาต่อตนเสมอมา แม้ตนจะเป็นเพียงลูกชายของคนขับรถที่มีความดีความชอบก็ตาม
“กลับมาช่วยกันดูแลบริษัท แล้วปู่ก็ฝากดูแลยัยปายด้วย แปงบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไร”
“ครับคุณท่าน ผมยินดีรับใช้คุณ ๆ ทุกท่านอย่างสุดความสามารถครับ”
“ถ่อมตัวเกินไปแล้วดิน ลุงบอกแล้วใช่ไหมว่าดินก็เหมือนกับลูกหลาน”
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียนั้นขึ้น ปรินทร์ก็ตั้งใจจะดูแลลูกชายของคนขับรถผู้มีพระคุณให้ดีที่สุด เขาให้คนจัดห้องไว้บนตึก แต่เด็กชายวัยห้าขวบที่สูญเสียทุกอย่างไปกลับไม่ยอมขึ้นมาอยู่ด้วย ยังคงเจียมตัวและช่วยงานในบ้านทุกอย่างเหมือนเดิม จนทุกคนยอมแพ้ ยอมให้เขาใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการ
“ขอบคุณคุณผู้ชายมาก ๆ ครับ ที่เมตตาส่งเสียเลี้ยงดูผม แต่ผมไม่อาจเอื้อม...”
“พอ ๆ ตอนนี้ดินโตแล้ว กำลังจะมีงาน มีหน้ามีตา จะมาอยู่เรือนคนงานคับแคบอีกไม่ได้ ลุงจะจัดห้องให้ที่ตึกใหญ่และต้องมากินข้าวร่วมกับพวกเราทุกมื้อ”
“เอ่อ คุณผู้ชายครับ คือว่า...”
“เอาเถอะจ้ะดิน ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปนะ พร้อมเมื่อไรก็ขึ้นไปนอนห้องของดินที่ลุงเขาเคยจัดไว้ให้”
รินรดารู้ดีว่าเด็กคนนี้เจียมตัวและน่ารักขนาดไหน เมื่อสิบปีที่แล้วเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้น
“ครับ คุณผู้หญิง”
“เอาล่ะ งั้นก็กินกันเถอะ ยัยตัวยุ่งของปู่หิวแล้ว ดูสิ ทำหน้ายุ่งเชียว”
ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะขำกับใบหน้างอง้ำของเด็กเอาแต่ใจ ด้วยรู้ดีปราลีกำลังรู้สึกอิจฉาแผ่นดินที่เป็นจุดศูนย์กลางในวันนี้
เวลาอาหารผ่านไปพร้อมเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของหนุ่ม ๆ ผู้ใหญ่แยกตัวเข้าไปนั่งพูดคุยกันในบ้าน มีเพียงปราลีที่นั่งดื่มไวน์คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ได้พูดจากับใครเท่าไรนักเพราะพี่สาวทั้งสองคนของตนไม่สามารถมาร่วมงานได้
“วันนี้น้องสาวของเราเงียบผิดปกตินะ”
เหนือเมฆเอ่ยแซวน้องสาว แต่คนที่กำลังเบื่อหน่ายขั้นสุดกลับหันมามองหน้าพี่ชายแล้วถอนหายใจ
“ก็ดูสิคะ พี่หยากับพี่แป้งก็มาไม่ได้ ปายนั่งอยู่คนเดียว ไม่รู้จะคุยกับใคร งั้นปายไปหาวินดีกว่า”
ปราลีคิดจะออกจากบ้านไปฟังเพลงกับคู่เดตของตนเพื่อแก้เซ็ง แต่ยังไม่ทันจะลุกจากโต๊ะไปไหน ก็โดนพี่ชายร้องห้าม
“หยุด ไม่ต้องลุกไปไหนเลยนะยัยปาย นั่งลง”
“พี่แปง แล้วจะให้ปายนั่งอยู่ทำไมคะ น่าเบื่อจะตาย”
เธอค้อนพี่ชาย ก่อนจะเผื่อแผ่ใบหน้างอง้ำไปที่เด็กใบบ้านซึ่งเคยเป็นลูกไล่ด้วยความไม่พอใจ แต่เขากลับมองเธอนิ่ง ๆ ไม่ได้มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนวิ่งไล่ตามง้องอนหรือรับใช้เธอเหมือนเมื่อตอนเด็กอีกแล้ว
ดวงตาคมกริบคู่นั้นมองเธออย่างว่างเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยยิ้มแลดูเฉยชา ริมฝีปากคู่นั้นไม่ได้เจรจาเจื้อยแจ้วและยิ้มราวประจบเธออีกต่อไปแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิบปีที่ห่างกันไป ไอ้ลูกเป็ดเด็กอ่อนแอคนนั้นจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
“แล้วแกจะออกไปหาไอ้หมอนั่นดึก ๆ ดื่น ๆ อย่างนี้ได้ยังไง แกอยากโดนมันลากขึ้นเตียงเหรอ”
“วินเขาไม่กล้าทำอย่างนั้นกับปายหรอกค่ะ”
“เหอะ ว่าได้เหรอ หมอนั่นมันมีประวัติแบบไหน แกไม่คิดจะสืบบ้างหรือไง มันตั้งใจจะหลอกแก ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
แววตาวาววับของเด็กในบ้านทำเอาเธอรู้สึกหงุดหงิด หมอนั่นคงจะกำลังเยาะเย้ยคุณหนูปายคนสวยสุดมั่นใจอยู่แน่ ๆ เรื่องอะไรเธอจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบล่ะ ไม่มีทาง
“มันก็แค่อดีตค่ะ ปายมั่นใจว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว”