บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 จดหมายล่ำลา

จดหมายล่ำลาอย่างเด็ดเดี่ยวถูกส่งให้โจวเจ๋อผู่หลังจากโจวอวี่หายออกจากสกุลไปแล้ว

และด้วยทิฐิกับอคติที่มีต่อมารดาของอีกฝ่าย แม้โจวเจ๋อผู่จะรักบุตรชายมาก ทว่ากลับอดมิได้ที่จะประชดประชันทางวาจา

“ดี ดีมาก อยากไปเป็นทหาร อยากสง่าบนหลังอาชาแล้วตายภายใต้คมดาบกลางสนามรบมากกว่าอยู่อย่างสง่าในราชสำนักมีชีวิตสงบสุขในจวนใหญ่ก็เอาเถิด ข้าบิดาผู้นี้จะคอยดูชมว่าคุณชายบัณฑิตผู้หนึ่งจะซมซานกลับมาอย่างไร”

จดหมายถูกฉีกและขยำทิ้ง ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนโต๊ะดังปัง ทำเอาจูเข่อเหรินกับโจวจือหยวนสะดุ้งโหยง

“ท่านพี่ ใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ”

“ท่านพ่อ รักษาสุขภาพด้วยขอรับ”

สองคนแม่ลูกเองไม่รู้จะช่วยขจัดโทสะนี้ให้โจวเจ๋อผู่อย่างไรจึงทำได้เพียงกลัดกลุ้มไปกับเขา

จูเข่อเหรินคอยปลอบโยนสามีทั้งพูดจาโน้มน้าวให้โจวเจ๋อผู่ส่งคนไปตามโจวอวี่กลับมา ทว่าไม่เป็นผล คนโกรธกรุ่นปานนั้น

โจวเจ๋อผู่ยังคงบันดาลโทสะสาดถ้อยวาจาประชดประชันอันแล้งน้ำใจอีกหลายประโยคจนเหนื่อยหอบ ท้ายที่สุดก็ถึงขั้นต้องเชิญท่านหมอมาต้มยาให้ดื่มถ้วยใหญ่ เขาถึงได้สงบสติอารมณ์ลง

หลังจากช่วยมารดาดูแลบิดาจนดีขึ้น โจวจือหยวนก็เดินออกมาด้วยสีหน้ามิสู้ดีนัก เขารู้ดีว่าบิดารักน้องชายมากแค่ไหน และยิ่งรู้ตัวว่าสาเหตุหลักที่น้องชายทำตัวเป็นปรปักษ์กับครอบครัวมาจากสิ่งใด

แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองก็มีสิทธิ์เข้ามาอยู่ที่นี่ มีสิทธิ์ทุกประการที่จะเรียกโจวเจ๋อผู่ว่าบิดา การต้องกักตัวเองอยู่ในเรือนเร้นไร้ฐานะนานกว่าสิบปีตั้งแต่เกิดนั้นช่างทรมานเหลือเกิน

ภาพหนึ่งพลันไหลวนอยู่ในห้วงความทรงจำ ภาพนั้นคือวันที่เขาได้มาเห็นบิดากับภรรยาเอกและบุตรชายภรรยาเอกกำลังยืนคุยกันหน้าจวนใหญ่หรูหรา ทุกคนแต่งกายงดงามเปี่ยมสง่าราศี น้องชายหน้าตางดงามคนนั้นได้นั่งรถม้าไปเรียนในสำนักศึกษา

ในขณะที่เขาแต่งกายมอซอไม่เคยเข้าสำนักศึกษาทำได้แค่ริษยาอยู่ไกลๆ ร่ำเรียนเขียนอ่านเพียงลำพังในเรือนลับ เมื่อกลับเข้าเรือนเร้นอันคับแคบแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็เห็นมารดากำลังแอบนั่งร้องไห้เงียบๆ อย่างโดดเดี่ยวใต้ต้นท้อเหมือนทุกครา

ครั้นบิดามาเยือนเขาถึงได้ระเบิดอารมณ์อันอัดอั้นออกมา

“ข้ากับท่านแม่ไม่ควรอยู่ในสภาพเช่นนี้ ท่านพ่อบอกข้าที ว่าข้ากับท่านแม่ต่ำต้อยกว่าอนุของท่านปานใด เหตุใดถึงไม่ได้เข้าจวนโจว เหตุใดข้าไม่มีสิทธิ์เข้าสำนักศึกษา ข้าก็เป็นถึงบุตรชายเสนาบดี”

เขาไม่เคยคิดให้มารดาเทียบชั้นภรรยาเอก และตัวเขาเองก็ไม่คิดเบียดเบียนน้องชายที่เป็นบุตรภรรยาเอกสักครา

เขาขอแค่ได้มีสถานะที่ถูกต้อง ได้เข้าเรียนสำนักศึกษา

วันนั้นบิดาถึงขั้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่เอาแต่โทษตนเองว่าสมควรตาย เป็นบุรุษไม่ได้ความ ไม่มีความสามารถพายอดดวงใจเข้าจวนได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะให้มารดาเป็นแม้แต่อนุหลังเรือน

ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่าหากทำเช่นนั้นย่อมเท่ากับบิดาพาเขากับมารดาไปตาย ต้องตกอยู่ในอุ้งมือมาร ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายทุกวัน

เมื่ออดีตฮูหยินปีศาจผู้นั้นถูกบาปกรรมตามสนองจนตาย เขาจึงไม่รอช้าที่จะพามารดาติดตามบิดาเข้าจวนมาอย่างผ่าเผย แต่ไม่คิดเลยว่าน้องชายเพียงคนเดียวกลับรังเกียจพี่ชายเช่นเขา

เห็นร่างสูงเพรียวยืนครุ่นคิดคล้ายโดดเดี่ยวไร้เรี่ยวแรง แม่นมชรานามกุ้ยฉิงที่ติดตามจูเข่อเหรินตั้งแต่อยู่เรือนลับและดูแลโจวจือหยวนตั้งแต่แบเบาะก็เดินเข้ามา

“คุณชายใหญ่ ข้างนอกแดดร้อนลมแรงยิ่งนัก ท่านกลับเข้าด้านในเถิดเจ้าค่ะ”

โจวจือหยวนหันมองแม่นมของตน ถามอย่างกลัดกลุ้ม “ท่านคิดว่าน้องรองกำลังจะทำอันใด? เขาไปจากที่นี่จริงหรือไร?”

กุ้ยฉิงเบือนหน้ามองไปอีกทาง ในแววตาแฝงแววซับซ้อน ในใจนึกปรามาส นิสัยมารดาเป็นเช่นไร บุตรชายย่อมเป็นเช่นนั้น เมื่อก่อนอดีตฮูหยินมักใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากนายท่านโจว จนละเลยนายหญิงจูของนาง ถึงขั้นไม่ไปหาที่เรือนลับตั้งหลายวัน

หญิงชราหันมาเอ่ยยิ้มๆ กับโจวจือหยวน

“คุณชายรองคงกำลังประชดประชันเรียกร้องความสนใจจากนายท่านเท่านั้นเอง นายน้อยของบ่าวอย่าได้ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าน้องชายแค่ประชดหรือเรียกร้องความสนใจ ดูจากท่าทางสุขุมเย็นชาของอีกฝ่ายวันก่อน ไม่มีส่วนใดไม่น่าเชื่อถือเลย อีกอย่าง ถูกท่านพ่อดุด่าขนาดนั้น...

ทั้งที่หน้าตามีริ้วรอยถูกทำร้ายจากอดีตคู่หมั้น แต่ท่านพ่อกลับไม่เอ่ยปากถามไถ่ดีๆ สักคำ สาดแต่วาจาร้ายกาจ

โจวจือหยวนถอนหายใจอย่างอดเป็นห่วงมิได้

แม้มิได้สนิทสนมแน่นแฟ้นแต่อย่างไรก็พี่น้องกัน

กุ้ยฉิงมองคนที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดอย่างเอ็นดู “โธ่เอ๋ย คุณชายของบ่าว ท่านเปี่ยมคุณธรรมมากน้ำใจถึงเพียงนี้ แต่ดูทีว่าคนเขาต้องการหรือไม่ ท่านกลับเข้าเรือนด้านในเถิดเจ้าค่ะ”

“แต่...”

“ไม่มีแต่เจ้าค่ะ ดูสิ หน้าแดงหมดแล้ว แดดแรงยิ่งนัก ท่านต้องถนอมร่างกายให้มากนะเจ้าคะ อย่าทำคนแก่เช่นข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลยเจ้าค่ะ”

ถูกต้อนด้วยวาจานี้ โจวจือหยวนที่สุภาพอ่อนโยนมาตลอดจึงยอมเดินกลับเรือนไปแต่โดยดี

กุ้ยฉิงน้อมส่งโจวจือหยวนจนคล้อยหลังลับจากสายตาไป นางยืนมองนายน้อยของตนด้วยสายตาจงรักภักดีสุดหัวใจ

ทั้งจูเข่อเหรินและโจวจือหยวนล้วนเป็นแก้วตาดวงใจของบ่าวชราคนนี้ ขอเพียงผู้เป็นนายทั้งสองหลุดพ้นความทุกข์ตรม  ได้พบความสุขสมเสียที แม้แต่ชีวิตนางก็สามารถมอบให้ได้

สายตาของกุ้ยฉิงทอดยาวไปทางห้องโถงหลักที่ยามนี้มองเห็นโจวเจ๋อผู่กับจูเข่อเหรินนั่งพูดคุยกัน แม้จะเคร่งเครียดทว่าแววตาฝ่ายหญิงทั้งห่วงใยและใส่ใจ คอยพูดปลอบประโลมไม่หยุด ส่วนฝ่ายชายแม้จะยังโมโหอยู่แต่กลับไม่โวยวายใส่ภรรยาของตน  คนเขาทะนุถนอมประคบประหงมสตรีตรงหน้าเหนืออื่นใด

ในอดีตชายหญิงรักใคร่เช่นไรวันนี้ผ่านอุปสรรคหนักหนาผ่านเหตุการณ์สาหัสนานัปการก็ยังรักมั่นมิแปรผัน

กุ้ยฉิงมองภาพนั้นนิ่งๆ แววตามีแต่ความสุขล้นท่วมท้นใจ หวังเพียงฟ้าจะยุติธรรมกับนายหญิงของตนจริงๆ เสียที

ท้องฟ้าช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูสารทค่อนข้างโปร่งใส อากาศยังคงร้อนระอุถึงสิบส่วน แสงแดดดั่งอัคคีแผดเผาพื้นดิน  สายลมที่พัดโชยจนยอดไม้ไหวหอบไอร้อนผ่านหน้าวูบไป 

ยามเที่ยงยิ่งเป็นเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน กุ้ยฉิงรู้สึกร้อนทว่ายังคงยืนหรี่ตามองผู้เป็นนายนิ่งนาน พลางนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างจูเข่อเหริน โจวเจ๋อผู่และเฉินรุ่ยฟางอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับผู้นั้น

นางค่อยๆ หันหลังเดินจากมาทางฝั่งหนึ่ง เป้าหมายคือประตูข้าง บางสิ่งบางอย่างควรจัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงจะดี ชีวิตที่เหลือของจูเข่อเหรินจะได้หมดเสี้ยนหนามตำใจ คุณชายใหญ่ไร้จุดตำหนิหมดสิ้นคนรบกวนจิตใจ

บ่าวหญิงอาวุโสค่อยๆ ถูกกลืนหายไปในฝูงชนคลาคล่ำ คนผู้หนึ่งมีรูปร่างผอมบาง สีหน้าท่าทางเปี่ยมมิตรไมตรีปานนั้น หากแต่ใครจะล่วงรู้ว่านางกำลังคิดลงมือทำสิ่งใด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel