ตอนที่ 5 ถ้าไม่โง่ + ผลักภาระ
ตอนที่ 5 ถ้าไม่โง่
บ้านหลังใหญ่ในพื้นที่กว้างขวางรายล้อมไปด้วยสวนและต้นไม้ใหญ่ภายในรั้วกว้างมีบ้านหลังใหญ่อีกสองหลังซึ่งเป็นของธนัตและธารทิพย์ญาติฝ่ายพ่อที่ขอมาสร้างอยู่อาศัยร่วมด้วยเพราะธเนศพ่อขอเพชรน้ำหนึ่งเป็นคนเดียวที่หัวดีได้ทุนเรียนจบดอกเตอร์เป็นทั้งอาจารย์และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง สร้างบริษัทนำเข้าอุปกรณ์อิเลคโทรนิคทำให้มีฐานะและทรัพย์สินมากมายแบบก้าวกระโดดแต่น่าเสียดายที่อายุสั้นเสียชีวิตจากการจมน้ำตอนว่ายน้ำไปช่วยลูกสาวฝาแฝด ทว่าความเย็นของน้ำทำให้ตะคริวกินขาธเนศไม่สามารถว่ายน้ำต่อได้และจมน้ำไปพร้อมกับลูกสาวคนโต…..
ปรางสุดาเดินวนไปมาภายในบ้านหลังใหญ่ เธอเฝ้ารอการติดต่อของหลานสาวเพียงคนเดียวด้วยความร้อนใจมาหลายวันจนสามารถติดต่อได้วันนี้และเพชรน้ำหนึ่งได้นัดว่าจะกลับมาบ้านตอนห้าโมงเย็น เมื่อรถยนต์คันหรูของพสุธาจอดหน้าประตูบ้านปรางสุดารีบวิ่งออกไปรับโอบกอดหลานสาวด้วยความห่วงใย
“หายไปไหนมาหลายวันลูก น้าเป็นห่วงหนูมากนะ”
“ไปพักผ่อนต่างจังหวัดมาค่ะ” เพชรน้ำหนึ่งเสียงเอื่อยสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรง
“ไม่ค่อยสบายทำไมถึงพาไปไกลบ้าน?”
“ผมเห็นคุณน้ำหนึ่งเศร้าเลยอยากให้เธอไปเจอบรรยากาศใหม่ ๆ ไม่จำเจ ถ้าต้องเห็นอะไรในเดิม ๆ ในบ้านอาจยิ่งบั่นทอนจิตใจ” พสุธาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ ด้านปรางสุดาหันขวับมาจ้องมองขึงขังไม่พอใจ
“นายไม่ควรพาน้ำหนึ่งไปไหนได้ตามใจ ถึงจะเป็นลูกเลี้ยงแต่ก็เป็นหนุ่มสาวไปไหนมาไหนกันสองคนมันน่าเกลียด!”
“ขอโทษครับ ผมอยากให้คุณน้ำหนึ่งอาการดีขึ้นเลยคิดไม่รอบคอบ” พสุธาโน้มลงหน้าลงเล็กน้อยไม่ตอบโต้และยอมรับผิด
“ไม่ได้เรื่องเลี้ยงเสียข้าวสุก” ปรางสุดาตาขวางไม่ชอบลูกเลี้ยงคนโปรดของพี่สาวที่รักนักรักหนารักกว่ายิ่งกว่าเธอที่เป็นน้องในไส้
“น้ำหนึ่งอยากพักแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยแทรกปรายตามองพสุธาเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินหอบกระเป๋าใบโตโซเซขึ้นบันไดไปพักผ่อนบนห้องนอน ปรางสุดามองตามหลังหลานสาวก่อนจะหันมาจ้องหน้าพสุธา
“อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันว่าแกอยากรวบหัวรวบหางหลานฉันหวังสมบัติ หายไปต่างจังหวัดเป็นอาทิตย์คงไม่เหลืออะไรแล้วมั้ง”
“ผมไม่ได้ทำเรื่องสกปรกอย่างที่คุณปรางคิดหรอกครับ” พสุธาเสียงแข็งก่อนจะเดินกลับไปยังรถยนต์คันหรูเพื่อขับกลับไปยังบ้านของตัวเอง ปรางสุดานิ่วหน้าครุ่นคิดเหมือนโดนเด็กเมื่อวานซืนเหน็บว่าเธอคิดสกปรก...........
ในคืนที่สองของการกลับมาอยู่บ้านเพชรน้ำหนึ่งได้ยินเสียงฝีเท้าคนเข้ามาในห้องนอนแล้วกระซิบเรียกให้เธอตื่นขึ้นแล้วยื่นแผ่นกระดาษพิมพ์ข้อความไว้เต็มหน้ากระดาษมาวางลงบนตัก
“เซ็นชื่อให้แม่สิลูก คืนทุกอย่างให้แม่นะลูก เซ็นชื่อลงตรงนี้สิลูก” เสียงกระซิบเน้นย้ำอยู่อย่างนั้นทำให้คนโอนเอนตาลอยอยู่ในภวังค์จรดปลายปากกาเซ็นชื่อท้ายกระดาษแผ่นนั้นแล้วเอนนอนหลับใหลไปห้วงนิทรา.......
เช้าวันเปิดพินัยกรรม
ญาติ ๆ ต่างนั่งบนโซฟาห้องโถงรับแขกเพื่อรอทนายเปิดพินัยกรรม โดยมีปรางสุดากับปราบพิชัยลูกชาย ธนัตกับมาลินี ภรรยาซึ่งมีลูกสาวเอวาและลูกชายมาสุ ส่วนธารทิพย์เป็นหญิงหม้ายไม่มีลูก และพสุธา ทนายนั่งตรงกลางเตรียมเปิดพินัยกรรมเหลือเพียงเพชรน้ำหนึ่งกำลังเดินโซเซแววตาเลื่อนลอยมานั่งบนโซฟาข้างทนาย เมื่อถึงเวลาเปิดพินัยกรรมธนัตและครอบครัว ปรางสุดากับลูกและธารทิพย์ได้รับมรดกเฉลี่ยทั้งที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ครอบครัวละสิบล้านบาท ส่วนทรัพย์สินกว่าแปดสิบล้านบ้านหลังใหญ่ที่อยู่อาศัย ที่ดิน เครื่องเพชรในตู้เซฟธนาคารเงินฝากและธนาณัติรวมถึงหุ้นต่าง ๆ และตำแหน่งผู้บริหารบริษัทนำเข้าอุปกรณ์อิเลคโทรนิคให้เป็นของพสุธา ธรรมมาลักษณ์อุดม เพียงผู้เดียว
พสุธาได้ยินก็นิ่งอึ้งหันมองหน้าเพชรน้ำหนึ่งที่กำลังช็อกน้ำตาไหลไม่ได้รับทรัพย์สินแม้แต่บาทเดียว ญาติ ๆ ลุกฮือประท้วงไม่พอใจกล่าวหาว่าพินัยกรรมถูกปลอมแปลงเพราะไม่เชื่อว่าพสุธาจะได้สมบัติเกินครึ่งไปคนเดียวโดยที่ลูกสาวไม่ได้รับสมบัติอะไรเลย
“ผมแจ้งความหมิ่นประมาทได้นะครับ” ทนายสืบเงยมองทุกคนอย่างเอาเรื่อง
“พวกกูก็จะแจ้งความพวกมึงรวมหัวกันโกง มีอย่างที่ไหนลูกเลี้ยงได้สมบัติเยอะกว่าลูกตัวเองดูก็รู้ว่าโกง” ธนัตตะคอกเกรี้ยวกราดไม่ไว้หน้า
“ผมทำอาชีพทนายมาสามสิบปี ขอยืนยันว่านี่คือความประสงค์ของคุณหทัยชนกตอนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนก่อนที่คุณหทัยชนกจะเข้าทำการรักษามะเร็งด้วยซ้ำ”
“พูดอะไรบ้างสิน้ำหนึ่ง มัวแต่นั่งร้องไห้อยู่ได้!” ธารทิพย์หันไปตวาดหลานสาวนั่งเอ๋อร้องไห้ไม่เรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเอง
“ถ้าคุณแม่ต้องการแบบนี้ก็ตามนั้นค่ะ” เพชรน้ำหนึ่งเสียงสั่นหน้าแดงก่ำยังตกใจในพินัยกรรมของแม่
“เราเป็นลูกจะไม่ได้อะไรเลยได้ยังไง หลานต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเองจะปล่อยให้คนอื่นฮุบสมบัติไม่ได้!” ปรางสุดาโผเข้ามาหาเขย่าแขนหลานให้ได้สติ
“คุณน้ำหนึ่งมีสิทธิ์ในสมบัติของผมครึ่งหนึ่งตามกฎหมาย”
“สิทธิ์อะไรวะ!” ธนัตหันมาจ้องพสุธาตาเขม็ง
“สิทธิ์ของภรรยาผม” พสุธาเน้นเสียงน้ำหนักท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจของเหล่าญาติพี่น้อง
“นี่พวกแกเล่นบ้าอะไรกัน ฮะ!” ธารทิพย์โวยวายลั่นห้องโถง เพชรน้ำหนึ่งยืนขึ้นมองไปทางพสุธา
“เราสองคนจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายแล้วค่ะ”
“น้าเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าหลวมตัวไปเชื่อมัน พี่หทัยถูกมันหลอกแล้วหลานยังโง่ให้มันหลอกซ้ำอีก!” ปรางสุดากระชากแขนหลานสาวอย่างแรงโมโหที่หลานพลาดเป็นเหยื่อของเด็กกำพร้า
“ถ้าหนูไม่โง่ให้เขาหลอก หนูก็หมดตัวเพราะคุณแม่เลือกที่จะให้ทุกอย่างกับเขา”
“แกไปจดทะเบียนกันตอนไหนกลับมาแม่ก็ตาย ช่วงงานศพก็ไม่ได้ไปไหนหลังงานศพแกก็นอนประสาทหลอนอยู่ในห้อง” ธารทิพย์หน้าแววตาขึงขังไม่พอใจกับความโง่ของหลาน
“คุณน้ำหนึ่งเศร้าเพราะการตายของคุณหทัยไม่ได้นอนประสาทหลอนอยู่ในห้อง” พสุธาเอ่ยแทรกจ้องมองธารทิพย์ไม่วางตา
“จะไม่ใช่ได้ยังไงก็ฉัน....”
ตอนที่ 6 ผลักภาระ
“คุณเป็นคนวางยาในอาหารของคุณน้ำหนึ่ง คนไม่เคยเข้าครัวทำอาหารไม่เป็นอย่างคุณธารทิพย์เข้าไปวุ่นวายในครัวของบ้านนี้ทุกมื้ออาหารเพื่ออะไร” พสุธาพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ไม่ให้ผลีผลามทั้งที่รู้ดีว่าคนวางยาเพชรน้ำหนึ่งคือธารทิพย์
ย้อนกลับไปวันที่เพชรน้ำหนึ่งกลับมาบ้าน
ภายในห้องนอน
เพชรน้ำหนึ่งนั่งเปิดกระเป๋าใบโตมีกล้องวงจรปิดและอาหารสำเร็จรูปกระติกน้ำร้อนขนาดเล็กและน้ำดื่มเพื่อให้เธอประทังชีวิตไปสามวันก่อนเปิดพินัยกรรมเพราะพสุธาไม่มั่นใจให้เธอดื่มกินอะไรที่มาจากบ้านของตัวเอง ระหว่างจัดเรียงอาหารซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าเธอก็นึกถึงแผนที่คุยไว้กับพสุธาก่อนกลับมาถึงบ้าน
“ฉันไม่เป็นอะไรเหลือแค่คอยระวังตัว”
“แบบนั้นคุณจะเหนื่อยรับมือกับคนที่ไม่หวังดี ผมอยากจับตัวคนร้ายให้ได้เราจะเชือดไก่ให้ลิงดูว่าเรารู้ทัน คนที่คิดร้ายจะได้ไม่ลงมือพร่ำเพรื่อแต่เราก็วางใจไม่ได้คนพวกนั้นอาจทำอีกและรอบคอบมากขึ้น ทางที่ดีหลังเปิดพินัยกรรมคุณต้องให้พวกเขาออกไปจากรั้วบ้านไม่ว่าจะคนรับใช้ คนรถหรือคนสวนก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด”
“ป้าพึงกับอ้ายไม่น่าจะมีปัญหา”
“ผมไม่ไว้ใจใคร” พสุธาเน้นย้ำในตอนนี้เขาไม่เชื่อว่าคนรับใช้จะไม่รู้เรื่องการวางยาเพราะเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด…..
หลังจากกลับมาบ้านเพชรน้ำหนึ่งอยู่แต่ในห้องเทอาหารที่คนรับใช้จัดมาให้ทิ้งลงถังขยะแล้วกินแค่อาหารสำเร็จรูปที่เธอนำมาซ่อนไว้ จนกระทั่งใกล้ถึงวันเปิดพินัยกรรม
ปัจจุบัน
ธารทิพย์เลิ่กลั่กเหล่มองญาติพี่น้องที่กำลังจับจ้องมองทางตนอย่างประหม่า
“ฉันเป็นห่วงน้ำหนึ่งเลยช่วยเตรียมอาหารบำรุงหลานที่สุขภาพไม่ค่อยดี”
“บำรุงด้วยตัวยาพวกนี้เหรอครับ สารกล่อมประสาทเพื่อที่คุณจะกล่อมให้คุณน้ำหนึ่งเซ็นมอบสมบัติทุกอย่างให้คุณ” พสุธาโยนเอกสารการตรวจสารที่เพชรน้ำหนึ่งบริโภคเข้าไป ธนัตหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านมือไม้สั่นเทามาลินีชะเง้ออ่านเอกสารหน้าเครียด
“อย่ามาใส่ร้ายฉันนะไอ้กาฝาก!” ธารทิพย์ถลึงตาโกรธพสุธาแทบจะฆ่าให้ตาย พสุธาหยิบรีโมตเปิดโทรทัศน์กลางห้องโถงเป็นภาพวงจรปิดหน้าห้องและในห้องนอนของเพชรน้ำหนึ่ง
“คุณไปทำอะไรหน้าห้องและในห้องคุณน้ำหนึ่ง และคุณเอากระดาษอะไรไปให้เธอเซ็นตอนนอน”
“ไม่มี ๆ” ธารทิพย์อ้าปากค้างน้ำตารื้นปฏิเสธเสียงสั่น พสุธาเดินเข้าไปใกล้ธารทิพย์แล้วเอื้อมหยิบกระเป๋าผ้าใบใหญ่ของเธอ
“อย่ายุ่งกับกระเป๋าฉันนะ เอามา!” ธารทิพย์พยายามยื้อแย่งแต่พสุธาไวกว่าเขาหยิบซองสีน้ำตาลออกมาเปิดเอกสารอ่าน
“เอกสารมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับธารทิพย์ วิศานุกรณ์ คุณเตรียมเอกสารแผ่นนี้ไว้รอหลังเปิดพินัยกรรมถ้าคุณน้ำหนึ่งได้รับสมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของคุณทันที” สิ้นเสียงพสุธาทุกคนในบ้านนิ่งอึ้งช็อกไปตาม ๆ กัน
“พี่ช่วยด้วย” ธารทิพย์ตัวสั่นเกร็งก่อนจะมองร้องขอความช่วยเหลือจากพี่ชายและพี่สะใภ้
“แกทำแบบนี้ได้ยังไงธาร”
“ธารทำเพื่อเราทุกคน สมบัติของน้องชายเราควรเป็นของพวกเราไม่ใช่ของลูกหรือคนนอกอย่างมัน”
“ลูกสาวธเนศคือหลานในไส้ของเรา น้ำหนึ่งอาภัพเสียพ่อแม่และพี่สาวเหลือตัวคนเดียวมีแค่ญาติอย่างเราที่หลงเหลืออยู่แกไม่สงสารหลานที่แกเห็นมาตั้งแต่เด็กบ้างเหรอ”
“ผมต้องให้ตำรวจจัดการนะครับ” พสุธามองไปทางตำรวจสองนายกำลังเดินเข้ามาจับกุมธารทิพย์
“ถูกว่าตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด” ธนิตหน้าเครียดน้ำตาร่วงเสียใจกับการกระทำของน้องสาวก่อนจะตัดใจเดินออกจากห้องโถงไปกับครอบครัวตัวเอง
“พี่ธนัต พี่ลินี!” ธารทิพย์ร้องเรียกพี่ชายกับพี่สะใภ้สุดเสียงซึ่งไม่มีวี่แววว่าพี่จะหันมอง ตำรวจพาธารทิพย์เดินไปข้างนอกเพชรน้ำหนึ่งกับพสุธาเดินตามมาดูเหตุการณ์และถูกธารทิพย์จ้องมองแค้นเคือง
พสุธาเขยิบตัวบังเพชรน้ำหนึ่งแล้วจ้องตาเขม็งตอบกลับธารทิพย์เป็นการสื่อว่าเขาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพชรน้ำหนึ่งได้
ด้านทนายเดินมาหาพสุธากับเพชรน้ำหนึ่งพร้อมกับยื่นซองจดหมายส่งให้
“คุณหทัยสั่งให้ผมนำให้คุณน้ำหนึ่งกับคุณดินเปิดอ่านพร้อมกัน” ทนายสืบส่งจดหมายในมือให้เสร็จก็ขอตัวกลับ เพชรน้ำหนึ่งเปิดจดหมายดูมีอีเมลและพาสเวิร์ดกับข้อความหลังดอกจัน *ฉบับร่าง ทั้งสองเงยมองหน้าสงสัยก่อนจะไปหามุมเงียบเปิดดูไฟล์อีเมลที่หทัยชนกฝากไว้กับทนาย
เพชรน้ำหนึ่งเข้าอีเมลและใส่พาสเวิร์ดผ่านโทรศัพท์ เลื่อนดูจดหมายฉบับร่างตามที่ระบุในกระดาษจดหมายซึ่งมีไฟล์แนบเป็นคลิปวิดีโอ ทันทีที่เปิดไฟล์เห็นหน้าหทัยชนกคนทั้งสองก็หน้าเศร้าน้ำตาคลอด้วยความคิดถึง
“น้ำหนึ่ง ถ้าหนูเห็นคลิปตอนนี้หนูต้องกำลังโกรธแม่มากแน่ ๆ แม่มีเหตุผลที่ไม่ยกมรดกให้กับลูกเพราะทุกคนจะรุมทึ้งลูกทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มรดกไป หนูเติบโตมาอย่างดีและดีเกินกว่าจะสู้รบกับคนพวกนั้นได้ แม่เลยทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวเพื่อปกป้องลูกตัวเองให้ปลอดภัยไม่เป็นเป้าถูกลอบทำร้าย แม่เลยผลักภาระเลยยกมรดกที่หนูควรจะได้ไปให้ดินรับผิดชอบแทนลูก หวังว่าตอนนี้หนูจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงบังคับให้ลูกสองคนจดทะเบียนสมรสกันเพราะหนูจะได้สมบัติของแม่โดยไม่ต้องเสี่ยง แม่มั่นใจว่าดินไม่มีทางทอดทิ้งลูกและเชื่อว่าดินจะไม่ทำร้ายหนูเพื่อเอาทุกอย่างไว้คนเดียว ถ้าไม่มีแม่แล้วคนที่ลูกไว้ใจได้มีแค่ดินเท่านั้น แม่รักน้ำหนึ่งมากนะลูก แม่ขอโทษที่อยู่ดูแลหนูต่อไม่ได้ หนูต้องเข้มแข็งและเติบโตและแข็งแกร่งให้ได้นะ ส่วนดินแม่ขอโทษที่เห็นแก่ตัวผลักภาระและปัญหาไปให้ แม่ทำเพราะแม่ไว้ใจและเชื่อว่าดินดูแลปกป้องน้องได้ แม่รักดินนะลูก อย่าทิ้งน้องนะ อย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่”
เพชรน้ำหนึ่งร้องไห้ฟูมฟายซาบซึ้งถึงความห่วงใยของแม่ พสุธาน้ำตาไหลค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินห่างออกไปเขารู้ว่าหทัยชนกตั้งใจปกป้องเพชรน้ำหนึ่งโดยการให้เขารับทรัพย์สินรวมถึงครอบครองเพชรน้ำหนึ่งในนาม แต่ถึงรู้เขาก็รับปากกับหทัยชนกว่าจะทำให้เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้หญิงที่เขารักเหมือนแม่แท้ ๆ เพชรน้ำหนึ่งหันมองหน้าแดงก่ำคนที่แม่ไว้ใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตช่วยเหลือเธอให้รอดตายและคุ้มครองเธอได้อย่างดีสมกับที่แม่ไว้ใจเธอเองก็ไม่ควรเคลือบแคลงสงสัยในตัวเขาอีก....
